พลโทธนณัฐ ยังเฟื่องมนต์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามประเมินผลหมู่บ้านแกนหลัก Core Village พื้นที่ชายแดน ที่จังหวัดหนองคาย

วันที่ 30 ส.ค.2565 ที่ วัดสิงห์ทองเจติยาราม บ้านหนองกุ้งใต้ หมู่ที่ 1 ต.กุดบง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย พลโทธนณัฐ  ยังเฟื่องมนต์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามประเมินผลหมู่บ้านแกนหลัก Core Village พื้นที่ชายแดน โดยมีนายณัฐวัสส์  วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ,พ.อ.ศิวดล  ยาคล้าย เลขาธิการ กอ.รมน.ภาค 2 ส่วนแยก 1 พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและประชาชนร่วมให้การต้อนรับ พร้อมรับชมวิดิทัศน์

หมู่บ้านหนองกุ้งใต้  เป็นหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็ง เป็นตัวแทนของจังหวัดหนองคาย ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการประกวดหมู่บ้านศีล 5 การปฏิบัติของกองกำลังภาคประชาชน ซึ่งได้ดำเนินตามนโยบายของผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในการเฝ้าระวัง  แจ้งเตือน ติดตาม และรายงานผล สามารถแจ้งข่าวสาร นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดหลายครั้ง  นับเป็นหมู่บ้านตัวอย่างที่จะนำไปขยายผลให้กับหมู่บ้านอื่นๆ ให้มีความเข้มแข็งเช่นเดียวกันกับหมู่บ้านหนองกุ้งใต้  เพื่อให้ประเทศชาติ มีความเข้มแข็ง และปลอดภัยจากยาเสพติดในพื้นที่ต่อไป

สถานการณ์การลักลอบนำเข้ายาเสพติด เนื่องจากความต้องการยาเสพติดทั้งภายในประเทศและประเทศที่สามยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มขบวนการ พยายามลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 ส่วนแยก 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี จึงจำเป็นในการทำให้เกิด เป็นหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็ง สามารถปฎิบัติงานร่วมกับเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากนั้น พลโทธนณัฐ  ยังเฟื่องมนต์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้เยี่ยมชมและสนับสนุนสินค้าโอท็อป ของชุมชน พบปะมวลชน ชมสาทิตการตรวจค้นจับกุม การลาดตระเวน จากนั้นได้ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงในแม่น้ำโขง มอบถุงยังชีพและมอบเงินสำหรับซื้ออุปกรณ์กีฬา จำนวน 6 โรงเรียน

สมาคมเวียดนามหนองคาย เร่งทำกะลาไฟ (กะโป๋ไฟ) 5 หมื่นอัน หลอมรวมเศษเทียนวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง ไว้ใช้ลอยในแม่น้ำโขง เพื่อบูชาพระแม่คงคาในวันออกพรรษา

วันที่ 29 ส.ค.2565  นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายก อบจ.หนองคาย พร้อมด้วยนายอุรุยศ เอียสกุล นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย , นายมนนิภา โกวิทศิริกุล ประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย และนางสุกานดา พันธุ์เสือ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจการทำกะลาไฟ หรือภาษาถิ่นเรียกว่า "กะโป๋ไฟ" ของสมาคมเวียดนามหนองคาย ที่จะใช้ลอยในวันออกพรรษา ปี 2565 นี้

นางอารยา กุลธัญวัฒน์ นายกสมาคมเวียดนามหนองคาย กล่าว่า ทุกปีที่ผ่านมาชาวชุมชนป่าพร้าว ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ได้มีการนำกะโป๋ไฟมาลอยบูชาพระแม่คงคาในช่วงออกพรรษาของทุกปี  ซึ่งทางสมาคมฯเห็นว่าเป็นประเพณีอันดีงาม จึงได้เข้ามาสนับสนุน ที่ผ่านมาทุกปีจะทำ 1 – 2 หมื่นอัน ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 5 หมื่นอัน ซึ่งมีหน่วยงานราชการเข้ามาให้การสนับสนุน โดยจะใช้ลอยในวันออกพรรษา ปีนี้ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม 65 จึงอยากเชิญชวนชาวหนองคายและนักท่องเที่ยวมาร่วมชมความสวยงาม เพราะเป็นดวงไฟที่ลอยกลางแม่น้ำโขง เป็นสายยาวตามลำแม่น้ำโขง จุดเริ่มต้นที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว กระโป๋ไฟแต่ละอันไฟจะติดยาวนานไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งจะติดลอยไปจนถึงอำเภอโพนพิสัย

นายกสมาคมเวียดนามหนองคาย  กล่าวต่อไปอีกว่า กะโป๋ไฟที่ทำมีการนำเศษเทียนจากวัดต่าง ๆ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยเฉพาะเศษเทียนที่วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง วัดประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย จากนั้นก็จะนำเศษเทียนมาต้มก่อนจะเทใส่กะโป๋มะพร้าวที่ปักไส้เทียนไว้แล้ว ซึ่งกะโป๋มะพร้าวทางสมาคมก็จะซื้อจากร้านทำขนมหวานในจังหวัดหนองคาย ในราคากะโป๋ละ 1 บาท ซื้อสะสมมาไว้ตลอดทั้งปี

สำหรับความเชื่อในการลอยกะโป๋ไฟนั้น  เป็นการหลอมรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากหลาย ๆ วัดไว้ในกะโป๋ไฟที่ทำขึ้นนี้ ก่อนจะนำไปลอยเพื่อบูชาพระแม่คงคา จึงอยากเชิญชวนให้มาร่วมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยจะเริ่มลอยในเวลาประมาณ 17.00 น.เป็นต้นไป จนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. เป็นวันเดียวกันกับวันที่คาดว่าจะมีปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” เป็นการทำกะโป๋ไฟทั้งปี เพื่อลอยในวันนี้เพียงวันเดียว

โรงเรียนสาครพัฒนา อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี จัดกิจกรรมค่ายส่งเสริมการเรียนรู้ศิลปะ สำหรับชั้น ป.1-6 เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ความสามารถทางด้านศิลปะ

วันที่ 27 ส.ค.2565 ที่โรงเรียนบ้านสาครพัฒนา หมู่ที่ 13 ต.หนองแวง อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี นายสุขอนันต์ ปักอินทรีย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสาครพัฒนา เป็นประธานเปิดกิจกรรมค่ายส่งเสริมการเรียนรู้ศิลปะ ประจำปีการศึกษา 2565 โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธีรวัฒน์ ศิริมาท ครูผู้รับผิดชอบโครงการฯ เป็นผู้กล่าวรายงาน มีครูแดงบ้านศิลป์ไทย และครูเบิ้มเติมศิลป์ ร่วมเป็นวิทยากรในการให้ความรู้และเทคนิคการวาดภาพสีน้ำแบบง่าย ๆ แก่นักเรียนให้เกิดความคิดจินตนาการสร้างสรรค์ทางศิลปะ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้สูงขึ้น และให้นักเรียนเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ด้านศิลปะ

เนื่องด้วยศิลปะ ถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความรู้อีกรูปแบบหนึ่ง  ที่มีคุณค่าที่จัดให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ขยายขอบเขตจากการทำกิจกรรมในห้องเรียน  ทำให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงจากการสังเกต การลงมือปฏิบัติ ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  และสร้างความรู้ด้วยตนเองจากการเรียนรู้ในกลุ่ม เป็นการฝึกทักษะทางสังคมในการทำงานร่วมกัน มีความตระหนักถึงความสำคัญและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ด้านศิลปะ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ เป็นเป้าหมายของการเรียนการสอนด้านสาระศิลปะ ที่สอดคล้องกับแนวปฏิรูปการเรียนรู้

ทางกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ โรงเรียนบ้านสาครพัฒนา มีความตระหนักและเห็นความสำคัญให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง จากวิทยากรผู้มีความเชี่ยวชาญโดยตรง จึงได้จัดกิจกรรมค่ายส่งเสริมการเรียนรู้ด้านศิลปะ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ขึ้น เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ความสามารถทางด้านศิลปะ ตลอดจนบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ตามที่หลักสูตรกำหนด

คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเทศบาล 5 มีชัยวิทยา นำเด็กนักเรียนทัศนศึกษา"ค่ายเกษตรศิลป์" บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง เพื่อนำนักเรียนสู่การเรียนรู้นอกห้องเรียนและเปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับตนเอง

วันที่ 26 ส.ค. 2565 ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเทศบาล 5 มีชัยวิทยา นำโดยนางรัตติยา ณ หนองคาย ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้จัดโครงการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้วยการนำเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 - ป.6 จำนวน 195 คน มาทัศนศึกษา"ค่ายเกษตรศิลป์" โดยมี ครูแดงบ้านศิลป์ไทย และครูเบิ้มเติมศิลป์ ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมพาเยี่ยมชมภายในศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงฯ ก่อนนำสิ่งที่พบเห็นมาทำกิจกรรมพัฒนาทักษะ เสริมสร้างจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการวาดภาพระบายสี 

ในการจัดโครงการครั้งนี้ เพื่อนำนักเรียนสู่การเรียนรู้นอกห้องเรียนและเปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับตนเอง ภายใต้โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะส่งเสริมความรู้ ความสามารถของนักเรียนได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงเป็นรากฐานของการดำเนินชีวิต ในสังคมอย่างมีความสุข อีกทั้งยังเป็นการสร้างแบบแผนให้นักเรียนสามารถลงมือปฏิบัติ โดยตั้งบนรากฐานทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และธรรมชาติ เป็นการเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์แบบบูรณาการให้กับนักเรียน จากการเรียนรู้นอกห้องเรียน และนักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง อีกต่อไป