วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

อำเภอศรีเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และท้องถิ่น ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและมอบของใช้จำเป็นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้พิการและป่วยติดเตียงในพื้นที่


วันที่ 30 เม.ย. 63 นายพรต ภูภักดิ์ นายอำเภอศรีเชียงใหม่ และนายเดชมนตรี ผิวเหลือง ปลัดอาวุโสฯ มอบหมายให้ปลัดอำเภอผู้รับชอบของตำบลพานพร้าว, ตำบลหนองปลาปาก, ตำบลบ้านหม้อ และตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง พร้อมมอบของใช้จำเป็น ตามโครงการเยี่ยมบ้านผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม




ทั้งนี้การเยี่ยมบ้านกลุ่มผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง เป็นการบริการด้านสุขภาพในเชิงรุก เป็นกลวิธีที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนในยุคปัจจุบัน โดยกลุ่มเป้าหมายในลงพื้นที่เยี่ยมครั้งนี้เป็นกลุ่มผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียงตำบลละ 5 คน รวมทั้งสิ้น 20 คน เพื่อเป็นการประเมินสุขภาพของประชาชน และการป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวบุคคลและการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนของการที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ และเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจในการให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง






เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเชียงใหม่ ร่วมกับตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ รวบพ่อค้ายา เปิดบ้านให้โจ๋เสพยาบ้าไม่กลัวโควิด-19


วันที่ 30 เม.ย. 63 เวลา 08.00 น. นายเอกพิสิษฐ์ ธีรนันท์ภาคิน ปลัดอำเภองานป้องกัน พร้อมเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.อำเภอศรีเชียงใหม่ และตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีศรีเชียงใหม่ โดยการอำนวยการของนายพรต ภูภักดิ์ นายอำเภอศรีเชียงใหม่ นายเดชมนตรี ผิวเหลือง ปลัดอาวุโส พ.ต.อ.สันติ บุญชู ผกก.สภ.ศรีเชียงใหม่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว 1.นายอนิวัฒน์ เจริญเกียรติ อายุ 20 ปี อยู่ที่ 47 หมู่ที่ 4 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ผู้ต้องหามียาเสพติดประเภทที่ 1 ยาบ้าไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และประเภท 5 (กัญชา) เสพยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 763 เม็ด โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Ais สีดำ 1 เครื่อง, 2.นายอนุชา หมอยา อายุ 18 ปี ที่อยู่ 54 หมู่ที่ 7 ต.โพนทอง อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย ผู้ต้องหาครอบครองเพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติดประเภท 1 เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 566 เม็ด, 3. น.ส.อำพร มากมี อายุ  18 ปี ที่อยู่ 180  หมู่ที่ 4  ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาเสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า), 4.นายอุนุรักษ์ สุขสำราญ อายุ  20 ปี ที่อยู่ 14 หมู่ที่ 4 ต.หนองปลาปาก  อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ผู้ต้องหาเสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยทั้งหมดจับได้ที่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 4 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย



ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเชียงใหม่ ได้สืบทราบว่านายนิวัฒน์ และนายอนุชาได้มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ให้วัยรุ่นและผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่ จึงได้สนธิกำลังร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบกลุ่มวัยรุ่นหญิง-ชาย อายุ 18-20 ปี กำลังมั่วสุมเสพยากันอยู่ 4 คนอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น ได้พบของกลางยาบ้าและอุปกรณ์ในการเสพยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการสอบสวนมี นายนิวัฒน์ และนายอนุชา รับสารภาพว่ายาบ้าเป็นของตน เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ฝ่ายปกครองอ.โพธิ์ตาก อบต.โพนทอง และตชด. เร่งฟื้นฟูซ่อมบ้านเหยื่อพายุถล่มที่เสียหายหนัก


วันที่ 29 เม.ย. 63 ที่ตำบลโพนทอง อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย นายสมควรจะใจซื่อ นายอำเภอโพธิ์ตาก นายธีระวัฒน์ วันวาสี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.อำเภอโพธิ์ตาก เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 245 เจ้าหน้าที่ อบต.โพนทอง และผู้นำหมู่บ้าน ระดมกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านเรือนของชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากพายุพัดบ้านเรือนเสียหายหนัก หลังคาเปิดทั้งหลัง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา โดยทางองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง ได้สนับสนุนงบประมาณ ช่วยเหลือ ในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างครั้งนี้ เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ มีบ้านพักอาศัยตามปกติอย่างโดยเร็ว









วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563

สมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ชมรมผู้สูงอายุ อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย ร้องสื่อมวลชน แฉพฤติกรรมประธานชมรมฯและกรรมการ โกงเงินสมาชิกรวมกว่า 2,500 ราย เป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท อ้างบริหารจัดการผิดพลาดจนขาดทุน


วันที่ 27 เม.ย. 63  ทายาทและสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ชมรมผู้สูงอายุบ้านดอนไผ่ ต.โพนทอง อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย ได้นำหลักฐานร้องเรียนสื่อมวลชน ให้ช่วยเปิดโปงพฤติกรรมของประธานชมรมฯ และกรรมการชมรมฯ โดยระบุว่า มีการบริหารชมรมฯ ไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่จ่ายเงินค่าตอบแทนแก่สมาชิกที่ส่งครบตามกรมธรรม์ในสัญญา 8 ปี ที่ยังไม่เสียชีวิต รวมจำนวน 393 ราย รายละ 17,280 บาท รวมเป็นเงิน 6,791,040 บาท ทั้งยังมีการยกเลิกหรือยุบชมรมฯ โดยไม่รับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เป็นสมาชิกอีกกว่า 1,469 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 21 ล้านบาท



นางปิ่น ชัยสารี อายุ 54 ปี กล่าวว่า ณาปนกิจสงเคราะห์ชมรมผู้สูงอายุบ้านดอนไผ่ ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 กระทั่งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ตนได้ตกลงทำณาปนกิจสงเคราะห์กับทางชมฯ ให้นางหล่ม มารดาของตน เป็นค่าสมัคร 1,000 บาท และค่ารายเดือน 200 บาท รวมต้องจ่ายในวันสมัคร 1,200 บาท และมีกำหนดชำระค่าณาปนกิจสงเคราะห์ทุกเดือนๆละ 200 บาท ตกปีละ 2,400 บาท โดยมีกฏระเบียบข้อบังคับ คือ สมาชิกส่งเงินสมทบ ในระหว่างนั้นเกิดเสียชีวิตในช่วงส่งครบ 6 เดือน 1 วัน ทางชมรมจะจ่ายค่าทำศพ 17,000 บาท เสียชีวิต 2 ปี 1 วัน จะจ่ายค่าทำศพ 30,000 บาท และเสียชีวิต 4 ปี 1 วัน จะจ่ายค่าทำศพ 50,000 บาท แต่ท่าส่งครบ 8 ปี โดยยังไม่เสียชีวิตจะให้หยุดจ่ายเงินรายเดือน รอรับเงินสงเคราะห์ได้เมื่อเสียชีวิต และจะมีเงินตอบแทนให้กับสมาชิกที่ส่งครบ 8 ปี เป็นเงิน 17,280 บาท ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบันที่สมาชิกส่งเงินสมทบมาก็เลยกำหนดครบ 8 ปีแล้วหลายราย กลับไม่ได้เงินตอบแทนแม้แต่บาทเดียวที่สมาชิกสมควรที่จะได้รับ และตลอดระยะเวลาที่ทางชมรมฯ ก่อตั้งขึ้นมา ไม่เคยมีการนัดประชุมสมาชิกสักครั้ง มีแต่คณะกรรมการตั้งโต๊ะประชุมกันเอง รายรับรายจ่ายเป็นอย่างไรไม่เคยแจ้งให้สมาชิกทราบ รับรู้ภายในคณะกรรมการเท่านั้น

จนกระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ตนและสมาชิกทราบว่าทางชมรมฯได้ล้มละลายแล้ว โดยไม่มีการแจ้งให้กับสมาชิกทราบ จึงได้ไปสอบถามคณะกรรมการเองถึงรู้ว่าได้ปิดชมรมฯ โดยให้เหตุผลว่า ขาดทุน หลังจากนั้นสมาชิกทั้งหมดจึงได้ดำเนินการขอเงินที่ส่งคืนมา แต่ทางกรรมการฝ่ายตรวจสอบ-ควบคุมชมรมผู้สูงอายุ บอกกลับมาว่าไม่มีเงินคืนให้ เชื่อว่าถูกหลอกแน่นอน



นางปิ่นกล่าวอีกว่า ที่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับสื่อฯ ช่วยเปิดโปงพฤติกรรมของประธานชมรมฯ และกรรมการ เชื่อว่ามีการบริหารเงินไม่โปร่งใส เพราะไม่จ่ายค่าเงินตอบแทนกับสมาชิกที่ส่งครบ 8 ปี หนำซ้ำยังมีการเปลี่ยนกฏเกณฑ์ไปเลื่อยๆ เช่น ส่งครบ 10 ปีถึงจะได้เงินตอบแทน พอมีสมาชิกส่งครบกลับเปลี่ยนกฏเกณฑ์อีก เลื่อนไปเป็น 11 ปี สมาชิกบางคนมีคณะกรรมการบริหารกรมธรรม์ 10 คนบ้าง 11 คนบ้าง กรมธรรม์ก็เปลี่ยนแปลงตลอด ที่สำคัญเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารไม่เคยแจ้งสมาชิก คิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน ทั้งยังมีการยุบชมรมฯโดยไม่รับผิดชอบสมาชิกที่เหลือ ทั้งที่ผ่านมาสมาชิกก็จ่ายเงินให้กับชมรมฯตามที่เรียกเก็บมาตลอดทุกเดือน ที่ผ่านมาสมาชิกเคยร้องไปที่ศูนย์ดำรงธรรม และมีการเรียกนัดพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุป จึงได้พากันไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กลับไม่รับแจ้ง พากันไปแจ้งความถึงสามครั้งก็ยังเหมือนเดิม จึงพากันไปร้องทุกข์กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย  ท่านผู้ว่าฯจึงเขียนหนังสือให้พวกตน ไปร้องทุกข์กับอัยการจังหวัด ถึงได้มีหนังสือแจ้งให้รับแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของลูกค้าแต่ละสายของกรรมการชมรมฯ นับตั้งก่อตั้งชมรมเมื่อปี 2552 พบคณะกรรมการ 8 ใน 9 คนมีหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท/ปี มากสุดเป็นประธานชมรมฯ ถึง  3 ล้านบาท/ปี และยังพบว่าทางชมรมฯไม่ได้ยื่นขอจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจ หรือนิติบุคคลแต่อย่างใด และมีคนหลงเชื่อร่วมเป็นสมาชิกทั้งในพื้นที่ ต่างอำเภอ และต่างจังหวัด มากกว่า 2,500 ราย มูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 40 ล้านบาท





ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ท้องถิ่น เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่อำเภอโพธิ์ตาก จ.หนองคาย ที่ได้รับผลกระทบ 3 ตำบล กว่า 243 ครัวเรือน ท้องถิ่นเร่งจัดซื้อกระเบื้องแจกจ่ายซ่อมแซมบ้าน


วันที่ 27 เม.ย. 63 นายสมควร ใจซื่อ นายอำเภอโพธิ์ตาก, นายประพาส รวมรส ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงฯ, นายนิเวศ ทองจรัส ปลัดอำเภองานป้องกัน, พ.ต.ท.สุดเขต ศรีพรหม รอง ผกก.ป.สภ.โพธิ์ตาก, พ.ต.ต.ถาวร ช่างไชย ผบ.ร้อย ตชด.245, ร.ต.อ.เรืองศักดิ์ ผาเจริญ รอง ผบ.ร้อย ตชด.245 และนายธีระวัฒน์ วันวาสี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติพายุฤดูร้อนถล่ม เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านเสียหายจำนวนมาก โดยทุกภาคส่วนต่างเร่งระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว




ตามรายงานในพื้นที่อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 3 ตำบล คือ ตำบลโพนทอง ตำบลโพธิ์ตาก และตำบลด่านศรีสุข ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนเสียหายกว่า 243 หลังคาเรือน ในจำนวนนี้ได้รับผลกระทบหนักสุดหลังคาเปิดทั้งหลัง จำนวน 14 หลังคาเรือน โรงเรียน 1 แห่ง วัด 1 แห่ง ยุ้งฉางข้าว 2 แห่ง โรงเลี้ยงสัตว์ 2 โรง และพื้นที่การเกษตร 2 ไร่  ขณะที่ทางท้องถิ่นได้จัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อกระเบื้อง ที่คอบหลังคา และอื่นๆ เพื่อเร่งแจกจ่ายผู้ประสบภัย ให้นำไปซ่อมแซมบ้านเรือนในเบื้องต้น ต่อไป












วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

นายอำเภอท่าบ่อ รุดตรวจสอบช่วยชาวบ้าน โดนพายุฤดูร้อนถล่มเสียหายรุนแรงและขัดสน


วันที่ 25 เม.ย. 63 นายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ  นายทักษิณ สุวรรณศรี ปลัดอาวุโสฯ นายอนุพงษ์ พานารัตน์ ปลัดอำเภองานป้องกันฯ พร้อมด้วยสามาชิกกิ่งกาชาดอำเภอท่าบ่อ จนท.อส.กองร้อย อส.อ.ท่าบ่อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำปกครองท้องที่ ร่วมออกตรวจเยี่ยมประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย พายุฤดูร้อน มีฝนฟ้าคะนอง เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 ในพื้นที่ตำบลน้ำโมงและตำบลโคกคอน ที่ได้รับความเสียหายขั้นรุนแรงและสภาพเศรษฐกิจทางครอบครัวค่อนค้างขัดสน ประกอบด้วย นางนงคราญ ศรีสวัสดิ์ บ้านเลขที่ 160 หมู่ 7 ต.น้ำโมง,  นางวัน ศรีต้นวงศ์ บ้านเลขที่ 142 หมู่ 10 ต.น้ำโมง, นางกุล อาสาชาติ บ้านเลขที่ 105 หมู่ 2 ต.โคกคอน, นายบุญมี สายนุช บ้านเลขที่ 36 หมู่ 2 ต.โคกคอน และนายสายทอง บุญสินชัย บ้านเลขที่ 114 หมู่ 1 ต.โคกคอน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือและมอบถุงยังชีพให้ราษฎรทั้ง 5 ครอบครัว พร้อมตรวจดูความเสียหาย พบมีบ้านเรือนราษฎรที่ประสบภัยพายุฤดูร้อน กระเบื้องสังกะสีหลังคาบ้านเรือนปลิวว่อน ได้รับความเสียหายหลายหลัง

หลังตรวจดูความเสียหายของบ้านเรือนราษฎร นายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ ได้ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เร่งสำรวจให้ครบทุกหลังคาเรือนที่ยังซ่อมไม่เรียบร้อย ให้เข้าช่วยเหลือบรรเทาในความเดือดร้อนเบื้องต้นทันที เพราะเกรงว่าจะมีพายุฝนตกลงมาอีก และนัดหมายในการมอบถุงยังชีพเข้าช่วยเหลือในทุกพื้นที่ ต่อไป







จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...