วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

จ.หนองคาย ยังวางมาตรการเข้มงวด สกัดกั้นโควิด- 19 ตามแนวชายแดนและผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด

วันที่ 31 พ.ค. 2564 นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ลงนามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ที่ 17 /2564 เรื่อง ข้อกำหนดการปฏิบัติตามมาตรการสำคัญ เพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในจังหวัดหนองคาย โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 จึงมีคำสั่ง ดังนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิก คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคายที่ 18/2564 ลงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 และคำสั่งฯที่ 16/2564 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2564


ข้อ 2 การปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่

(2.1) การปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน ให้หน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดหนองคาย ประก่อบด้วย กอ.รมน.นค. ,หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง เขตหนองคาย (นรข.) ,กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 245 ให้เข้มงวดควบคุมการลักลอบเข้าประเทศ และการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพิ่มการลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังและสกัดกั้นป้องกันมิให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย หากพบการลักลอบเข้าประเทศ ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

(2.2) การปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ให้ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการคัดกรองบุคคลและรถขนส่งสินค้าตามแนวชายแดน กำหนดจุดรับส่งสินค้าให้อยู่ในพื้นที่ และระยะเวลาที่กำหนด โดยถือปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด


ข้อ 3 การสกัดกั้นการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ในพื้นที่

(3.1) ประชาชนที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดหนองคายจากพื้นที ที่กำหนดให้เป็น 1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวม 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี, จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ  และ 2 พื้นที่ควบคุมสูงสุด รวม 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดฉะเชิงเทรา, จังหวัดตาก, จังหวัดนครปฐม, จังหวันครศรีธรรมราช, จังหวัดนราธิวาส, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, จังหวัพระนครศรีอยุธยา, จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดยะลา, จังหวัดระนอง, จังหวัดระยอง, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดสงขลา, จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ต้องรายงานตัวต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม ) ในพื้นที่ โดยต้องกักกันตัวที่บ้านหรือที่พักอาศัย (Home Quarantine) อย่างเคร่งครัดและเข้มข้นเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน โดยการแยกห้องพัก ห้องสุขา อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว ฯลฯ เว้นแต่เป็นบุคคล ได้แก่ 1) ผู้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 เข็ม มาแล้วระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน และมีใบรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccine Certificate : VC) ฉบับจริงแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่  หรือ 2 มีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่แสดงว่าไม่พบเชื้อด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid test ในเวลาภายใน 27 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มงวดและเคร่งครัด (Self-Quarantine) อีกเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน

(3.2) บุคคลใดเดินทางมาจากพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย และพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงผู้สัมผัสและผู้อยู่ใกล้ชิดในเหตุการณ์ มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลกับพนักงานเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองและคุมไว้สังเกต ตามเกณฑ์ที่กำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการดังกล่าว มีความผิดตามคำสั่งนี้ ทั้งนี้กรณีเป็นบุคคลต่างด้าว ซึ่งกฎหมายว่าด้วยการตรวจคนเข้าเมืองกำหนดให้ผลักดันได้  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการผลักดันตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


ข้อ 4 การห้ามดำเนินการหรือจัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคในพื้นที่จังหวัดหนองคาย

(4.1) ทุกกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ให้ระงับหรือเลื่อนออกไป เช่น การอบรมสัมมนา งานเลี้ยงสังสรรค์ การจัดงานคอนเสิร์ต งานกิจกรรมกีฬา สภากาแฟ เป็นต้น ยกเว้นกิจกรรมทางศาสนา งานประเพณีท้องถิ่นที่ได้กำหนด และดำเนินการตามมาตรการในการป้องกันควบคุมโรคไว้อย่างเข้มงวดแล้ว

(4.2) ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมมากกว่า 50 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเหมาะสมเคร่งครัดและเข้มข้น เช่น มาตรการ D-M-H-T-T-A ของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ D-Distancing การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 - 2 เมตร M - Mask Wearing การสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เมื่อออกจากที่พักอาศัยหรือเข้าไปในที่ชุมชน H-Hand Washing การล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดอยู่เสมอ T-Temperature Checked การวัดอุณหภูมิก่อนเข้าไปในสถานที่ T-Testing การตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 และ A-Application การมีและใช้แอพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องในการป้องกันโรคโควิด-19 เป็นต้น

(4.3) ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการติดและแพร่เชื้อโรคได้ เช่น การรวมตัวเล่นการพนันทุกชนิด เป็นต้น


ข้อ 5 การควบคุมการแพร่กระจายโรค จำแนกตามพื้นที่สถานการณ์

(5.1) ให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท สามารถใช้อาคารสถานที่ เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใดๆ ได้ตามความเหมาะสม และความพร้อมโดยให้ดำเนินการตามคำแนะนำของทางราชการและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ  กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี

(5.2) ให้ร้านอาหารสามารถบริการจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม โดยสามารถบริโภคในร้านได้แต่ไม่เกินเวลา 23.00 นาฬิกา

(5.3) ให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า  คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน  สามารถเปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ แต่ไม่เกินเวลา 21.00 นาฬิกา โดยให้จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการและงดเว้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย


ข้อ 6 การปิดและการปฏิบัติในสถานที่ที่มีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการติดและแพร่เชื้อโรค ดังนี้

(6.1) สนามมวย สนามชนไก่ สนามซ้อมไก่ สนามกัดปลา

(6.2) สนามกีฬาที่อยู่ในความรับผิดชอบของทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เปิดและมีได้เฉพาะกิจกรรมการออกกำลังกายเล่นกีฬาประเภทนั้นๆ เท่านั้น ห้ามมิให้มีการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม หรือกระทำกิจกรรมอื่นใดในลักษณะเข้าข่ายการรวมกลุ่มหรือการสังสรรค์อย่างเด็ดขาด

(6.3) ให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน


ข้อ 7 การป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายโรคส่วนบุคคล ให้ประชาชนทุกคน ต้องสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี เมื่อจำเป็นต้องออกจากเคหสถานหรือสถานที่ทำงาน เพื่อติดต่อธุระหรือกระทำการอื่นใด รวมทั้งเมื่อมีเหตุอันควรต้องสวมใส่ เช่น เมื่อต้องปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำงานการอยู่ในสถานที่สุ่มเสี่ยงจะแพร่หรือได้รับเชื้อโรค การอยู่รวมกันกับคนหมู่มาก เป็นต้น อันเป็นการปฏิบัติตามสุขอนามัยในการป้องกันโรคต่อตัวบุคคลและประชาชนทั่วไป


ข้อ 8 การปฏิบัติสำหรับผู้ขนส่งที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทย

(8,1) มาตรการก่อนการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย

ให้ผู้ขนส่งสินค้าแสดงเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ได้แก่ หนังสือแสดงการขนส่งสินค้า ซึ่งระบุเวลาที่จะเข้ามาและออกจากราชอาณาจักรไทย ระบูชนิดและจำนวนสินค้า ชื่อสกุลและสถานที่ที่สามารถติดต่อของผู้ขนส่งสินค้า ผู้ส่งสินค้าและผู้รับสินค้า

(8.2) มาตรการเมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักรไทย

1) ให้ผู้นส่งสินค้าปฏิบัติฎารกิจในการขนส่งสินค้า ในราชอาณาจักรไทยเท่าที่จำเป็น เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้กลับไปโดยเร็ว

2) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองอาการทางเดินหายใจ และวัดไข้ผู้ขนส่งสินค้า ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (Entry Screening)

3) ให้ผู้ขนส่งสินค้านำยานพาหนะไปจอดและขนส่งสินค้า ณ จุดที่กำหนด คือศูนย์ควบคุมทางศุลกากร ด่านศุลกากรหนองคาย เท่านั้น เว้นแต่ ผู้ขนส่งสินค้าจะมีหนังสือรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่ามีผลเป็นลบ (Covid -Free) ซึ่งตรวจมาแล้วไม่เกิน 72 ชั่วโมง สามารถนำมาใช้ได้ภายใน 7 วัน (ถ้าเกินต้องตรวจใหม่) แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยผู้ขนส่งสินค้าสามารถเข้ามาขนถ่ายสินค้าได้ในเขตพื้นที่เขตอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย รวมทั้งให้ใช้ระบบติดตามหรือแอปพลิเคชัน เพื่อการติดตามป้องกันโรคโควิด-19 ตามที่ทางราชการกำหนด


อนึ่ง ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามคำสั่งนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองตามมาตรา 16 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2458 คู่กรณีไม่อาจใช้สิทธิโต้แย้งคำสั่งนี้ได้


หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ อาจมีความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท มาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป จนกล่าวจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ตามรายละเอียดดังนี้







กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร มอบสัญญาเงินกู้กว่า 3.956 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่วิสาหกิจชุมชนคนเลี้ยงปลาดุกตำบลปะโค อ.เมืองหนองคาย ในโครงการเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ

วันที่ 31 พ.ค. 2564 ที่  ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หมู่ที่ 4 ต.ปะโค อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายอำไพ ประเสริฐสังข์ เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามในสัญญาค้ำประกันเงินทุนกู้ยืมจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ซึ่งวิสาหกิจชุมชนคนเลี้ยงปลาดุกตำบลปะโค ได้ขอรับสนับสนุนเงินกู้ยืมในวงเงิน 3,956,670 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในการทำบ่อผ้าใบ และติดตั้งอุปกรณ์ให้อากาศ  จัดซื้อปลาดุก จัดซื้ออาหารเมล็ดและวัสดุอื่นๆ ในโครงการเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ โดยมี นายทองพูน สมสา ประธานวิสาหกิจชุมชนคนเลี้ยงปลาดุกตำบลปะโค, นายสุวพิษ ศรีวงษ์ รองประธานวิสาหกิจชุมชนฯ พร้อมคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนฯ และนางสาวไพรินทร์ ผลตระกูล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร พร้อมเจ้าหน้าที่กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ร่วมกันลงนามในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตปลาดุกให้มากขึ้น เพียงพอต่อความต้องการของตลาด และสร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกวิสาหกิจชุมชนคนเลี้ยงปลาดุกตำบลปะโค



ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนคนเลี้ยงปลาดุกตำบลปะโค จัดตั้งขึ้นเพื่อรวมกลุ่มเลี้ยงปลาดุก ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่สำคัญชองจังหวัดหนองคาย ซึ่งผู้บริโภคนิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด โดยมีเกษตรกรให้ความสนใจและนิยมเลี้ยง ทั้งในบ่อดิน และในกระชัง ทั้งนี้ในช่วงหน้าแล้งที่มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ รวมทั้งคุณภาพน้ำไม่เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยง ทำให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุน  สมาชิกกลุ่มได้ศึกษารายละเอียดรูปแบบการเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ โดยได้รับคำแนะนำจากประมงอำเภอเมืองหนองคาย  ได้นำกลุ่มผู้สนใจเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ ไปศึกษาดูงานที่บ่อเลี้ยงปลาดุกของ นายกฤช มิคาระเศรษฐเหมาะรักษ์  เจ้าของฟาร์มปลาดุกหนองคาย โดยนำคณะเยี่ยมชมฟาร์ม  และให้คำแนะนำการเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ ร่วมกับการนำระบบการเลี้ยงจุรินทรีย์ไบโอฟลอคมาใช้ (Biofloc) ในการบำบัดน้ำให้มีคุณภาพที่เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง ทำให้มีปริมาณน้ำและคุณภาพน้ำไม่เหมาะสมต่อการเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งในการเบีลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใย ใช้เวลาในการเลี้ยงประมาณ 3 เดือน สามารถจับขายได้ในราคากิโลกรัมละ 60 บาท เลี้ยงได้ 3 รอบต่อปี  จึงเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงสร้างรายได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งมีตลาดรองรับที่แน่นอน 



โดยวิสาหกิจฯ ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการค้าและการจัดการฟาร์ม กับกลุ่มปลาดุกหนองคาย ซึ่งบริหารจัดการด้านการตลาด และส่งผลผลิตยังพื้นที่ในเขตจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และตลาด สปป.ลาว จึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่ม และสร้างความมั่นคงจากอาชีพเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ  ในอนาคตสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เกษตรกรรายอื่นๆ ที่มีความสนใจในการเลี้ยงปลาคุกรูปแบบดังกล่าวต่อไป



นางสาวไพรินทร์ ผลตระกูล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ กล่าวว่า กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เป็นกองทุนภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมการผลิต การจำหน่าย การพยุงราคา การวิจัยและการดำเนินงานที่จำเป็นเร่งด่วนให้กับองค์กรด้านการเกษตรหรือหน่วยงานของรัฐ โดยเปิดให้จัดทำโครงการเพื่อขอกู้เงินช่วยเหลือในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพียงร้อยละ 0-2 และมีกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระ 3-7 ปี ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และประเภทของโครงการที่ยื่นขอกู้ขององค์กรด้านการเกษตรและส่วนราชการต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเกษตรกรที่ขาดเงินลงทุน และมีปัญหาในเรื่องหลักประกัน สามารถกู้เงินได้ง่ายขึ้นและมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้เงินปกติ โดยทางวิสาหกิจชุมชนคนเลี้ยงปลาดุกตำบลปะโค ได้ทำสัญญาเงินกู้ 5 ปี วงเงิน 3,956,670 บาท ซึ่งเป็นวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ไม่ต้องมีลักทรัพย์ค้ำประกัน คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งการลงนามในสัญญาค้ำประกันในครั้งนี้ เป็นไปตามขั้นตอนของกองทุนฯ ก่อนที่จะดำเนินขั้นตอนการเบิกจ่ายต่อไป






วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จ.หนองคาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบป่าต้นน้ำในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพานพร้าว-ป่าแก้งไก่ หลังมีขบวนการลักลอบต้ดไม้ไผ่(ไผ่ข้าวหลาม) ยังพบร่องรอยลักลอบตัดต่อเนื่อง

วันที่ 28 พ.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดหนองคาย พร้อมกับหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สังคม และอาสาพิทักษ์ป่าบ้านห้วยหินขาว ร่วมกันออกตรวจพิสูจน์ทราบพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์ถาวร ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพานพร้าว-ป่าแก้งไก่ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ มีพื้นที่กว่า 3,025 ไร่ ครอบคลุม 4 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่ อ.โพธิ์ตาก, อ.ศรีเชียงใหม่, อ.สังคม จ.หนองคาย และ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งเกิดน้ำซับ เกิดเป็นซำ เป็นลำห้วยหลายสาย โดยเฉพาะ"ห้วยเซียง" ท้องที่บ้านดอนขนุน หมู่ 5 ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย เนื่องจากมีกลุ่มบุคคล ขึ้นไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะต้นไผ่ข้าวหลามเป็นบริเวณกว้าง ห่างจากวัดดอนขนุน(ถ้ำฮ้าน) ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอโพธิ์ตาก ได้ทำการตรวจยึดไม้ไผ่เป็นจำนวนมาก



ทั้งนี้ การลงสำรวจพื้นที่ดังกล่าว เป็นไปตามแผนงานยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบด้านความมั่นคง กิจกรรมงานพิทักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และโครงการผนึกกำลังป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ  




พบว่ายังมีการลักลอบเข้าไปตัดต้นไผ่ข้าวหลามอย่างต่อเนื่อง และตัดซุกซ่อนไว้ในป่าและสวนยางพาราของชาวบ้าน และมีการลักลอบเข้ามาตัดในเวลากลางวัน ลักลอบขนในเวลากลางคืน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะทำการลาดตระเวนป้องกันไม่ให้คนบุกรุกและลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำรายป่า พร้อมเตือนประชาชนเนื่องจากพื้นที่เป็นป่าต้นน้ำ จะมีน้ำจะไหลไปรวมกับห้วยทอนตอนบน ห้วยกาบแก้ว และห้วยไฮ  ผ่านพื้นที่อำเภอโพธิ์ตาก จ.หนองคาย ก่อนจะไหลลงลงไปรวมกับลำห้วยโมงที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี แล้วไหลวกกลับมาที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง หากมีการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ทำรายป่า เป็นการทำผิดกฎหมาย จะจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด










วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ประชาชนแห่ทำบุญไหว้หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ในวันพระใหญ่"วิสาขบูชา" ภายใต้มาตรการทำบุญวิถีชีวิตใหม่ วิถีชาวพุทธยุคโควิด-19

วันที่ 26 พ.ค. 2564 บรรยากาศการเดินทางมาทำบุญที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ที่มีหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนสองฝั่งแม่น้ำโขงไทย-ลาว ที่ประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหาร ได้มีประชาชนเดินทางมาต่อแถวเรียงคิว เพื่อที่จะรอวัดอุณหภูมิของร่างกาย เพื่อจะเข้าไปในวิหารทำบุญกราบไหว้ขอพรจากองค์หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ  อีกทั้งวันนี้ยังตรงกับวันพระใหญ่ “วิสาขบูชา” ซึ่งเป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงมีประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง พาครอบครัวมาทำบุญกันจำนวนมาก ภายใต้มาตรการทำบุญวิถีชีวิตใหม่ วิถีชาวพุทธยุคโควิด-19



โดยทางวัดมีการตั้งจุดวัดอุณภูมิร่างกาย ทำการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกรายที่จะเดินผ่านเข้าไปยังภายในวิหารหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ทั้งด้านขาเข้าและขาออก มีการลงทะเบียนและสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา จึงทำให้มีประชาชนที่มาต่อแถวเรียงคิวยืนรอกันอยู่ยังด้านนอกวิหารนานกว่าปกติ ท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าวเกือบตลอดทั้งวัน


















จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...