วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

อบต.โพนสา ร่วมกับประมงจังหวัดหนองคาย ประมงอำเภอท่าบ่อ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดหนองคาย ปล่อยพันธุ์ปลายี่สกไทย 40,000 ตัว คืนสู่แม่น้ำโขง พร้อมเปิดหาด"ท่ามะเฟือง" รับนักท่องเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อนไปจนถึงฤดูน้ำหลาก

วันที่ 28 ก.พ. 2566 ที่ ริมฝั่งแม่น้ำโขง หมู่ 6 ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พันเอกสุภัทร ชูตินันทน์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เป็นประธานเปิดโครงการเพาะพันธุ์ปลายี่สกไทยในแม่น้ำโขง และกิจกรรมเปิดเล่นน้ำหาดท่ามะเฟือง โดยองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา สำนักงานประมงจังหวัดหนองคาย  สำนักงานประมงอำเภอท่าบ่อ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดหนองคาย และทุกภาคส่วนที่เที่ยวข้อง จัดให้มีขึ้น  โดยร่วมปล่อยพันธุ์ปลายี่สกไทย จำนวน 40,000 ตัว คืนสู่แม่น้ำโขง เพื่อแพร่ขยายพันธุ์เพิ่มปริมาณจำนวนสัตว์น้ำให้มากยิ่งขึ้น และเป็นการสร้างความสมดุล คืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติ เป็นการอนุรักษ์สัตว์น้ำและเป็นแหล่งอาหารโปรตีนให้กับชุมชน ที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขงให้มีสัตว์น้ำไว้บริโภคต่อไป เพื่อเสริมสร้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม และรู้สึกหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น







พร้อมกันนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเปิดเล่นน้ำหาดท่ามะเฟือง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในตำบลโพนสาให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างงานสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในตำบลโพนสา และต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว ในจังหวัดหนองคายเป็นจำนวนมาก




นายอภิสิทธิ์ วงศรีแก้ว นายก อบต.โพนสา กล่าวว่า วันนี้หาดท่ามะเฟืองได้เปิดอย่างเป็นทางการ  จึงขอเชิญนักท่องเที่ยวที่สนใจในบรรยากาศกลางลำแม่น้ำโขงของหาดท่ามะเฟือง ซึ่งในบริเวณชายหาด จะมีจุดเช็คอินเป็นทุ่งทานตะวัน และทุ่งปอเทืองบนชายหาดกลางแม่น้ำโขง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำเป็นหาดท่ามะเฟืองแคมป์ปิ้งเป็นที่พักผ่อน พอหมดหน้าหนาวก็ต่อด้วย"หาดท่ามะเฟือง"  เพื่อให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อน ซึ่งเป็นหาดทรายที่มีชื่อในระดับหนึ่งของประเทศไทย ในเรื่องของการท่องเที่ยว ตอนนี้หาดท่ามะเฟืองมีทุกอย่างไว้รองรับ ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย มีเรือกู้ชีพ มีคนเฝ้ายามรักษาความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตลอดเวลา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยว ณ หาดท่ามะเฟือง และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างไว้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร จำนวน 67 ร้าน มีซุ้มอาหารกว่า 200 ซุ้มไว้บริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ นอกจากนี้เรายังมีกล้องวงจรปิด CCTV และศูนย์ประชาสัมพันธ์ ยามชายฝั่งในการป้องกันรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี และบริเวณตรงนี้อยู่ตรงกลางระหว่างเกาะดอนต่ำกับฝั่งตลิ่งแม่น้ำโขงของประเทศไทย ซึ่งเกาะดอนต่ำเป็นเกาะกลางแม่น้ำโขง มีพื้นที่ 2,800 ไร่ เป็นของประเทศไทย 100 % กำลังพัฒนาสู่การท่องเที่ยวในอนาคตต่อไป จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว มาเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อนที่หาดท่ามะเฟือง เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสงกรานต์ หรือยาวจนถึงน้ำหลากช่วงพฤษภาคม ถึงมิถุนายน 


















วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) จัดโครงการ "วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า 24 กุมภาพันธ์" ประจำปี 2566 พร้อมทำ MOU ในการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระหว่างสถานีควบคุมไฟป่าหนองคาย กับ อปท.ในพื้นที่อำเภอสังคม จ.หนองคาย

วันที่ 24 ก.พ.2566 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอสังคม จ.หนองคาย นายไพบูลย์ รัตนะเจริญธรรม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) เป็นประธานเปิดโครงการ "วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า 24 กุมภาพันธ์" ประจำปี 2566 โดยมี นายมานพ เพ็งพูน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า เป็นผู้กล่าวรายงาน ในโอกาสนี้นายสมควร ใจซื่อ นายอำเภอสังคม ได้ให้เกียรติเป็นผู้กล่าวต้อนรับ พร้อมร่วมมอบเงินอุดหนุนแก่ "เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.อส.)" จำนวน 14 ราย ต่อด้วยนายปฐมพร สมจิตต์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าหนองคาย ได้ทำพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระหว่างสถานีควบคุมไฟป่าหนองคาย กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอสังคม จ.หนองคาย โดยมีหัวส่วนราชการ , เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) , สมาชิกเครือข่ายแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดหนองคาย , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , สมาชิกจิตอาสาภัยพิบัต , ประชาชน ครู และนักเรียนในพื้นที่อำเภอสังคม ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก







นายมานพ เพ็งพูน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า กล่าวว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543 กำหนดให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็น"วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไหป่า 24 กุมภาพันธ์ " โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรม เพื่อเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกและขอความร่วมมือประชาชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ด้วยในฤดูแล้งของทุกปี มักจะเกิดปัญหาไฟป่าขึ้นเป็นประจำ ไฟป่าที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อทรัพยากรป่าไม้ ทำให้สภาพป่าเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นปัจจัยที่รบกวนสมดุลของระบบนิเวศอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสังคมพืช ดิน น้ำ และสัตว์ป่า ไฟป่ายังก่อให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดสภาวะโลกร้อน เกิดหมอกควันบดบังทัศนียภาพของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อีกทั้งยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่มีผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชนโดยตรง





สาเหตุการเกิดไฟป่าในประเทศไทย ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์แทบทั้งสิ้น การแก้ไขปัญหาไฟป่า จึงต้องแก้ที่คน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ดังนั้นการจัดกิจกรรม "วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป้า 24 กุมภาพันธ์" ในครั้งนี้ จึงเป็นกิจกรรมสำคัญที่จะกระตุ้นจิตสำนึกของทุกภาคส่วน ให้เข้ามาร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ให้ทุเลาเบาบางลง และยุติลงได้ในโอกาสต่อไป





กิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การเดินรณรงค์ป้องกันไฟป่าและขบวนรถประชาสัมพันธ์เคลื่อนขบวนออกจากโรงเรียนชุมชนประชาสงเคราะห์ 4 เคลื่อนขบวนไปตามถนนหลวง 211 สิ้นสุด ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอสังคมเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน , การมอบเงินอุดหนุนแก่ "เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.อส.)" , การลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระหว่างสถานีควบคุมไฟป่าหนองคาย กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอสังคม , การจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้เรื่องไฟป่า , การแสดงของนักเรียน และสาธิตการใช้เครื่องมือดับไฟป่า












จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...