ชาวท่าบ่อกว่าพันคน เข้าแถวรอฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก ตามที่ได้ลงทะเบียนไว้

วันที่ 3 ส.ค. 2564 บรรยากาศที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เปิดเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน แก่ประชาชนชาวอำเภอท่าบ่อที่ลงทะเบียนไว้ จำนวนกว่า 1,000 คน เดินทางรับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก โดยครั้งนี้เป็นการฉีดให้กับประชาชนที่เป็นผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง รวมไปถึงกลุ่มประชาชนทั่วไป โดยทางอำเภอท่าบ่อได้ตั้งเต็นท์ไว้รองรับบริเวนลานหน้าที่ว่าการอำเภอท่าบ่อ รวมทั้งประสานหน่วยงานต่างๆ นำน้ำดื่มมาบริการแก่ประชาชนที่เดินทางมาฉีดวัคซีนในครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลฯ และสาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ อสม.  คอยบริการและชี้แจงขั้นตอนของการเข้ารับการฉีดวัคซีน ให้เป็นไปอย่างระเบียบเรียบร้อย

สำหรับการฉีดวัคซีนวันนี้ จะเป็นการฉีดวัคซีนซิโนแวค เข้มแรกให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง รวมไปถึงกลุ่มประชาชนทั่วไป ที่มีจำนวนที่ฉีด 1,236 คน และจะมีทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย โดยวันพรุ่งนี้ 4 ส.ค. 2564 จะเป็นการฉีดวัคซีนซิโนแวค เข้มแรกให้กับกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 500 คน ซึ่งทางอำเภอท่าบ่อได้มีการดำเนินงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนโควิด-19 บรรลุตามเป้าหมายต่อไป.

ชาวหนองคายหลายภาคส่วน ทยอยนำสิ่งของที่จำเป็นมอบให้เทศบาลเมืองหนองคาย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ในจังหวัดหนองคาย และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่เหน็ดเหนื่อยจากการให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 2 ส.ค. 2564 ที่ เทศบาลเมืองหนองคาย นายสังวาลย์ ริมเขาใหญ่ รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย เป็นตัวแทนในการรับมอบสิ่งของเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ในจังหวัดหนองคาย และเป็นขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในขณะที่ยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวหนองคาย ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อทำการรักษา

สำหรับสิ่งของที่รับมอบครั้งนี้  ประกอบด้วย น้ำดื่มจำนวน 1,200 ขวด จากสมาคมศิษย์เก่า  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตหนองคาย  , หน้ากากอนามัย น้ำดื่ม และถุงยังชีพ จากกองประกวดมิสแกรนด์หนองคาย 2021 โครงการสะพานบุญ สู่ผู้ติดเชื้อ COVID – 19 เพื่อนำส่งต่อไปยังโรงพยาบาลหนองคาย และโรงพยาบาลสนามหนองคาย 1– 3 ต่อไป

นายสังวาลย์ ริมเขาใหญ่ รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย  กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวหนองคายที่เดินทางกลับมารักษาตัวที่บ้าน  ทางเทศบาลเมืองหนองคาย โดย นายอุรยศ  เอียสกุล นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย ได้ผนึกกำลังความร่วมมือกับจังหวัดหนองคาย อบจ.หนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย โรงพยาบาลหนองคาย สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามหนองคาย 3 เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษา ซึ่งเป็นกลุ่มพักฟื้นและกลุ่มสีเขียว เบื้องต้นจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 200 – 400 คน จึงขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกภาคส่วน และขอเชิญชวนชาวหนองคาย ที่มีจิตกุศล เป็นห่วงชาวหนองคายที่กลับมารักษาตัวยังบ้านเกิด และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เหน็ดเหนื่อยในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาร่วมบริจาคสิ่งของได้ที่เทศบาลเมืองหนองคาย

ฤาษีลภ-ปวีณา-อภิชาติ//จ.หนองคาย 

อัศวรรณ ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ 1 ร่วมกับ เทสโก้ โลตัส สาขาหนองคาย มอบเครื่องอุปโภคบริโภคผ่านกู้ภัยประจักษ์หนองคาย เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และผู้ยากไร้ของจังหวัดหนองคาย

 

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ด้านหน้าศูนย์การค้าอัศวรรณ ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ 1 อ.เมือง จ.หนองคาย นายอนุชิต สกุลคู กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอัศวรรณและนางวัลลา ไววิทย์ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจอัศวรรณ มอบหมายให้นางสาววันวิสาข์ พรหมมา ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าอัศวรรณ ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ 1 พร้อมทีมงานเป็นตัวแทน มอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ให้กับสมาคมหนองคายการกุศล(หน่วยกู้ภัยประจักษ์) เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดหนองคาย ในโอกาสครอบรอบ 16 ปีของการก่อตั้งสมาคมฯ โดยมีนายธัญญารัตน์ ตู้วงษา ผู้อำนวยการโลตัสหนองคาย ได้ส่งตัวแทนร่วมมอบน้ำดื่มและเครื่องอุปโภค บริโภค และกลุ่มธุรกิจ ปตท.อัศวรรณ นำโดยนายฑัศธร ริ้วอินทร์ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ ปตท.อัศวรรณ พร้อมทีมงานร่วมสนับสนุนเครื่องดื่ม รวมทั้งผู้ประกอบการร้านค้าภายในศูนย์การค้าอัศวรรณ ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ 1 ได้ร่วมบริจาค เพื่อส่งต่อความห่วงใยไปยังประชาชนในพื้นที่จังหวัดหนองคายที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และผู้ยากไร้ รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบการการแพร่ระบาดโควิด-19 สำหรับสิ่งของที่มอบในครั้งนี้ประกอบด้วย ข้าวสารกว่า 500 กิโลกรัม น้ำดื่ม 1,000 ขวด และเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็น.

ปั๊มน้ำมัน ปตท.ท่าบ่อ ร่วมกับเครือข่าย ตั้งโรงทานเลี้ยงประชาชนฟรีตลอดทั้งวัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10 และช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

 

วันที่ 28 ก.ค. 2564 ที่ บริเวณภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ท่าบ่อ ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ทางผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน ปตท. ท่าบ่อ ร่วมกับ เค ซีฟู้ดอาหารทะเล และโรงสีข้าวบุญสนอง ได้จัดทำโรงทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 'ในหลวง รัชกาลที่ 10' เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 69 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ซึ่งได้ทำต่อเนื่องทุกๆ ปี อีกทั้งเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยนำข้าวเหนียวหมูทอด แจ่วบอง น้ำดื่ม และผลไม้ กว่า 2,500 ชุด แจกฟรีให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา และเข้ามาเติมน้ำมัน มีประชาชนที่รู้ข่าวต่างทยอยเดินทางมารับข้าวเหนียวหมูทอดตลอดทั้งวัน  โดยผู้จัดทำโรงทาน ได้ขอให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รักษาระยะห่าง ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข และที่อยู่ในพื้นที่ที่ดำเนินการจัดตั้งโรงทาน รวมทั้งการแจกจ่ายก็เป็นไปตามหลักสุขอนามัย และได้ปฏิบัติตามคำสั่งตามมาตรการและแนวทางของทางราชการอย่างเคร่งครัด.

เทศบาลตำบลโพนสา เตรียมความพร้อมศูนย์กักกัน (Local Quarantine : LQ) ระดับตำบล สำหรับผู้ที่เฝ้าระวังและสังเกตอาการจากไวรัสโควิด-19

วันที่ 27 ก.ค. 2564 ว่าที่ร้อยตรี วิทยา คำพวง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย  มอบหมายให้เจ้าหน้ากองคลังและจัดเก็บภาษีของเทศบาลฯ ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่กักกัน (Local Quarantine : LQ) ระดับตำบล โดยใช้อาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลโพนสา เป็นสถานที่กักกันสำหรับผู้ที่เฝ้าระวังและสังเกตอาการจากไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมีองค์ประกอบและความเหมาะสม สามารถรองรับผู้กักกันได้ จำนวน 10 เตียง แยกเป็นหญิง 5 เตียง ชาย 5 เตียง โดยได้จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น ไว้บริการอย่างครบครัน ตลอดจนมีการจำกัดพื้นที่เป็นสัดส่วน ให้เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในขณะได้ดำเนินการปรับปรุงส่วนต่างๆ ไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังและสังเกตอาการ ได้มีพื้นที่ควบคุมและหยุดการแพร่เชื้อได้อย่างชัดเจนที่สุด 

อีกทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระหน่วยงานราชการและบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักอยู่ในขณะนี้ เพื่อดูแลรักษาประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 และภายในพื้นที่กักกัน มีการจำกัดบริเวณเป็นสัดส่วน ตามมาตรฐานการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัย และคัดกรองการเข้า-ออก ของบุคคลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งบริเวณภายนอกสถานที่กักกันมีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์.