ผู้ว่าฯหนองคาย มอบเกียรติบัตรพร้อมป้ายศูนย์เฝ้าระวังความรุนแรงในชุมชนและเปิดงานรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ และการป้องกันการค้ามนุษย์ ประจำปี 2564

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 ที่ สนามกีฬาหน้าที่ว่าการอำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายมนต์สิทธิ์ ไพรสาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรพร้อมป้ายศูนย์เฝ้าระวังความรุนแรงในชุมชน และเปิดงานรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ และการป้องกันการค้ามนุษย์ ประจำปี 2564 โดยมูลนิธิภคินีศรีชุมพาบาลหนองคายจัดขึ้น โดยมี ซิสเตอร์จินตนา พิมสาร ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งคณะกรรมการเฝ้าระวังชุมชน เพื่อป้องกันและแก้ไขความรุนแรงในเด็กและสตรี มูลนิธิภคินีศรีชุมพาบาลหนองคาย เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ มี บิชอปยอแซป ลือชัย ธาตุวิสัย บิชอบสังฆมลฑลอุดรธานี, ซิสเตอร์ปราณี สิทธิ ประธานมูลนิธิภคินีศรีชุมพาบาลหนองคาย และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมในพิธี

ด้วยมูลนิธิคณะภคินีศรีชุมพาบาลประเทศไทย (Good Shepherd Thailand: GST) ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาและมุ่งมั่นทำงานช่วยหลือผู้หญิงและเด็ก ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทุกรูปแบบ ซึ่งมูลนิธิฯ มีพื้นที่ทำงานใน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, หนองคาย, ชลบุรี(พัทยา), เชียงราย, เชียงใหม่ และภูเก็ต ทางมูลนิธิฯได้ริเริ่มคำเนินโครงการฯ โดยมีชิสเตอร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภคินีศรีชุมพาบาลในแต่ละพื้นที่ เป็นเป้าหมายดำเนินการ ซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินงาน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564-2566 การดำเนินการตามโครงการดังกล่าว  มูลนิธิภคินีศรีชุมพาบาล ที่มีการบริหารจัดการโดยชุมชนเพื่อชุมชน ซึ่งมีคณะกรรมการศูนย์เฝ้าระวังความรุนแรงในชุมชน ประกอบด้วย ต.ผาตั้ง จำนวน 8 คน, ต.บ้านม่วง จำนวน 10 คน, ต.สังคม จำนวน 10 คน, ต.โพธิ์ตาก จำนวน 15 คน และ ต.พานพร้าว จำนวน 12 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 55 คน

การจัดงานในครั้งนี้  เพื่อคุ้มครองเด็กและสตรีจากความรุนแรงทุกรูปแบบ รามทั้งการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการค้ามนุษย์ เพื่อประสานงานและประชุมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, โรงเรียน, องค์กรชุมชน, ผู้นำชุมชน, องค์กรพัฒนาเอกชน รวมทั้งกลุ่มสตรีและเยาวชน เพื่อจัดตั้งหรือเสริมสร้างความเข้มแข็งคณะกรรมการเฝ้าระวังระดับชุมชน เพื่อเป็นกลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในเด็กและสตรี  เพื่อเสริมศักยภาพและจัดอบรมให้ความรู้แก่คณะกรรมการเฝ้าระวังในชุมชน เรื่องการแจ้งบาะแส การรายงาน และการส่งต่อเคส รวมทั้งการจัดประชุมรายไตรมาส เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรง หาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในเด็กและสตรีในชุมชน รวมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความตระหนักในชุมชน ร่วมกับคณะกรรมการเฝ้าระวังในชุมชน เรื่องสิทธิสตรี ความรุนแรงในครอบครัว  กฎหมายและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคและสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการเฝ้าระวังในชุมชนอย่างยั่งยืน

การจัดงานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก 35 หน่วยงาน โคยมีผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 200 คน และการจัดงานภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้ลงทะเบียนผ่านออนไลน์ และได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม

ตร.ท่าบ่อ คุมตัวหนุ่มศรีเชียงใหม่วัย 38 ปี ผู้ต้องหาลักรถจยย.ของแม่บ้านทำความสะอาดในรพร.ท่าบ่อ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ สุดแสบตีเนียนอ้างรปภ.ว่าลืมกุญแจ ยังหวนกลับมารักษากระดูกทับเส้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนหน้ายังก่อเหตุลักรถจยย.ของเพื่อนบ้านไปขาย 800 บาท

วันที่ 11 ธ.ค. 2564 ที่ บริเวณลานจอดรถหลังตึกบุญสนองของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พ.ต.อ.จำรัส จันแดง ผกก.สภ.ท่าบ่อ, พ.ต.ท.สมเกียรติ บัวนิล รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.ท่าบ่อ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่าบ่อ ควบคุมตัวนายบัญชา พูลประเสริฐ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 15 ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีดำ - แดง หมายเลขทะเบียน 1 กณ 9315 หนองคาย ในข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยคนร้ายหวนกลับมารักษาโรคกระดูกทับเส้นที่โรงพยาบาลฯ จนนำไปสู่การจับกุมตัวได้

การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2564 เวลาประมาณ 10.00 น. ได้มีนางบังอร หล่อปราบ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 6 ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งมีอาชีพเป็นแม่บ้านทำความสะอาดของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ว่า รถจักรยานยนต์ดังกล่าวจอดไว้ที่บริเวณหลังตึกบุญสนองของโรงพยาบาลฯถูกโจรขโมยไป ขณะที่กำลังทำความสะอาดตึกอยู่ แล้วมองลงมาจากตึกที่ทำงานอยู่ ปรากฎว่าไม่เห็นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ จึงได้ลงมาถาม รปภ.ด้านหลังโรงพยาบาลฯ จึงทราบว่าได้มีชายวัยกลางคน เข็นรถของผู้เสียหายออกไปทางด้านหลังโรงพยาบาลฯ เชื่อว่าเป็นคนร้ายที่เข้ามาลักเอารถไปแน่นอน จึงได้เข้าแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบถามรปภ. ที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ทราบว่าคนร้ายได้อ้างว่าลืมกุญแจรถไว้ที่บ้าน จะเข็นรถไปร้านทำกุญในตลาดสดเทศเมืองท่าบ่อ แต่ทางรปภ.ได้ขอถ่ายรูปและใบขับขี่ของคนร้ายไว้ก่อนปล่อยให้เข็นรถฯออกไปทางเส้นหลังโรงพยาบาลฯ ถึงมารู้ทีหลังว่ารถฯที่คนร้ายเข็นไปนั้นเป็นของนางบังอร จนกระทั่งเช้าวันนี้ (11 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลฯว่า คนร้ายได้กลับมานอนรักษาโรคกระดูกทับเส้นที่โรงพยาบาลฯ จึงเข้าทำการจับกุมตัว

จากการสอบสวนนายบัญชา ให้การรับสารภาพว่าได้ทำจริง สาเหตุที่ทำไปเพราะไม่มีรถกลับบ้าน ไม่ได้เอาไปขายที่ไหน ตั้งใจจะเอาไปใช้ โดยถอดป้ายทะเบียนและตะแกรงหน้ารถออกเพื่อไม่ให้ใครจำได้  ซึ่งก่อนหน้านี้ในพื้นที่ สภ.ศรีเชียงใหม่ นายบัญชาเคยก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ของเพื่อนบ้านไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ตำบลโพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ในราคา 800 บาทมาแล้ว แต่เจ้าของรถไม่ประสงค์จะดำเนินคดี ถึงอย่างไรทางเจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งไปยัง สภ.ศรีเขียงใหม่ เพื่อดำเดินคดีต่อไป

ศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ จ.อุดรธานี จัดเลี้ยงพบปะสร้างสรรค์เพื่อนเกษตร ม.ศ.5/3 กับบรรยากาศสบายๆ ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทุ่งศิลป์ครูแดง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 10 ธ.ค. 2564 ที่ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย บรรดาศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ อ.บ้านผือ จ. อุดรธานี นำโดย นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ ประธานรุ่นฯ ได้จัดงานเลี้ยงพบปะสร้างสรรค์เพื่อนเกษตร ม.ศ.5/3 โดยการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากอาจารย์ชอบ ปราบพาล ข้าราชการครูบำนาญ อดีตอาจารย์สอนวิชาเกษตรศาสตร์โรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ เป็นประธานเปิดงาน โดยมีอาจารย์สงวนชัย ทีปสว่าง ข้าราชการครูบำนาญ อดีตอาจารย์สอนวิชาศิลปศึกษาของโรงเรียนฯ และอาจารย์ฉวีวรรณ ทีปสว่าง ข้าราชการครูบำนาญ อดีตอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษ ของโรงเรีบนฯ ร่วมเป็นเกียรติในการจัดงานเลี้ยงพบปะสร้างสรรค์เพื่อนเกษตร ม.ศ.5/3 โรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ ในครั้งนี้ด้วย

นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือครูแดง บ้านศิลป์ไทย ประธานรุ่นเพื่อนเกษตร ม.ศ.5/3 โรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ เปิดเผยว่า สืบเนืองจากสมัยเรียนมัธยมปลายมีเพื่อนร่วมห้องกว่า 40 คน หลังจากเรียนจบบางคนก็เรียนต่อ บางคนก็ประกอบอาชีพ ต่างคนก็ต่างไป เวลาผ่านไปกว่า 40 ปีเทคโนโลยีทันสมัยสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยง่าย จึงจัดให้มีการรวมกลุ่มพบปะสร้างสรรค์ขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 มีเพื่อนร่วมชั้นและผู้ติดตามรวม 30 คน มาพบปะสังสรรค์เจอกัน นัดคุยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

การพบปะเริ่มจากรูปถ่ายเพียงใบเดียวลงเฟซบุ๊ก เชิญชวนเพื่อนที่อาจจะพบเจอในเฟซบุ๊กมาร่วมพบปะ โดยกำหนดสถานที่เป็นบ้าน 124 มิติบ้านทุ่งศิลป์ครูแดงแห่งนี้ การพบปะสังสรรค์ในครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย  ในกลุ่มใครมีอาหารอะไรก็ให้นำมาทานด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน แบ่งปันแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์พืช สร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นคนดี มีน้ำใจ รู้จักแบ่งปัน ที่สำคัญมีพื้นฐานการเกษตร นำความรู้และประสบการณ์ไปปรับใช้กับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9  นอกจากนี้ยังได้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนที่ล่วงลับไปแล้ว ที่สำคัญในการพบปะสังสรรค์ในครั้งนี้เป็นการสืบทอดความเป็นเพื่อนสู่ลูกหลานว่าพ่อแม่เคยเป็นเพื่อนเรียนด้วยกัน

ด้านอาจารย์ชอบ ปราบพาล ข้าราชการครูบำนาญ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เคยสอนวิชาเกษตรศาสตร์ให้กับลูกศิษย์ ได้กล่าวต้อนรับลูกศิษย์ว่า เป็นที่น่ายินดีที่มีการพบปะสังสรรค์เลี้ยงรุ่นในครั้งนี้ กว่า 40 ปีที่ไม่ได้พบเจอกัน มาวันนี้มาพบปะสังสรรค์ มาทำกิจกรรมดีๆ น่าชื่นชม ไม่เพียงมาพบปะสังสรรค์เท่านั้นยังมีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์พืช สร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นคนดี มีน้ำใจ รู้จักแบ่งปัน ที่สำคัญมีพื้นฐานการเกษตร นำความรู้และประสบการณ์ไปปรับใช้กับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9  ครูขออวยพรให้การพบปะสังสรรค์ในครั้งนี้ งานเลี้ยงรุ่นในปีนี้ ได้จัดขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจจากเพื่อนๆในรุ่นทุกคน รับรองได้ว่าสิ่งที่ติดตัวกลับบ้านไปคือความประทับใจที่ไม่รู้ลืม และขอให้ร่วมกันจัดขึ้นอย่างนี้ทุกๆปี เพื่อระลึกถึงโรงเรียนฯของพวกเราทุกคน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีต่อๆไปจะมีสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้นอาจารย์ชอบ ปราบพาล ยังได้มอบเมล็ดพันธุ์ในกับลูกศิษย์และผู้ติดตาม พร้อมร่วมถ่ายรูปและรับประทานอาหารร่วมกัน กับบรรยากาศสบายๆ เพื่อความสมานสามัคคี และมีของฝากของที่ระลึกมามอบให้กัน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ที่มาพร้อมรอยยิ้มความสนุกสนานของเพื่อนๆ 

เหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ออกหน่วยรับบริจาคโลหิตประจำเดือนธันวาคม 2564 เพื่อเก็บสำรองเลือดให้กับธนาคารเลือด

วันที่ 9 ธ.ค. 2564 ที่ หอประชุมเทสก์รังสี อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นางวารุณี ไพศาลธนวัฒน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย มอบหมายให้นางทัศนาวัลย์ วิริยานภาภรณ์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยคณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองคาย ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเชียงใหม่, สาธารณสุขอำเภอศรีเชียงใหม่ นำโดยนายทศพล สินยบุตร นายอำเภอศรีเชียงใหม่, นายจรัล กลางประดิษฐ ปลัดอาวุโสฯ, นายอรรคเดช บทมาตย์ รองสาธารณสุขอำเภอศรีเชียงใหม่(รักษาราชการแทนสาธารณสุขอำเภอ) ออกหน่วยรับบริจาคโลหิต ประจำเดือนธันวาคม 2564  โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  นักเรียน นักศึกษา และประชาชนร่วมลงทะเบียนบริจาคโลหิต จำนวน 113 คน ได้ปริมาณโลหิต 43,550 ซีซี เพื่อนำโลหิตที่ได้จากการรับบริจาคส่งเข้าธนาคารเลือดเนื่องจากปริมาณโลหิตสำรองในธนาคารเลือดมีปริมาณที่ไม่สม่ำเสมอ มีการขาดแคลนโลหิตในบางช่วงเวลาและบางเดือน แต่ความจำเป็นใช้เลือดยังคงมีต่อเนื่อง

ทั้งนี้เหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย โรงพยาบาลหนองคาย กำหนดแผนการออกหน่วยรับบริจาคโลหิต ประจำเดือน ธันวาคม 2564 ระหว่างเวลา 08.30-12.00 น. จากข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ประชาชนทั่วไป ดังนี้ วันที่ 9 ธันวาคม 2564 หอประชุมอำเภอศรีเชียงใหม่, วันที่ 14 ธันวาคม 2564 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย, วันที่ 16 ธันวาคม 2564 โรงเรียนหนองคายวิทยาคาร, วันที่ 21 ธันวาคม 2564 โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร , วันที่ 23 ธันวาคม 2564 หอประชุมอำเภอสังคม  และวันที่ 28 ธันวาคม 2564 หอประชุมอำเภอเฝ้าไร่ 

จึงขอเชิญชวน ร่วมบริจาคโลหิตกับหน่วยรับบริจาคโลหิตเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว เพื่อเก็บสำรองเลือดให้กับธนาคารเลือด โรงพยาบาลหนองคาย “เราช่วยกาชาด กาชาดช่วยเรา” ซึ่งเลือดของผู้บริจาคช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกหลายคน