สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวจังหวัดหนองคาย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยหนาว และโปรดเกล้าฯให้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เชิญชุดกันหนาวพระราชทาน มอบแก่ราษฎรผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย จำนวน 500 ชุด

วันที่ 17 ธ.ค. 2564 เวลา 13.00 น. ที่ หอประชุมอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวจังหวัดหนองคาย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยหนาว และโปรดเกล้าฯให้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยนายวลุลภ  ยุติธรรมดำรง รองเลขาธิการราชวิทยาลัย เชิญชุดกันหนาวพระราชทาน มอบแก่ราษฎรผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย จำนวน 500 ชุด โดยมี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ร่วมมอบชุดกันหนาวพระราชทานแก่ราษฎรผู้ประสบภัยหนาวในครั้งนี้

ในโอกาสนี้ นายวลุลภ ยุติธรรมดำรง รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียง 3 ราย พร้อมมอบชุดกันหนาวพระราชทาน และยาพระราชทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรผู้ประสบภัยหนาว และผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดหนองคาย

สำหรับสถานการณ์ภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดหนองคาย มีภูเขาสลับที่ราบ จึงทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี และในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะบริเวณยอดดอย อีกทั้งผลการสำรวจความต้องการเครื่องกันหนาว ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ พบว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากสภาพาวะอากาศหนาวเย็น และแจ้งความต้องการขอรับการช่วยเหลือเครื่องกันหนาว รวม 8,518 คน จากพื้นที่ 4 ตำบลของอำเภอสังคม ด้านให้การช่วยเหลือ ขณะนี้มีการแจกจ่ายเครื่องกันหนาว ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดหนองคายแล้ว รวม 6,325 ผืน/ชุด

เกษตรกรชาวสวนเร่งเก็บผลผลิตจากเกาะดอนกลางแม่น้ำโขง ส่งขายให้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่มารอรับซื้อวันไม่ต่ำกว่า 15 ตัน ถึงแม้ปีนี้ขายได้ราคาดี แต่ต้นทุนการผลิตสูง และหวั่นผัก-พลไม้จากต่างประเทศเข้ามา จะทำให้สินค้าเกษตรในบ้านเราตกต่ำ

ที่ท่าเทียบเรือริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านท่ามะเฟือง หมู่ที่ 5 ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เกษตรกรที่ทำสวนเกษตรบนเกาะดอนต่ำดอนแตง ซึ่งเป็นเกาะดอนกลางแม่น้ำโขง ตรงข้ามบ้านท่ามะเฟือง ได้เก็บพุทราพันธุ์เวียดนาม, พริกซูเปอร์ฮอท, พริกหยวก และมะเขือพันธุ์เจ้าพระยา ที่ปลูกไว้บนเกาะบรรจุถุงแล้วนำลงเรือข้ามแม่น้ำโขงกลับมายังท่าเทียบเรือบ้านท่ามะเฟือง ซึ่งมีอยู่ 2 ท่าเทียบเรือ เพื่อส่งขายให้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่มารอรับซื้อไปส่งยังตลาดเมืองทอง จ.อุดรธานี 

โดยราคาพุทราพันธุ์เวียดนาม ปีนี้ซื้อขายราคา 70 บาท ต่อถุง 10 กิโลกรัม, พริกซูเปอร์ฮอท ซื้อราคากิโลกรัมละ 100 บาท, พริกหยวก ซื้อราคากิโลกรัมละ 250 บาท และมะเขือพันธุ์เจ้าพระยา ซื้อกิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งแต่ละวันเกษตรกรจำนำผลผลิตที่ได้ ลงเรือข้ามมาส่งขายทั้ง 2 ท่าเทียบเรือ วันละไม่ต่ำกว่า 15 ตัน ส่งผลให้ท่าเทียบเรือบ้านท่ามะเฟือง คึกคักเป็นพิเศษในช่วงนี้ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรครอบครัวละ 1,500 - 3,000 บาทต่อวัน 

ถึงแม้ปีนี้ราคาพืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่จะมีราคาดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่เกษตรกรชาวสวนยังประสบปัญหาต้นทุนในการผลิตสูง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าปุ๋ย รวมทั้งค่าจ้างแรงงานตกคนละ 600-1,000 บาทต่อวัน โดยแต่ละวันจะจ้างแรงงานเก็บผลผลิตประมาณ 20 คนต่อสวน เช่น เก็บพุทรา ค่าแรงถุงละ 20 บาท, เก็บพริกซุบเปอร์ฮอท ใด้ราคากิโลกรัมละ 100 บาท จ้างค่าแรงกิโลกรัมละ 15 บาท และพริกหยวก ค่าแรงถุงละ 40 บาท นอกจากนี้เกษตรกรยังหวั่นวิตก ผักและผลไม้จากต่างประเทศเข้ามา จะทำให้ราคาผลผลิตร่วง เนื่องจากเกษตรกรไทยเสียเปรียบต้นทุนการผลิตอีกด้วย

ตร.ชุดสืบสวน สภ.ท่าบ่อ นำกำลังบุกทลายแหล่งผลิตปืนเถื่อน รวบผู้ต้องหาคาบ้านพักพร้อมของกลางกระสุนปืนและอุปกรณ์ผลิตอาวุธปืนได้จำนวนมาก และยังพบประวัติพัวพันยาเสพติด

วันที่ 14 ธ.ค. 2564 ที่ ห้องปฏิบัติการงานสืบสวน สภ.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พ.ต.ต.พนมกร ปุญญะโสภณ  สว.สส.สภ.ท่าบ่อ ,ร.ต.ต.อรุณ กองศิลป์ รอง สว.(ป.) สภ. ท่าบ่อ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่าบ่อ ภายใต้การอำรวยการของ พ.ต.อ.จำรัส จันแดง ผกก.สภ.ท่าบ่อ, พ.ต.ท.วิริยภาพ วิริยะวังพรหม รอง ผกก.ป.สภ.ท่าบ่อ, พ.ต.ท.สมเกียรติ บัวนิล รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.ท่าบ่อ ร่วมกันแถลงการจับกุมนายบุษกร หรือกร วงศ์อ่อน อายุ 37 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 2 เม็ด, กระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 4 นัด, กระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 4 นัด, กระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 31 นัด, กระสุนปืน M 16 ขนาด 5 56 จำนวน 23 นัด, กระสุนปืนอาก้า AK 47 จำนวน 4 นัด, ลำกล้องปืนสั้น จำนวน 1 อัน, เหล็กท่อนสั้นสำหรับตัดแปลงเป็นลำกล้องปืน จำนวน 2 อัน, ลำกล้องปืนยาว จำนวน 3 อัน, เหล็กท่อนยาวสำหรับตัดแปลงเป็นลำกล้องปืน จำนวน 4 อัน, ข้อน จำนวน 1 อัน, หินเจียไฟฟ้าลูกหมู จำนวน 1 เครื่อง, สว่านไฟฟ้า จำนวน 1 เครื่อง, พานท้ายปืน จำนวน 3 อัน และโครงพานท้ายปืนไม้ จำนวน 12 อัน โดยจับได้ที่บ้านพักของนายกร เลขที่ 234 บ้านหนองผือ หมู่ที่ 7 ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า ยาบ้าและกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของตนเองจริง ซึ่งขณะตรวจค้นตัวนายกร มีอาการหน้าซีดตาแดงริมฝีปากแห้งคล้ายคนเสพยาบ้า สอบถามได้ยอมรับว่าได้เสพกัญชามาก่อน ครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเวลาเช้าของวันนี้ (14 ธ.ค.) และยอมรับว่าภายในบ้านมีกระสุนปืนและอุปกรณ์ดัดแปลงซ่อมแซม และอาวุธปืนซ่อนอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจค้นพร้อมผู้ต้องหา พบกระสุนปืนและอุปกรณ์ผลิตอาวุธปืนดังกล่าว อยู่ภายในตัวบ้านจำนวนมาก  ซึ่งนายกรยอมรับว่ากระสุนปืนและอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของตนเอง เพื่อใช้ทำและตัดแปลงอาวุธปืนสำหรับใช้เอง และยอมรับว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนจากนายทะเบียนมาก่อนแต่อย่างใด และนายกรยังยอมรับว่า ยาบ้าดังกล่าวมีนายแก้ง เป็นราษฎรบ้านโคกคอน  นำมาให้ตนจำนวน 4 เม็ด เพื่อแรกกับปืนบีบีกัน ซึ่งตนเองได้เสพไปแล้ว 2 เม็ด โดยวิธีการผสมน้ำดื่ม 

เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันควบคุมนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาที่ สภ.ท่าบ่อ และได้ทำกาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด พบมีสารเสพติดในร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่จะได้นำปัสสาวะส่งกลุ่มงานเทคนิดการแพทย์โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ทำการตรวจหาสารเสพติด เพื่อยืนยันผลตรวจอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหากับนายกร มีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน , ทำ ประกอบ ซ่อมแซมอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต , มียาเสพติตให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สถานีเรือรัตนวาปี นรข.เขตหนองคาย บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ตรวจยึดยาบ้ากว่า 399,800 เม็ด กัญชาแห้งอัดแท่ง 18 กก. จากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ส่วนผู้ต้องหากระโดดลงน้ำโขงหลบหนีได้หวุดหวิด

วันที่ 14 ธ.ค. 2564  น.อ.นิรุตติ์  มาทอง หัวหน้ายุทธการเเละการข่าว กองบังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำเเม่น้ำโขง เขตหนองคาย, น.ท.ภาณุทัต  ทิพย์วงษ์ทอง  หน.สน.เรือรัตนวาปี นรข.เขต หนองคาย ,พ.ต.พิมล ประดิษฐ์ด้วง หน.ชรต.กอ.รมน.จังหวัดหนองคาย, ร.อ.จิรศักดิ์ ดีช่วย กองร้อยสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13)กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ร้อย ฉก.ทพ.2105 ฉก.ทพ.21 และ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่  แถลงข่าวผลการตรวจยึดยาบ้าจำนวน 399,800 เม็ด กัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 18 กก. ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้ที่บริเวณสถานีสูบน้ำท้ายบ้านตาลชุม ต.รัตนวาปี อ.รัตนาวาปี จ.หนองคาย  ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ณรงค์  สวนแก้ว ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี, พล.ร.ต.สมบัติ  จูถนอม ผบ.นรข., พ.อ.จักรพงศ์ โพธิ์นาแค ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13)กกล.สุรศักดิ์มนตรี, น.อ.ราฆพ  เทวประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย, พ.ต.อ.ภูวิศ  ศิริพานิช ผกก.สภ.รัตนวาปี

การตรวจยึดครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 17.00 น. น.ท.ภาณุทัต  ทิพย์วงษ์ทอง  หน.สน.เรือรัตนวาปี  ได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ นัดส่งยากันที่บริเวณสถานีสูบน้ำท้ายบ้านตาลชุม ต.รัตนวาปี อ.รัตนาวาปี จ.หนองคาย  จึงได้รายงานให้ น.อ.ราฆพ  เทวประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบ จากนั้นได้บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จัดชุดกำลังพลเข้าซุ่มบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.50 น เจ้าหน้าที่ได้ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนตรวจพบเรือต้องสงสัยมีชายนั่งมาในเรือ 3 คน และวัตถุต้องสงสัยอยู่ในเรือ   พายจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมุ่งหน้ามาฝั่งไทย จากนั้นได้เข้ามาจอดที่บริเวณสถานีสูบน้ำท้ายบ้านตาลชุมฯ และชายทั้ง 3 คน ได้แบกวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่ซึ่งดักซุ่มอยู่ได้แสดงตัวขอตรวจค้น ทั้ง 3 คนตกใจได้โยนวัตถุต้องสงสัยลงพื้นแล้ววิ่งกระโดดลงน้ำหลบหนีไปได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่พบวัตถุต้องสงสัย จำนวน 2 กระสอบ เรือกีบ 1 ลำ จึงได้เปิดกระสอบตรวจดูพบภายในบรรจุยาบ้าและกัญชาแห้งอัดแท่ง จึงได้ทำการตรวจยึดยาบ้า, กัญชาแห้ง และเรือกีบของกลางทั้งหมดมาทำการตรวจนับอย่างละเอียดที่สถานีเรือรัตนวาปี  ก่อนนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.รัตนวาปี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ-ข่าว /ฤาษีลภ-ปวีณา - จ.หนองคาย

สภากาชาดไทย โดยเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย มอบผ้าห่มกันหนาว จำนวน 800 ผืนในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดหนองคาย ตามโครงการ "มอบไออุ่นจากใจ สู่ผู้ประสบภัยหนาว" ประจำปีงบประมาณ 2565

วันที่ 14 ธ.ค. 2564 ที่ หอประชุมเทสก์รังสี อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยนางวารุณี ไพศาลธนวัฒน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย, นายกิตติคุณ บุตรคุณ ปลัดจังหวัดหนองคาย, นายจรัล กลางประดิษฐ ปลัดอาวุโสอำเภอศรีเชียงใหม่ และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ร่วมกันมอบถุงยังชีพจำนวน 10 ชุด และมอบผ้าห่มกันหนาวสภากาชาดไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยหนาว จำนวน 200 ผืนในเขตพื้นที่ตำบลบ้านหม้อ และตำบลพระพุทธบาท อำศรีเชียงใหม่

นอกจากนี้ นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยนางวารุณี ไพศาลธนวัฒน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย, นายกิตติคุณ บุตรคุณ ปลัดจังหวัดหนองคาย และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ยังได้ลงพื้นที่มอบผ้าห่มกันหนาวสภากาชาดไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยหนาว ในเขตพื้นที่ อำเภอสังคม จำนวน 200 ผืน, อำเภอโพธิ์ตาก จำนวน 200 ผืน และอำเภอท่าบ่อ จำนวน 200 ผืน ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย 

ด้วยสภากาชาดไทย โดยเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ได้จัดทำโครงการ"มอบไออุ่นจากใจ สู่ผู้ประสบภัยหนาว" ประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ที่ประชาชนต้องจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาว และเพื่อให้สุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยหนาว ได้มีสุขภาพแข็งแรง และปราศจากโรคภัย โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่อำเภอตามแนวชายแดนที่ยังขาดแคลนผ้าห่มกันหนาวไว้ห่มยามมีอากาศเปลี่ยนแปลง และเพื่อบรรเทาทุกข์ ผู้ด้อยโอกาสและผู้อยู่ในถิ่นห่างไกลทุรกันดาร เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป