วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564

หนองคายผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งอย่างต่อเนื่อง ระลอกเดือนเมษายนเพิ่มอีก 10 ราย สะสมรวม 24 ราย

วันที่ 22 เม.ย.64  ที่ ห้องประชุมสวัสดิ์ สัมพาหะ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย , นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย  และนางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวสื่อมวลชน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 10 ราย  (เป็นรายที่ 15-24) รวมสะสมทั้งจังหวัดในระลอกเดือนเมษายน 24 ราย



โดยรายที่ 15 เป็นชายไทย อายุ 30 ปี ที่อยู่ ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย อาชีพฟรีแลนช์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดระลอกเดือนเมษายน รายที่ 6 , รายที่ 16 เป็นหญิงไทย อายุ 60 ปี อาชีพพี่เลี้ยงเด็ก ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 8 , รายที่ 17 เป็นชายไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย คาดว่าติดจากญาตที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่เสี่ยง , รายที่ 18 เป็นชายไทย อายุ 64 ปี ที่อยู่ หมู่ 5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 17 , รายที่ 19 เป็นหญิงไทย อายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน ที่อยู่ หมู่ 5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 17 ,  รายที่ 20 เป็นชายไทย อายุ 27 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 17 , รายที่ 21 เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ หมู่ 5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย , รายที่ 22 เป็นเด็กชายไทย อายุ 1 ปี 6 เดือน ที่อยู่ หมู่ 16 ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 6 , รายที่ 23 เป็นเด็กชายไทย อายุ 5 ปี  ที่อยู่ หมู่ 16 ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 6 และรายที่ 24 เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี อาชีพแม่บ้าน ที่อยู่ หมู่ 2 ต.โพนทอง อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน จ.ขอนแก่น






นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เน้นย้ำให้ประชาชนชาวหนองคาย ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรตติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กำหนด โดยเฉพาะมาตรการ D-M-H-T-T ได้แก่ D=Distancing : การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล1-2เมตร, M=Mask Wearing : การใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย, H=Hand Washing : การล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดอยู่เสมอ, T=Testing : การวัดอุณหภูมิก่อนเข้าไปในสถานที่ และ T=Thai Chana : การลงทะเบียนเข้าไปในสถานที่ด้วยการใช้แอพลิเคชั่นไทยชนะ ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามอย่างจริงจัง และหากไม่มีความจำเป็นก็ขอให้อยู่บ้าน


นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ยังฝากเตือนประชาชนชาวหนองคาย ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดหนองคาย ฉบับที่ 3/2564 ให้ผู้ที่จะออกจากเคหสถานหรือสถานที่ทำงาน ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า อย่างเคร่งครัด เริ่มวันที่ 25 เมษายน 64 เป็นต้นไป "หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้อาจมีความผิดตามมาตรา 51 พระราชบัญญัติโรคติคต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมี่นบาท และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ถุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"








"ลาว" ประกาศล็อกดาวน์เวียงจันทน์ สกัดโควิด-19 รอบใหม่ 14 วัน

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายพันคำ วิพาวัน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่านับตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 22 เม.ย. จนถึงวันที่ 5 พ.ค. นี้ ให้ทุกเขตของนครหลวงเวียงจันทน์อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ มาตรการที่สำคัญรวมถึง การห้ามประชาชนในนครหลวงเวียงจันทน์เดินทางออกไปยังแขวงอื่น เช่นเดียวกันห้ามประชาชนจากแขวงอื่นเดินทางเข้ามายังเมืองหลวงตลอดระยะเวลาของการล็อกดาวน์ ยกเว้นมีความจำเป็นระดับสูงสุด เช่น การทำงาน และการพบแพทย์เป็นกรณีฉุกเฉิน หรือได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาลเท่านั้น




นอกจากนี้ยังห้ามประชาชน ชาวต่างประเทศ และคนที่ไม่มีสัญชาติที่อยู่ในนครหลวงเวียงจันออกจากบ้าน หรือสถานที่พักอาศัย ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น ซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค ไปโรงพยาบาล ไปปฏิบัติหน้าที่กิจการที่ได้รับอนุญาต ส่วนผู้ที่มีความจำเป็นต้องไปทำการเกษตรเพื่อเสบียงอาหารนั้น สามารถไปได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างรัดกุม

รวมทั้งห้ามกักตุนสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภค และยังให้ปิดสถานบริการบันเทิง ร้านคาราโอเกะ ร้านกินดื่ม ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านนวดสปา ร้านสนุกเกอร์ สถานที่ออกกำลังกายในร่มทุกประเภท โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ถึงเวลา 24.00 น. วันที่ 5 พ.ค. 2564




โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ เดินหน้าทำ MOU ความร่วมมือ เรื่อง การผลิตกัญชาทางการแพทย์ ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพท่าบ่อ

วันที่ 22 เม.ย.64 เวลา 13.30 น. ที่ ห้องประชุมปิยะมิตร 1 โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นพ.วัฒนา พารีศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ได้ทำพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การผลิตกัญชาทางการแพทย์ ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพท่าบ่อ นำโดย นายพิศุทธิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธานวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปลูกกัญชาทางการแพทย์ และนำผลิตผลจากต้นกัญชามาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ สามารถจำหน่ายให้กับผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย รวมทั้งนำส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษไปใช้ประโยชน์อื่น ทั้งทางด้านอุตสาหกรรมการเกษตร และสร้างมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจแก่ซุมชนและองค์กร รวมทั้งพัฒนาความรู้เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลด้านสมุนไพร เพื่อการแพทย์และสุขภาพอีกด้วย โดยบันทึกความร่วมมือฉบับนี้มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี โดยมีหัวข้อของการตกลงความร่วมมือดังนี้



ข้อ 1 วัตถุประสงค์ของความร่วมมือ

1.1 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปลูกภัญชาทางการแพทย์

1.2 เพื่อนำผลิตผลจากกัญชา ส่วนที่เป็นยาเสพติดให้โทษ มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ สามารถจำหน่ายให้กับผู้ได้รับอนุญาตดามกฎหมายได้ ภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพดิดให้โทษ(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562

1.3 เพื่อนำผลิตผลจากกัญชา ส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพดิดให้โทษไปใช้ประโบชน์อื่น ทั้งค้านอุดสาหกรรม เกษตร และสร้างมูลค่าทางค้านเศรษฐกิจ

1.4 เพื่อผลิตยาจากกัญชา จำหน่ายให้กับสถานพยาบาล ตามกฎหมายที่ใด้รับอนุญาต ทั้งภาครัฐและเอกชน

1.5 เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนได้มีผลิตภัณฑ์จากกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพคิดให้โทษ มาใช้ตามภูมิปัญญาและ

สามารถจำหน่าย ที่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ แก่ชุมชนและองค์กรของตนเองได้

1.6 ร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลด้านสมุนไพรเพื่อการแพทย์และสุขภาพ


ข้อ 2 ขอบเขตของความร่วมมือ

2.1 วิสาหกิจชุมชนจักปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการผลิต ยาเสพติดให้โทมประเกท 5 ในการจำหน่ายให้กับผู้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และโรงพยาบาล จักเป็นหน่วยงานที่ควบคุมกำกับทางวิชาการ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เพื่อให้ได้ยาหรือสารสกัดที่มีคุณภาพมาตรฐาน ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

2.2 วิสาหกิจชุมชน จักรับผิดชอบทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การขออนุญาต การลงทุนค่าใช้ง่ายในการเพาะปลูก การผลิต และการเก็บเกี่ยวกัญชา ตลอดจนกระบวนการทำให้ได้สารสำคัญ เพื่อการแพทย์ ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

2.3 การดำเนินการอื่น ๆ ที่มิได้ระบุไว้ หากมีส่วนที่เกี่ยวข้องต้องกระทำภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อเท่านั้น




ข้อ 3 ความรู้ เทกนิค ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดขึ้น ทางวิสาหกิจชุมชน ยินดีมอบให้เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาล เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

ข้อ 4 ระยะเวลาและการสิ้นสุดความร่วมมือ บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2564 ถึง วันที่ 21เมษายน 2569 ก่อนสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว หากฝ่ายใดต้องการบอกเลิกข้อตกลงนี้ ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ทุกฝ่ายทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันและ ให้มีผลเป็นการยกเลิกข้อตกลงเมื่อพันระยะเวลาดังกล่าว 

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ อาจมีการขยายเวลาออกไปได้อีก เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันและลงนามขยายเวลาร่วมกันเป็นหนังสือ

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ อาจมีการปรับปรุง หรือแก้ไขเพิ่มเติมตามความเหมาะสมโดยได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย โดยฝ่ายที่ประสงค์ปรับปรุง หรือแก้ไขเพิ่มเดิม ต้องแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 30  วัน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถร่วมกันพิจารณา ทั้งนี้การปรับปรุงหรือแก้ไบเพิ่มเดิม ต้องทำเป็นบันทึกข้อตกลงต่อท้ายบันทึกฉบับนี้

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ จัดทำขึ้นเป็น 2 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้อ่านและเข้าใจอย่างละเอียดโดยตลอดแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามเจตนารมณ์ทุกประการ จึงได้ลงลายมือชื่อ และประทับตรา (ถ้ามี)ไว้เป็นสำคัญ ต่อหน้าพยานและต่างฝ่ายต่างยืดถือไว้ฝ้ายละฉบับ







วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564

ผู้ว่าฯหนองคาย ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ต้องสวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน ที่ทำงาน ติดต่อธุระหรือกระทำการอื่นใด ฝ่าฝืนปรับ 2 หมื่นบาท

นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ได้ลงนามประกาศคำสั่งฉบับที่ 3 / 2564 เรื่อง ข้อกำหนดการปฏิบัติเพื่อควบคุมป้องกันและสกัดกั้นการติดและแพร่เชื้อโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิต-19) จังหวัดหนองคาย

ตามที่ได้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ขณะนี้ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายไหม่ในหลายพื้นที่ และหลายจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นเชื้อโรคสายพันธุ์ที่สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ปกติ โดยผู้ติดเชื้อบางรายมิได้แสดงอาการของโรค แต่ยังสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้สัมผัสใกลัชิดอื่นได้ หากไม่มีการป้องกันโรคที่ดีและเข้มงวด นั้น


เพื่อให้การเฝ้าระวังสกัดกั้น ยับยั้งป้องกันควบคุมและแพร่ระบาดิดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ในพื่นที่จังหวัดหนองคาย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22(7) และมาตรา 34(6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 7 (1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย และประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 จึงให้ประชาชนทุกคน ต้องสวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี เมื่อจำเป็นต้องออกจากเคหสถานหรือสถานที่ทำงาน เพื่อติดต่อธุระหรือกระทำการอื่นใด รวมทั้งเมื่อมีเหตุอันควรต้องสวมใส่ เช่น เมื่อต้องปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำงาน การอยู่ในสถานที่สุ่มเสี่ยงจะแพร่หรือได้รับเชื้อโรค การอยู่รวมกันกับคนหมู่มาก เป็นต้น  อันเป็นการปฏิบัติตามสุขอนามัย ในการป้องกันโรดต่อตัวบุคคลและประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2564 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564

อนึ่ง ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามประกาศนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ตามมาตรา 16 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คู่กรณีไม่อาจใช้สิทธิโต้แย้งประกาศนี้ได้

"หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้อาจมีความผิดตามมาตรา 51 พระราชบัญญัติโรคติคต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมี่นบาท และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ถุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" 

ประกาศ ณ วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564 (นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์) ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดหนองคาย

ลาววุ่นโควิดลาม! คลัสเตอร์ 2 หนุ่มไทยลอบข้ามโขงไปเที่ยว ทำแพร่เชื้อ ก่อนลักลอบกลับไทยผ่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

วันที่ 20 เม.ย. 64 สำนักข่าวสารประเทศลาว รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศลาวว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 2 คน โดยรายแรกเป็นผู้หญิงอายุ 25 ปี เป็นนักศึกษาอยู่นครหลวงเวียงจัน และอีกรายเป็นผู้หญิงเช่นกันอายุ 28 ปี อยู่นครหลวงเวียงจัน โดยทั้ง 2 คนมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ลักลอบเข้าประเทศลาวอย่างผิดกฎหมาย


โดย คณะเฉพาะกิจเพื่อป้องกัน ควบคุม และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด สปป.ลาว รายงานผลสอบโรคผู้ป่วยนักศึกษาหญิงอายุ 25 ปี เริ่มจากผู้ชายไทย 2 คน นั่งเรือลักลอบข้ามแม่น้ำโขงเข้าประเทศลาวอย่างผิดกฎหมายมายังแขวงสะหวันนะเขด เมื่อวันที่ 6 เม.ย. จากนั้นมาพบกับพี่สาวของนักศึกษา

ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. ทั้ง 3 คนเดินทางจากแขวงสะหวันนะเขด มานครหลวงเวียงจัน นักศึกษาจึงพาทั้ง 3 คนไปเข้าพักโรงแรม โดยระหว่างพักอยู่นครหลวงเวียงจัน ก็พากันไปเที่ยวร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ ร้านนวด และสถานบริการบันเทิงอีกหลายแห่ง จนกระทั่งวันที่ 12 เม.ย. ชายไทย 2 คนเริ่มมีอาการป่วย






จากนั้นวันที่ 16 เม.ย. ก็เดินทางลักลอบกลับประเทศไทยผ่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ก่อนที่นักศึกษาได้รับแจ้งจากพี่สาวว่าทั้ง 3 คนติดเชื้อโควิด นักศึกษาจึงไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล ผลออกมาเป็นลบ ติดเชื้อโควิดเช่นกัน และยังมีผู้สัมผัสใกล้ชิดอีกจำนวนมาก

ที่มาข่าวสดออนไลน์ Khaosod Online

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564

ผู้ว่าฯ หนองคาย พร้อมคณะบริหารลงพื้นที่ตรวจความพร้อม รพ.สนามหอประชุม อบจ.หนองคาย จำนวน 60 เตียงสนาม คาดว่าเพียงพอกับผู้ติดเชื้อโควิด-19

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 เม.ย. 64 ที่ หอประชุม อบจ.หนองคาย ข้างที่ว่าการอำเภอเมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายก อบจ.หนองคาย , ดร.สมเกียรติ ตระกูลฟ่าร์มธวัช รองนายก อบจ.หนองคาย,  นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย , นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นางสาวสิริมา วัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และ นายแพทย์วิเชียร รุ่งธิติธรรม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นสำรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามหอประชุมองค์การบริการส่วนจังหวัดหนองคาย เพื่อเตรียมรองรับผู้ป่วยโควิด




นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาดูความเรียบร้อยโรงพยาบาลสนามที่ทาง อบจ.หนองคาย ได้จัดเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยโควิดเอาไว้ ซึ่งหอประชุม อบจ.หนองคาย นี้ถือว่าเป็นโรงพยาบาลสนามแห่งแรกของจังหวัดหนองคาย สามารถรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ 60 เตียง อีกอย่างพื้นที่ที่ อบจ.จัดให้เป็นโรงพยาบาลสนาม นั้นมีความเหมาะสม เพราะอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลหนองคาย ที่ง่ายต่อการบริหารจัดการและให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 2 วันนี้ ก็สามารถส่งมอบให้กับโรงพยาบาลหนองคาย สามารถเปิดให้บริการผู้ป่วยโควิดได้ทันที ยังคาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ทั้งการตกแต่งห้อง การอำนวยความสะดวกเรื่องอื่นๆ เช่น สัญญาณ Wifi  รวมไปถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อสะดวกในการดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่



ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปิดเผยอีกว่า จากการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกเดือนเมษายนนี้ ได้วางแผนจัดตั้งโรงพยาบาลสนามตามสมมติฐานที่วางไว้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ในห้วงการปฏิบัติจริงอาจมีปัจจัยและตัวแปรต่างๆ เพิ่มเติม คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ได้ประชุมและปรับปรุงการปฏิบัติงานให้รองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวัน โดยโรงพยาบาลสนามที่วางไว้จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ คาดว่าจะเพียงพอกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจังหวัดหนองคายพร้อมดูแลประชาชนอย่างเต็มที่











"ประกาศ" คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจ.หนองคาย ที่ 11/2564

คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจ.หนองคาย ที่ 11/2564  เรื่อง ข้อกำหนดการปฏิบัติตามมาตรการสำคัญเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ใน จ.หนองคาย (เพิ่มเติม) โดยมีสาระที่สำคัญ คือ

1.ให้ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่น (75 จังหวัด รวมกรุงเทพฯ) ต้องกักกันตัวที่บ้าน และปฏิบัติตามแนวทางข้อกำหนดเพื่อควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดและเข้มงวด

2. ให้ผู้บังคับบัญชาใช้ดุลยพินิจพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด ที่มีประวัติการเดินทางเข้าไปและกลับจากพื้นที่เสี่ยงและมีการระบาดของโรค สามารถปฏิบัติงานนอกที่ตั้ง (Work from Home) อย่างเต็มขีดความสามารถโดยไม่กระทบและเกิดผลเสียหายต่อหน่วยงานและประชาชน (มีผลบังคับใช้ระหว่าง 20-30 เมษายน 2564 นี้ )

ขอความร่วมมือ หน่วยงาน องค์กร ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป ได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้อาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพะราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประกาศคำสั่ง ณ วันที่ 20 เมษายน 2564

ตามรายละเอียดดังนี้




จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...