กองบัญชาการกองทัพไทย โดยคณะแม่บ้านสนภ.2 นทพ. ร่วมกับ นพค.25 สนภ.2 นทพ.จัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และรองเท้าของหนู เพิ่มโอกาสทางการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก ณ โรงเรียนบ้านศูนย์กลาง อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย

วันที่ 10 ก.ค.2565 ที่ โรงเรียนบ้านศูนย์กลาง หมู่ที่ 3 ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย พ.อ.ณัฐวัฒน์ นิลภูผาทวีโชติ์ ผู้บังคับการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 25 สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยทหารพัฒนา  พร้อมด้วยนางวัชรีพร ชัยจักร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านศูนย์กลาง กำลังพลของหน่วยฯ และบุคลากรทางการศึกษา  ร่วมให้การต้อนรับคณะแม่บ้านสำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยทหารพัฒนา ร่วมจัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์การเรียน มอบอุปกรณ์กีฬา และมอบรองเท้าตามโครงการ "รองเท้าของหนู" จากใจ กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนขนาดเล็ก อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง และเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองเด็กนักเรียน

สำหรับการมอบรองเท้าให้เด็กนักเรียนครั้งนี้ ทำให้เด็กๆ รับรู้ถึงความสำคัญของการใส่รองเท้า และช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการไม่ใส่รองเท้าได้เป็นอย่างดี  และนำอุปกรณ์กีฬาที่มอบให้ สามารถนำไปใช้ในการออกกำลังกาย และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อีกด้วย

ชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย จ.หนองคาย จัดกิจกรรม “ค่ายศิลปะการดำนา" ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวนาและอนุรักษ์ประเพณีอันดีงาม

วันที่ 9 ก.ค.2565 ที่ บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ ได้มอบหมายให้นายสมจิตร คำภูมี กำนันตำบลน้ำโมง เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ค่ายศิลปะการดำนา” ประจำปี 2565  โดยนายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือ ครูแดง บ้านศิลป์ไทย ประธานชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย จัดให้มีกิจกรรมขึ้น โดยมี ครูสุวิทย์ บัวลอย ครูโรงเรียนบ้านนาน้ำพราย , ผู้ใหญ่บ้าน , ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน , สารวัตรกำนัน , แพทย์ประจำตำบล , ผู้ปกครอง และแขกรับเชิญร่วมในพิธีเปิด

ครูแดง บ้านศิลป์ไทย ถือเป็นบุคคลต้นแบบผู้ที่เปลี่ยนแปลงพื้นที่กว่า 19 ไร่เศษ เป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทำนาและเกษตรแบบผสมผสาน ตามรอยเท้าพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ภายใต้ชื่อ "ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง" บอกเล่าถึงที่มาว่า เด็กยุคใหม่ค่อนข้างขาดโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของคนสมัยก่อนจึงตั้งใจถ่ายทอดวิถีชีวิตภูมิปัญญาชาวนาที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษ ตลอดเวลาในการเปิดศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทุ่งศิลป์ครูแดงแห่งนี้ เห็นได้ว่าคนในพื้นที่และต่างจังหวัดทั่วประเทศ หันมาให้ความสนใจและความสำคัญกับการเข้ามาศึกษาดูงานเป็นอย่างมาก

ส่วนการจัดกิจกรรมฯในครั้งนี้เป็นค่ายลำดับที่ 68 เป็นการสอนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชาวนาแบบดั้งเดิม เช่น การวิดน้ำเข้านาด้วยกะโซ่ ที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน และดำนาปลูกข้าว ในท่ามกลางบรรยากาศฝนตกพร่ำๆ ที่พัดผ่านเข้ามาในช่วงต้นฤดูฝน ซึ่งการดำนาเป็นการสอนให้เด็กๆ ใช้นิ้วมือทั้ง 5 นิ้วปลูกข้าว นิ้วโป้งนิ้วชี้จับไปที่คอต้นข้าว นิ้วก้อยประคองต้นกล้าให้ตั้งตรง ส่วนนิ้วนางและนิ้วกลางให้ชี้ออก เพื่อที่เวลาปักจะได้ไม่ติดโคลน เมื่อเด็กๆ ปลูกข้าวกันเสร็จแล้วพวกเขาจะนำสิ่งที่ตัวเองสัมผัสไปสร้างจินตนาการ ด้วยการวาดภาพระบายสีกันอย่างสนุกสนาน สร้างเสียงหัวเราะและความประทับใจให้กับตัวเด็กและผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรม  มีผู้ปกครองส่งบุตรหลานอายุระหว่าง 4-12 ปี จำนวน 10 คน เข้าร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณี พร้อมศึกษาวิถีชีวิตของเกษตรกรในการดำนาปลูกข้าวในท้องทุ่งนา ศึกษาเรียนรู้ขั้นตอนการทำนา และบูรณาการศิลปะเข้าด้วยกัน

นายอำเภอท่าบ่อ พร้อมพมจ.หนองคาย และอบต.น้ำโมง ลงเยี่ยมให้กำลังใจและช่วยเหลือเบื้องต้นคุณยายวัย 76 ผู้ประสบอัคคีภัยวอดทั้งหลัง

วันที่ 8 ก.ค. 2565 นายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ , นายธีรพงษ์ หมื่นภักดี หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองคาย , นายจรัญ วงศ์เสนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำโมง พร้อมคณะผู้บริหาร  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการกิ่งกาชาดอำเภอท่าบ่อ และเจ้าหน้าที่ พมจ.หนองคาย ได้เดินทางลงเยี่ยมให้กำลังใจและช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ คุณยายมาก กุลแสงเต่า อายุ 76 ปี และครอบครัว ที่บ้านเลขที่ 62 บ้านโนนสวาท หมู่ 11 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ที่บ้านและสิ่งของเครื่องใช้ที่อยู่ภายในบ้านถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหลัง

โดยได้ร่วมมอบเงินจำนวนหนึ่งพร้อมสิ่งของอุปโภค-บริโภค ช่วยเหลือเป็นการเบื้องต้น นอกจากนี้องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำโมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้เข้าไปให้การช่วยเหลือเบื้องต้นและในการช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป

โดยเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้านครั้งนี้ เกิดขึ้นเวลาประมาณ 23.30 น.ของคืนวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ก่อนเกิดเพลิงไหม้ คุณยายมาก ที่อาศัยอยู่บ้านคนเดียว ได้ออกไปบ้านลูกชาย กระทั่งช่วงที่เกิดเพลิงไหม้ ได้มีคนขายปลาผ่านมาพบเห็นเพลิงกำลังลุกไหม้ที่ชั้นล่างของตัวบ้าน จึงได้บีบแตรรถแล้วตะโกนบอกชาวบ้านว่าไฟไหม้ พร้อมได้แจ้ง สภ.ท่าบ่อ ให้ประสานรถดับเพลิงมาช่วยดับเพลิง แต่เนื่องจากตัวบ้านชั้นบนเป็นไม้ และในตัวบ้านมีการเก็บสิ่งของไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี เพลิงจึงได้ลุกไหม้ทำให้บ้านวอดทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ  นอกจากนี้บ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน  ยังถูกเพลิงไหม้ผนังบ้านชั้นบนได้รับความเสียหายบางส่วนอีกด้วย ซึ่งมูลค่าความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจและการประเมิน