วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

จังหวัดหนองคาย ตรวจพื้นที่เตรียมความพร้อมการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำในช่วงเทศกาลลอยกระทง คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาลอยกระทงในแม่น้ำโขงจำนวนมาก

วันที่ 7 พ.ย. 2565  นายกิตติคุณ  บุตรคุณ ปลัดจังหวัดหนองคาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำในช่วงเทศกาลลอยกระทง มี บริเวณสวนสาธารณะหนองถิ่น,ท่าน้ำวัดมีชัยท่า,ท่าน้ำวัดหายโศก , ท่าน้ำวัดลำดวน และท่าน้ำพระธาตุหล้าหนอง (พระธาตุกลางน้ำ) ซึ่งเทศบาลเมืองหนองคาย ร่วมกับชุมชน ได้จัดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2565




การตรวจการเตรียมความพร้อมครั้งนี้เน้นการตรวจสถานที่จัดงาน ความมั่นคงแข็งแรงของโป๊ะ ท่าเทียบเรือ ทางขึ้น-ลง ไฟแสงสว่าง การจัดระเบียบประชาชนและนักท่องเที่ยวขึ้น-ลง โป๊ะ แพ ท่าเทียบเรือ โดยกำชับ และกวดขันเรือที่ให้บริการลอยกระทงในแม่น้ำโขง ไม่ให้บรรทุกผู้โดยสารเกินความจุและต้องจัดให้มีเสื้อชูชีพอย่างเพียงพอ การจัดเรือตรวจการณ์พร้อมกำลังพล ตรวจเฝ้าระวังอุบัติเหตุทางน้ำในวันลอยกระทง การสนธิกำลังชุดกู้ภัยทางน้ำเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางน้ำให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งการแพทย์ฉุกเฉิน และการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน รวมไปถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น คาดว่าปีนี้จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่มาลอยกระทงในแม่น้ำโขง ในจังหวัดหนองคายครั้งนี้

จำนวนมาก:ภาพ-ข่าว พันธลภ(ฤาษีลภ)แสงอง-ปวีณา  จังหวัดหนองคาย 

       







วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ฝ่ายปกครอง และสภ.เมืองหนองคาย ลงพื้นที่ตรวจเข้ม ก่อนวันลอยกระทง เน้นย้ำร้านห้ามตั้งโต๊ะขายบนถนนหรือริมฟุตปาธ ห้ามจุดประทัดพื้นที่คนหนาแน่น ห้ามขายพลุ ดอกไม้ไฟให้กับเด็ก หวั่นเกิดอันตราย ฝ่าฝีนจับดำเนินคดี

วันที่ 7 พ.ย. 2565  ที่ หจก.แสงรุ่งการเกษตร เลขที่ 1168/1 หมู่ 3 ถนน หนองคาย-โพนพิสัย ตำบลในเมือง ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดย นายภัทรพงศ์  บุ่งนาแซง ปลัดอำเภอเมืองหนองคาย ร่วมกับ พ.ต.ต.อัครเดช  พรมโสภา สวป.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองหนองคาย ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านจำหน่ายดอกไม้ไฟและประทัด ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2565 หรือประเพณีวันเพ็ญเดือน 12  ของจังหวัดหนองคาย โดยเข้มงวดในการตรวจสอบร้านจำหน่ายพลุและดอกไม้ไฟ ประทัด ย้ำเตือนไม่ให้มีการตั้งโต๊ะจำหน่ายทั้งบนถนนหรือริมฟุตปาธ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจสำรวจ ควบคุม การเล่นพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ โดยเฉพาะประทัดยักษ์ (ลูกบอล) อย่างเข้มงวด ซึ่งหากพบการฝ่าฝืน จำหน่าย จะมีการจับกุมดำเนินคดีทันที โทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับ 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยบริเวณที่มีการจัดกิจกรรมหรือพื้นที่จัดให้ลอยกระทง ริมฝั่งแม่น้ำโขงจะเป็นเขตห้ามจุดประทัดเด็ดขาด เนื่องจากมีประชาชนและนักท่องเที่ยวหนาแน่น



ด้าน พ.ต.ต.อัครเดช  พรมโสภา สวป.สภ.เมืองหนองคาย กล่าวว่า ทางสถานีตำรวจเมืองหนองคายได้ร่วมกับอำเภอ ได้มาให้คำแนะนำนะครับเกี่ยวกับร้านที่มีการจำหน่ายดอกไม้ไฟและประทัด ในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง เพื่อไม่ให้เกิดสูญเสีย ตามสื่อที่เห็นออกอากาศไม่ให้เปิดอันตรายกับเด็กหรือประชาชน คนเล่นอาจทำให้เกิดอันตราย บาดเจ็บทั้งร่างกายและทรัพย์สิน หรืออาจจะรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต จึงได้มาประชาสัมพันธ์ กับทางร้าน และทางร้านได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แจ้งทางร้าน ไม่ให้จำหน่ายให้เด็ก หรือผู้ที่ไม่พร้อมในการเล่นประทัดดอกไม้เพลิง ฝากเตือนประชาชนพ่อแม่พี่น้อง ตรงนี้เป็นข้อห้าม ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองห้านเล่น หรือจุด ประทัด ดอกไม้เพลิง ห้ามปล่อยโคมลอย ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ ขอบคุณครับ

ภาพ-ข่าว พันธลภ(ฤาษีลภ) แสงทอง-ปวีณา  จังหวัดหนองคาย










วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สาธุชนแห่ร่วมบุญทอดกฐินสามัคคี สืบทอดพระพุทธศาสนาวัดศรีชมภูองค์ตื้อ ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

วันที่ 6 พ.ย.2565 ที่ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พระศรีญาณวงศ์ ศาสตราจารย์ ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย / เจ้าอาวาสวัดศรีชมภูงค์ตื้อ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายจีระวัฒน์ ศรีบ้านโทน ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ยุพินการเกษตร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2565 และพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก มาร่วมทำบุญทอดกฐินสามัคคี เพื่อนำปัจจัยจากการทอดกฐินทั้งหมดไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บูรณะปฏิสังขรณ์และเสนาสนะของวัด รวมทั้งสืบทอดประเพณีอันดีงามที่สืบเนื่องมาแต่โบราณ ก่อให้เกิดความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนาให้วัฒนาถาวร และสนับสนุนวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้พระธรรมวินัย เป็นศูนย์รวมของประชาชนในการจัดพิธีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยพิธีมีการแห่พุ่มกฐินรอบวิหารหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตและครอบครัวให้ร่มเย็นเป็นสุข







สำหรับการจัดงานทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านน้ำโมงและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งพุทธศาสนิกชนจากต่างจังหวัด และทุกภาคส่วนที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ภายในงานยังมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธา มาตั้งโรงทานนำอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการประชาชนที่มาร่วมทำบุญภายในวัด โดยบริการฟรีกว่า 50 โรงทาน ซึ่งผู้ที่ทำโรงทาน ถือว่าการทำบุญอันยิ่งใหญ่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์มีความโอบอ้อมอารีเผื่อแผ่แบ่งปันให้กับผู้อื่นให้ได้รับประทาน และเป็นการทำบุญอันยิ่งใหญ่ในบุญประเพณีต่างๆ ที่ผู้มาร่วมงานจะได้อาหารและเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน สำหรับยอดกฐินสามัคคีที่พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างมหากุศลในการทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2565 รวมทั้งสิ้น 975,163 บาท





















วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

"ทัพหนู" หวังยึดฐานที่มั่นหนองคาย ลุยเปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทยสู้เพื่อไทย ชูนโยบาย"เกษตรพันธสัญญา" ยังตั้งเป้าพัฒนา"หนองคาย"ให้เจริญยิ่งกว่า "บุรีรัมย์" ตามสโลแกนพรรค “พูดแล้วทำ” หรือ “เว่าแล้วเฮ็ด”

วันที่ 4 พ.ย. 2565 เวลา 17.00 น. ที่ เวทีกลางลานนาคาเบิกฟ้า อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพร้อมแกนนำพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดหนองคาย พรรคภูมิใจไทยทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายเสถียร ผาณิบุศย์ ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 , พญ.จิดาภา สุนทรธนากุล ว่าที่ผู้สมัครเขต2 และนายกฤศภณ หล้าวงศา ว่าที่ผู้สมัครเขต 3

นายอนุทิน ได้ปราศัยว่า วันนี้เรามาในสภาพใหม่ที่ประชาชนมาต้อนรับแน่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเชื่อว่าประชาชนมาเพราะเบื่อความขัดแย้ง เบื่อการทะเลาะกัน ต้องการนักการเมืองสร้างความเจริญ และพรรคภูมิใจไทย ตีโจทย์แตก ที่คัดว่าที่ผู้สมัครหนองคายของพรรค 3 คน มารับใช้ ซึ่งถ้าเลือกผู้สมัครทั้ง 3 จะได้ทั้งพรรคภูมิใจไทย ที่มีสโลแกน “พูดแล้วทำ” หรือ “เว่าแล้วเฮ็ด” และพรรคเราพูดแล้วทำ ไม่พูดก็ทำ อย่างเช่น สร้างสะพานข้ามจากหนองคายไปเวียงจันทน์ ซึ่งวางไว้ว่าจะให้เป็นสะพานสำหรับรถไฟความเร็วสูง และให้รถยนต์วิ่งได้ด้วย อีก 2-3 ปีได้เห็น และจะเชื่อมต่อไปจีน เพื่อให้การคมนาคมขนส่งรวดเร็ว ประหยัดเวลา ใครก็อยากมาค้าขายกับไทย

"นายอนุทิน ยังขอโอกาสให้เรามีบุญวาสนามาทำงานให้กับประชาชนที่นี่ และขอให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะเราทำให้บุรีรัมย์เจริญแล้ว แต่จะทำให้หนองคายเจริญยิ่งกว่า จึงขอกราบให้คนหนองคาย เลือกคนหนองคายมาพัฒนาหนองคาย"

นายอนุทิน กล่าวถึงเรื่องเบี้ย อสม. 2,000 บาทว่า แค่นี้เรื่องขี้ผง ตอนนั้นทำไม่ได้เพราะยังไม่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าลองเลือกให้เยอะๆ แล้วได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทำได้แน่ทั้งนี้หากได้เป็นรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยจะขอดูกระทรวงสาธารณสุข เช่นเดิม เพื่อจะได้จัดซื้อเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีให้ทุกจังหวัด

นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า นายอนุทินยังชูนโยบายเกษตรร่ำรวย ด้วยระบบ “คอนแท๊ค ฟาร์มมิ่ง” หรือ ระบบ “เกษตรพันธสัญญา”  โดยพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ ทำนา   ทำสวนยางพารา  ทำสวนปาล์ม  ทำไร่มัน  จะได้รับสิทธิเข้าสู่ระบบ “คอนแท๊ก ฟาร์มมิ่ง” กับรัฐบาล  ก่อนถึงเวลาปลูก จะต้อง “รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย  เสียหายมีประกันมาชดใช้” เพราะทุกคนที่เข้าโครงการ จะมีสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า กับรัฐบาล ตามราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา

พร้อมแจกแจงราคาผลิตผลทางการเกษตร ราคายางต้องไม่ราคา100 บาท ต่อ 3 กก. แต่พรรคมีนโยบายที่จะทำให้ข้าวขาวราคา 12,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน มันสำปะหลัง 4 บาทต่อ กก. ปาล์มทะลาย 5 บาทต่อ กก. น้ำยางสด 62 บาทต่อ กก. ยางแผ่น 65บาทต่อ กก. 

นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า  ปีที่แล้ว ได้สั่งให้เพิ่มเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง อีก7เครื่อง มารักษาผู้ป่วยให้เร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่พอ เพราะแต่ละปี มีผู้ป่วยมะเร็ง เพิ่มขึ้นมากกว่า 1แสนคน  พรรคภูมิใจไทย จึงเห็นว่า ทุกจังหวัดต้องมีเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง อย่างน้อย จังหวัดละ 1เครื่อง เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ในจังหวัดของตัวเอง ลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ป่วยและครอบครัวเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มากขึ้น เร็วขึ้น  ผู้ป่วยมะเร็งมีอยู่ทุกจังหวัด และ รอเวลานาน ไม่ได้ ชีวิตผู้ป่วยทุกคน มีคุณค่าเท่ากัน มีคุณค่าที่ต้องเร่งรักษาโดยเร็ว โรคไต เป็นอีกโรคที่ผู้ป่วย จะได้รับการทรมานมาก จึงได้สั่งให้ ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไตทุกคน ด้วยความเท่าเทียม และตอนนี้เดินหน้าแล้ว กับโครงการฟอกไตฟรี  วันนี้ พรรคภูมิใจไทย จึงเสนอนโยบายจัดตั้งศูนย์ฟอกไต ทุกอำเภอ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้โดยเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน และครอบครัวมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งผู้ป่วยและครอบครัว

“พรรคภูมิใจไทยหวังว่า เราจะมีบุญได้รับใช้ทุกท่าน ที่ผ่านมา ส.ส.ของพรรคเดินหน้าพัฒนาไปได้แล้วหลายจังหวัด ทั้งบุรีรัมย์ นครพนม อุทัยธานี ซึ่งถ้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับใช้ชาวหนองคาย เรามั่นใจว่าเราสร้างความเจริญให้ท่านได้แน่นอน เพราะจังหวัดนี้มีจุดยุทธศาสตร์อย่างแม่น้ำโขงที่จะเป็นแรงผลักดันด้านเศรษฐกิจ อย่าลืมว่า เราเป็นพรรคที่ไม่ขัดแย้ง จะสร้างความเจริญอย่างเดียว เราไม่เล่นการเมืองแบบนักการเมืองโบราณ เราดูรับใช้ทุกพื้นที่ ถึงไม่มี ส.ส. เราก็ทำงานให้แน่นอน มาครั้งนี้ เราเอานโยบายมาขาย ก็หวังว่า นโยบาย และผลงานที่ผ่านมาจะช่วยเราตอกเสาเข็มได้ส.ส.พื้นที่” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจังหวัดหนองคายเดิมมีส.ส. 3 คน เป็นของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

"อนุทิน" ขอไม่ทะเลาะ "จุรินทร์" ปมกัญชาเสรี เชื่อทำดีแล้วเพื่อประชาชน 


นายอนุทิน  กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนที่จะหนุนกัญชาทางการแพทย์โดยไม่สนับสนุนกัญชาเสรีพร้อมระบุว่าต้องเคารพความเห็นต่างทางการเมือง ว่า ไม่เป็นไร พรรคภูมิใจไทยทำเรื่องกัญชามาถึงจุดนี้ได้ นี่เป็นความสำเร็จ สร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนไม่ว่าจะมีกฎหมายหรือไม่มีกฎหมายกัญชาก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ 

ไม่เกิดผลกระทบกับประชาชน ซึ่งพรรคที่ไม่ได้สนับสนุนให้มีกฎหมายมาควบคุมการใช้กัญชาของประชาชน และต้องตอบประชาชนให้ได้ ซึ่งหลังจากมีการลงมติรับหลักการในวาระแรกไปแล้ว ก็ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากรับหลักการและมีการตั้งคณะกรรมการก็มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ขยายจาก 45 มาตรา เป็น 95 มาตรา ซึ่งก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นการเล่นเกมทางการเมืองพร้อมเชื่อว่าไม่ว่ากฎหมายจะผ่านหรือไม่ผ่านก็จะไม่กระทบกับประชาชนและกัญชาสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ เพราะฉะนั้นกฏหมายจะผ่านหรือไม่ผ่านพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และพรรคที่ค้านเรื่องนี้ก็ขอให้ไปตอบคำถามประชาชนด้วย


นายอนุทิน ระบุว่า หยุดเถียงแล้วครับ ขอทำงานดีกว่า เพราะมั่นใจว่ามาถูกทางทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนและมั่นใจว่าประชาชนให้การตอบรับในผลงานของพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างดี ซึ่งคนที่มีความ มันใจแล้วไม่จำเป็นต้องไปเถียงกับใคร แต่คนที่ไม่มีความมั่นใจก็ต้องหาเรื่องไปเรื่อยๆ เถียงไปตอบไปเดี๋ยวก็มีเรื่องอื่นขึ้นมาตัดแข้งตัดขา ประเทศชาติไม่ไปไหน ในเมื่อเห็นเขาขวางอยู่เราก็ต้องหลบ ไม่ต้องไปคุยเถียง หรือทะเลาะกับเขา ขอเดินหน้าทำงาน สมองคิดและเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า

เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ ถือว่าคุยกันไม่ได้แล้วใช่หรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า มันใกล้จบแล้ว เพราะเต็มที่ก็ถึงช่วงเดือนมีนาคม ก็คงต่างคนต่างทำงานในกระทรวงที่รับผิดชอบ พร้อมย้ำว่าพรรค ภูมิใจไทยไม่เถียงกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ไม่เถียงไม่ทะเลาะ เราก็ทำงานของเราไม่ว่าเขาจะด่าทอ ด้อยค่าอะไรมา ประชาชนเห็นเอง เขาคงจะต้องไปคุยกับเสาไฟฟ้าหรือไปพูดกับต้นไม้ เพราะภูมิใจไทยจะไม่ทะเลาะอะไรด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีไม่ลงมาเกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว นายอนุทิน ระบุว่า ก็ถือว่าเป็นสไตล์ของแต่ละคน และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการเมือง มองว่าดีแล้วที่นายกรัฐมนตรีไม่ลงมายุ่ง หากท่านมาสั่งอะไรแล้วทำไม่ได้แล้วจะทำให้ท่านโมโหเราเปล่าๆ พร้อมย้ำว่า เราไม่อยากทะเลาะกับใคร เราต้องการให้ทุกคนรักเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนที่มีการมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เปิดศึกกับพรรคภูมิใจไทยกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า มีแต่ศึกสายน้ำผึ้ง มีแต่ความหวาน เพราะเราไม่เถียงกับเขา อันไหนที่ทำได้เราก็ทำ อันไหนที่ทำไม่ได้เราก็ยืนหลับของเราไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งหรือ ห้ำหั่นกันอยู่แล้ว

นายอนุทิน ยังระบุว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านพรรคภูมิใจไทยโดนกระทำมาโดยตลอด เพราะพรรคภูมิใจไทยทำงานหนัก พรรคที่ไม่ค่อยทำงานก็จะมาระรานเรา ยืนยันว่าภูมิใจไทยไม่เคยและระรานใคร เพราะอนุทินไม่เคยสู้คน ส่วนความสัมพันธ์ของตนและนายจุรินทร์ นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านไม่เคยไหว้ผมทันเลยซักครั้ง เพราะ นายจุรินทร์เป็นนักการเมืองอาวุโสเป็นรองนายกรัฐมนตรี ถึงอย่างไรในเรื่องของมารยาทก็ต้องแสดงความเคารพกันเป็นเรื่องกันปกติ

เมื่อถามว่าในสมัยหน้าจะสามารถร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ขอให้พ้นการเลือกตั้งครั้งนี้ไปก่อน





จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...