อำเภอท่าบ่อ ร่วมกับ อบต.โพนสา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบปัจจัยการผลิตและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือเยี่ยวยาเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบพายุได้ฝุ่นโนรู

วันที่ 21 พ ย. 2565 ที่ ห้องประชุมมะเฟืองคำ องค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ พร้อมด้วย นายอภิสิทธิ์ วงศรีแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา  และผู้บริหาร ธ.ก.ส.สาขาท่าบ่อ , หัวหน้าส่วนราชการ , เจ้าหน้าที่เกษตรตำบล รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำการประชุมเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย และมอบปัจจัยการผลิตและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือเยี่ยวยาเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิผลพายุได้ฝุ่นโนรู ส่งผลกระทบให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ตำบลโพนสา ซึ่งมีเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 28 ราย

เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาและสร้างขวัญกำลังใจ ให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัย ทางเกอท่าบ่อ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา สำนักงานเกษตรอำท่าบ่อ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาท่าบ่อ ได้จัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร ได้แก่ มอบพันธุ์พริก มะเขือ และน้ำหมักชีวภาพ พด.2 , มอบถุงปันน้ำใจ และมอบผ้าห่ม "โครงการ ธ.ก.ส. คู่ใจ สู้ภัยหนาว"  พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกันมอบถังขยะเปียกลดโลกร้อน ตามนโยบายดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VEST) ของกรมการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

นายก อบต.โพนสา ติดอาวุธเพิ่มศักยภาพการเกษตรบนเกาะกลางน้ำโขง เตรียมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม

นายอภิสิทธิ์ วงศรีแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้องประชาชนชาวตำบลโพนสา โดยเฉพาะพื้นที่ดอนต่ำ-ดอนแตง ซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำโขงของประเทศไทย จะมีเกษตรกรชาวบ้านท่ามะเฟือง ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เข้าไปทำการเกษตรบนเกาะกลางน้ำโขงกว่า 100 ราย บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ พืชเกษตรที่ทำการปลูก เช่น พริก มะเขือ ข้าวโพด ถั่วฝักยาว และที่ปลูกมากที่สุดก็คือ พุทราพันธุ์เวียดนาม ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรในแต่ละปีได้เป็นอย่างดี

นายกอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในช่วงเก็บเกียวผลผลิตนี้ จะเห็นบรรยากาศวิถีชีวิตคนริมฝั่งแม่น้ำโขง ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสไหลเย็น ผลผลิตกำลังหลั่งไหลออกสู่ตลาด อย่างต่อเนื่อง "พุทรา" หรือภาษาถิ่นเรียกว่า "บักกะทัน" เป็นผลผลิตของชาวบ้านท่ามะเฟือง ที่ปลูกอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำโขงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และทาง อบต.โพนสา กำลังเดินหน้าส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและธรรมชาติแบบถาวร ซึ่งในพื้นที่ยังมีหาดท่ามะเฟือง ที่สร้างชื่อเสียงในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก  และกำลังจะจัดหาดท่ามะเฟือง เป็นหาดทรายแคมป์ปิ้ง พร้อมเพิ่มศักยภาพแก่เกษตรกรให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว และยกระดับการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานในเร็ววันนี้ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งบริการด้านการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการเรียนรู้ด้านการเกษตร วิถีชีวิตของชุมชนเกษตร และเลือกซื้อสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยโดยตรงจากเกษตรกร

จุดชมทะเลหมอกภูหนอง ที่เที่ยวหน้าหนาว ชมวิวสองฝั่งโขงสวยๆ เคล้าสายหมอก

นายบุญชิน แก้วทำมัง อดีตผู้ใหญ่บ้านโนนสว่าง หมู่ 6 ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย กล่าวว่า ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนมกราคม ของตำบลบ้านม่วง ยังมีสถานที่ชมวิวหรือจุดชมทะลหมอกภูหนอง บนเส้นทางเลาะโขง หมายเลข 211 สายหนองคาย-เมืองเลย

จุดท่องเที่ยวแห่งนี้ ทางขึ้นจะอยู่ที่วัดป่าบ้านโนนสว่าง จะมีรถอีแต๊กไว้บริการนักท่องเที่ยว ขึ้นไปสัมผัสลมหนาวของเมฆที่คลื่นตัวไปมา  บางวันนักท่องเที่ยวจะได้ชมทะเลหมอกเหนือลำแม่น้ำโขงไทย-ลาว หนาแน่น สวยงาม และยาวนาน บางวันก็จะได้สัมผัสลมเย็นที่พัดเอาเฆมมาสัมผัสตัวเรา พร้อมชมวิวทิวทัศน์ได้ 360 องศา บนสกายวอร์คไม้ที่ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้น

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังได้ชมวิวทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชมพันโขดแสนไค้ และเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง ทำให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่งชาวไทยและชาวต่างชาติ ขึ้นมาชมทะเลหมอก ส่วนทะเลหมอกจะมีให้เห็นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ สามารถขึ้นมาชมทะเลหมอกได้ในช่วงเวลา 07.00 –09.00 น ของทุกวัน และยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่เดินทางสะดวกพอสมควร เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาไม่มากแต่ก็อยากเที่ยวธรรมชาติสวยๆ ใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ อยากสัมผัสอากาศเย็นๆ ในช่วงหน้าหนาวก็ต้องไปที่นี่เลย  "จุดชมวิวทะเลหมอกภูหนอง"

สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย มอบปัจจัยการผลิตและสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ในพื้นที่ 5 อำเภอ สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านพืช ด้านประมง ด้านปศุสัตว์ จำนวน 200 ราย

วันที่ 18 พ.ย.2565 ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำโมง  อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีมอบปัจจัยการผลิตและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ซึ่งสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย จัดขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอท่าบ่อ อำเภอโพธิ์ตาก และอำเภอสังคม สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านพืช ด้านประมง ด้านปศุสัตว์ จำนวน 200 ราย  ประกอบด้วย มอบปัจจัยการผลิต "ถุงปันน้ำใจ" , มอบน้ำหมักชีวภาพ พด.2 , มอบผ้าห่ม โครงการ "ธ.ก.ส. คู่ใจ สู้ภัยหนาว" พร้อมปล่อยรถขบวนหญ้าอาหารสัตว์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย

นางดริญญา สุวรรณบุตร์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ รักษาราชการแทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ตามที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ "โนรู" ในห้วงเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายจากอุทกภัย  โดยให้เร่งบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า หากพื้นที่ที่น้ำเริ่มลดลงแล้ว ให้สำรวจความเสียหายและดำเนินการเยียวยาตามขั้นตอนให้เร็วที่สุด รวมถึงการสนับสนุนปัจจัยทางการเกษตรต่างๆ อาทิ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ สารบำรุงดิน เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร ช่วยให้เกษตรกรสามารถกลับมาทำการเกษตรได้โดยเร็ว

สำหรับจังหวัดหนองคาย ได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน(อุทกภัย) ในพื้นที่ 5 อำเภอดังกล่าว รวม 18 ตำบล 81 หมู่บ้าน โดยมีข้อมูลความเสียหายด้านการเกษตรในแต่ละต้าน ดังนี้ ด้านพืช เกษตรกรได้รับความเสียหาย 1,418 ครัวเรือน ซึ่งในพื้นที่อำเกอท่าบ่อ มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 7 ตำบล 18 หมู่บ้าน 546 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 38.5 ของจำนวนครัวเรือนผู้ประสบภัยพิบัติ , ด้านประมง เกษตรกรได้รับความเสียหาย จำนวน 148 ราย , ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับความเสียหาย จำนวน  268 ราย ทั้งนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจข้อมูล และให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรต่อไป