วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2565

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิกาญจนบารมี จัดหน่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ระหว่างวันที่ 8-9 ธ.ค.2565

วันที่ 8 ธ.ค. 2565 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ ประธานเปิดโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระชนมพรรษา 70 พรรษา  28 กรกฎาคม 2565  โดยมี นพ.ผดุงสิทธิ์ ละมัยเกศ ผู้แทนมูลนิธิกาญจนบารมี กล่าวรายงานประวัติการดำเนินโครงการฯ มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง เข้าร่วมพิธีเปิด





นายสถิต พูลเพิ่ม สาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ  กล่าวว่า ปัจจุบันมะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของสตรีไทย ในปี 2563 พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ 22,158 ราย และเสียชีวิต 8,266 ราย หรือทุก 1 ชั่วโมงจะพบว่าสตรีไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งเด้านม 1 คน สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมยังไม่แน่ชัด แต่มักสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนในร่างกาย อายุมากขึ้น  ประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม มีพฤติกรรมรับประทานผักผลไม้น้อย และขาดการออกกำลังกาย การป้องกันที่ดีที่สุดคือการค้นหา หรือวินิจฉัยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและรักษาได้เร็ว ซึ่งมีด้วยกัน 2 วิธี คือ การตรวจเต้านมด้วยตัวเอง หรือโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านม"แมมโมแกรม" ซึ่งสามารถคันพบก้อนตั้งแต่ขนาด 2 - 3 มิลลิเมตร ก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้เกือบทั้งหมด  แต่การเอกซเรย์เต้านมด้วยเครื่อง"แมมโมแกรม" ไม่อยู่ในสิทธิประโยซน์หลักประกันสุขภาพแห่งซาติ จึงต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่สามารถจะเข้าถึงบริการได้





ในโอกาสมหามงคลสมัย พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมพรรษาครบ 70 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 มูลนิธิกาญจนบารมี จึงได้จัดทำโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) กลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 70 พรรษา และรณรงค์ให้สตรีที่อยู่ห่างไกลและด้อยโอกาส ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการป่วยจากมะเร็งเต้านม ให้ได้รับการตรวจคันหามะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรกด้วยการตรวจเอกซเรย์เต้านม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยได้ออกให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 จนถึงปัจจุบัน ได้ออกให้บริการทั้งหมด 1,500 ครั้ง และสามารถค้นหาผู้ที่เป็นมะเร็งในระยะเริ่มแรก จำนวน 968 ราย





ในวันนี้ มูลนิธิกาญจนบารมึ จึงได้นำขบวนรถเคลื่อนที่มาจำนวน 1 ขบวน ประกอบด้วย รถให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม, รถตรวจเต้านม และรถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ ซึ่งมีกิจกรรมให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งเต้านม และวิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง , ผู้มีปัจจัยเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้รับการตรวจเต้านมโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข , ผู้ที่มีความผิดปกติ พบก้อนที่เต้านม ได้รับการตรวจเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) โดยผู้เข้าร่วมการดัดกรองในวันนี้ ประกอบด้วย สตรีที่มีปัจจัยเสี่ยง, ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน, ญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม , ผู้ที่คลำพบก้อนบริเวณเต้านม จำนวน 220 คน และจัดรถตรวจมะเร็งเคลื่อนที่แก่สตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ เป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 8 - 9 ธันวาคม 2565 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย














วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"ปุ๋ยแพง" กระทบเกษตรกรปลูกมะเขือเทศริมแม่น้ำโขงหนองคาย เกษตรกรโอดจำเป็นต้องซื้อแม้ราคาพุ่งเท่าตัว ซ้ำมะเขือเทศราคาตก รายได้หายไปเกินครึ่ง

วันที่ 7 ธ.ค. 2565  ที่ แปลงปลูกมะเขือเทศริมแม่น้ำโขง บ้านสะพานทอง หมู่ 5 ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ของนางประนอม เสาะแสวง อายุ 59 ปี กำลังเก็บผลผลิตมะเขือเทศสุกแดงส่งขายโรงงาน และเก็บมะเขือเทศ 3 สี ขายให้กับพ่อค้าที่รับซื้อถึงสวน



นางประนอม เจ้าของแปลงมะเขือเทศริมแม่น้ำโขง กล่าวว่า ตนมีพื้นที่ปลูกมะเขือเทศริมแม่น้ำโขงทั้งหมด 5 ไร่ ในการปลูกมะเขือเทศนั้นจะมีต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นค่าเมล็ด ค่าดูแลรักษา ค่าปุ๋ย ประมาณไร่ละ 2.5 หมื่นบาทต่อไร่ และต่อรอบการปลูก ใช้เวลาปลูกประมาณ 3 เดือน ก็จะเริ่มเก็บผลผลิต และจะเก็บต่อไปได้อีกประมาณ 2 เดือน ผลผลิตที่ได้จะขายส่งโรงงานและพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อ จะได้เงินจากการขายมะเขือเทศประมาณกว่า 100,000 บาทต่อรอบการปลูกหรือต่อปีการผลิต




นางประนอม กล่าวอีกว่า ปีนี้ตนลงมือปลูกมะเขือเทศเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ป่านมา แต่ประสบปัญหาน้ำท่วมจากพายุโนรู ทำให้ต้องลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกใหม่รอบสอง รวมทั้งการดูแลรักษา โดยเฉพาะค่าปุ๋ยก็มาปรับราคาสูงขึ้นเท่าตัว จากกระสอบละ 900-1,000 บาท ปรับขึ้นเป็นกระสอบละ 1,700 - 1,800 บาท แต่จำเป็นต้องใส่เพราะต้องเร่งผลผลิตให้ทันขายในรอบปีนี้ ซึ่งมะเขือเทศผลสุกแดง จะส่งขายโรงงานทำซอสมะเขือเทศในพื้นที่ ในราคา 3.50 - 4 บาท ซึ่งเป็นราคาที่โรงงานเขารองรับไว้อยู่แล้ว เพราะเป็นเกษตรแปลงใหญ่



แต่สวนทางกับราคาขายมะเขือเทศ 3 สี ปีนี้ราคาตก พ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อให้ราคาอยู่ที่ 6-7 บาทต่อกิโลกรัม เทียบกับปีที่ผ่านมา จะได้ราคาอยู่ที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำสุดไม่เกิน 20-15 บาทต่อกิโลกรัม ตนนั้นลงทุนปลูกมะเขือเทศริมแม่น้ำโขงรอบนี้รวมแล้วกว่า 40,000 บาท ขายมะเขือเทศได้เงินมากว่า 60,000 บาท ถือว่าเป็นรายได้ที่ขาดทุนยับ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มารายได้หายไปกว่าครึ่ง







วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ชาวบ้านจิตอาสา ร่วมใจสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้อำเภอศรีเชียงใหม่ ร่วมเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

วันที่ 6 ธ.ค.2565 ที่ บ้านเลขที่ 248/1 บ้านศรีเชียงใหม่ หมู่ 3 ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ได้มีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสาบ้านศรีเชียงใหม่ ร่วมกันดำเนินการก่อสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ ตามโครงการ"ก่อสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้อำเภอศรีเชียงใหม่ ร่วมเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ให้กับนางบุญเต็ม ภูเงิน อายุ 63 ปี 




ทั้งนี้ ในการก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ ร่วมกับอำเภอศรีเชียงใหม่ และห้างร้านต่างๆ ในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่มีฐานะยากจน และด้อยโอกาสในพื้นที่ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้ครอบครัวที่ได้รับการช่วยเหลือดังกล่าว ได้มีที่พักอาศัยที่ดี สร้างรอยยิ้ม คืนความสุขให้ประชาชน โดยขณะนี้ได้ดำเนินการสร้างผ่านไปแล้ว 40 % สำหรับโครงการฯดังกล่าว ทางอำเภอศรีเชียงใหม่ ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้รวมทั้งสิ้น 3 หลังคาเรือน ประกอบด้วย พื้นที่บ้านหัวทราย หมู่ 11 , บ้านศรีเชียงใหม่ หมู่ 3 ต.พานพร้าว และบ้านห้วยไฮ หมู่ 10 ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย








วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"วันหยุดยาวนักขัตฤกษ์" นทท. แห่เที่ยวภูหนองคึกคัก สัมผัสอากาศเย็นสบาย และชมความสวยงามทะเลหมอกยามเช้า

เช้าวันที่ 5 ธ.ค.2565 บรรยากาศที่จุดชมวิวภูหนอง ต.บ้านหม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย ซึ่งในช่วงฤดูหนาวนี้ ยังคงความสวยงามของทะเลหมอกยามเช้า โดยเฉพาะช่วงพระทิตย์ขึ้น จะเห็นทัศนีภาพวิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวที่อยู่เบื้องล่าง ซึ่งวันหยุดยาวเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวพากันเดินทางขึ้นไปเพื่อสัมผัสอากาศหนาวและชมความสวยงามของทะเลหมอกกันจำนวนมาก


ทั้งนี้"จุดชมวิวภูหนอง" เป็นยอดภูตั้งอยู่ระหว่างบ้านหนอง หมู่ 3 บ้านห้วยค้อ หมู่ 4 และบ้านโนนสว่าง หมู่ 6 ต.บ้านม่วง อ.สังคม เป็นอีกจุดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวขึ้นชม"ทะเลหมอก" และพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของ อ.สังคม จ.หนองคาย เป็นพื้นที่ป่าชุมชนของชาวบ้าน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 500 เมตร ทำให้อากาศข้างบนเย็นสบายตลอดทั้งปี สามารถชมทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศา และช่วงนี้มีทะเลมอกลอยอยู่เหนือสองฝั่งแม่น้ำโขง และลอยยาวนานที่สุด 


โดยทะเลหมอกยามเช้า สายหมอกจะไหวพลิ้วตามลมจนได้ชื่อ"หมอกมีชีวิต" พร้อมกับชมพระอาทิตย์ขึ้นผ่านสายหมอก ในส่วนตอนเย็นสามารถดูพระอาทิตย์ตกดินบนภูเดียวกัน เมื่อท้องฟ้าโปร่งบนภูหนองจะเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 2 ฝั่งไทย-ลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแนวพรมแดนกั้นระหว่างประเทศ 


การเดินทางโดยชาวบ้านได้รวมกลุ่มคอยบริการนักท่องเที่ยว มีรถอีแต๊กพาไต่ขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ชาวบ้านได้ไปช่วยกันสร้างขึ้น โดยผ่านผืนป่าธรรมชาติกว่า 300 ไร่ ที่เป็นป่าชุมชนต้นแบบ วิถีคน วิถีป่า เป็นป่าชุมชนที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายของพรรณไม้นานาชนิด ที่เหมาะเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ โดยจะใช้เวลาเดินทางไปถึงจุดชมวิวประมาณ 10 นาที ระยะทางประมาณ 3 กม. ราคาบริการ 60 บาทต่อคน ขึ้นได้ไม่เกินคันละ 5-6 คน







จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...