ออกพรรษาหนองคาย นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดร่วมลอยกระทงกาบกล้วย สักการะพระพุทธเจ้าพร้อมกับเหล่านาคา ในงานเทศกาลออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2561

         เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ต.ค. 2561 ที่บริเวณลานวัฒนธรรมหน้าวัดลำดวน เขตเทศบาลเมืองหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมนายปิยะ ปิจนำ นายอำเภอโพนพิสัย นายโชคชัย วัฒนกุล นายอำเภอรัตนวาปี นายกำภล  เมืองโคตร นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองคาย พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย และนายเสกสรร ศรีไพวรรณ ผู้อำนวยการสำนักการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน "เทศกาลออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2561" ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยว เดินทางมาเยี่ยมเยือนจังหวัดหนองคายมากขึ้น ภายใต้โครงการหนองคายเมืองแห่งการท่องเที่ยว (The City of Tourism)

        โดยในปีนี้จังหวัดหนองคายได้จัดงานออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก 2561 ใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองหนองคาย ตั้งแต่วันที่ 21-27 ตุลาคม 2561 ณ ลานวัฒนธรรหน้าวัดลำดวน  อำเภอโพนพิสัย ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2561 ณ ลานนาคาเบิกฟ้า และอำเภอรัตนวาปี ตั้งแต่วันที่   22-25 ตุลาคม 2561 ณ สนามหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลโพนแพง ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ความเชื่อ ความศรัทธา สู่ความมหัศจรรย์ บั้งไฟพญานาค" มาร่วมถวายสักการะแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปพร้อมกับเหล่านาคา  พญานาคสักการะด้วย "บั้งไฟพญานาค" พุทธศาสนิกชนสักการะด้วย "ลอยกระทงกาบกล้วย" ในคืนวันออกพรรษา

       ทั้งนี้ ลอยกระทงกาบกล้วย เป็นประเพณีดั้งเดิมที่หายไปนานแล้ว สำหรับลอยกระทงเดือน 11 ในคืนออกพรรษาเพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จังหวัดหนองคายเห็นความสำคัญในประเพณีวันออกพรรษานี้ จึงได้ฟื้นฟูและส่งเสริมวัฒนธรรมเก่าอันดีงามนี้ขึ้นมาใหม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเด็ดขาด ในการร่วมลอยกระทงกาบกล้วยในคืนวันออกพรรษาและชมบั้งไฟพญานาค ที่จะถึงนี้

จังหวัดหนองคาย แถลงข่าวขานรับนโยบายรัฐบาล ขับเคลื่อนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ใช้นวัตกรรมผสมผสานกับวิถีชีวิตสร้างเสน่ห์ชุมชนที่หลากหลายปั้น 40 ชุมชนน่าเที่ยว OTOP นวัตวิถีริมฝั่งโขงหนองคาย สร้างเศรษฐกิจฐานรากลดความเหลื่อมล้ำในสังคมของคนหนองคาย

       วันนี้ (18 ต.ค. 2561)  ที่โรงแรมรอยัล นาราคา หนองคาย  อำเภอเมืองหนองคาย นายสุชน  ภัยธิราชรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ,ดร.วทัญญู แสนใจวุฒิ พัฒนาการจังหวัดหนองคาย,นางลัดดาวัลย์ ใจหาญ ชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก และนางดวงไพศรี นิลเกตุ ประธานโฮมสเตย์บ้านสีกาย ได้ร่วมกันแถลงข่าวมหกรรมชุมชนท่องเที่ยว OTOP  นวัตวิถี หนองคาย

        นายสุชน  ภัยธิราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ว่ากระทรวงมหาดไทยได้มอบให้กรมการพัฒนาชุมชนจัดทำโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP  นวัตวิถี ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ที่จะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมเกิดชุมชนเข้มแข็งยั่งยืนในการนำนวัตกรรมมาผสมผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนในการผลิตสินค้าท้องถิ่นหรือผลิตภัณฑ์โอท๊อป ภายใต้แนวคิดร่วมสุขร่วมวิถีร่วมสมัยพร้อมกับผนวกการท่องเที่ยวของชุมชนโดยใช้เสน่ห์และอัตลักษณ์ของชุมชนที่แตกต่างดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในชุมชนเกิดการใช้จ่ายในชุมชน ทำให้มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงเป็นธรรมตามความต้องการของชุมชน  โดยให้ชุมชนร่วมกันสร้างสรรค์ชุมชนท่องเที่ยวระดับหมู่บ้านหรือ “แอ่งเล็ก” ที่มีอัตลักษณ์และช่วยกันยกระดับสินค้าโดยนำนวัตกรรมมาผสมผสานกับวิถีของชุมชนซึ่งจะทำให้ชุมชนมีรายได้และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง

        ดร.วทัญญู แสนใจวุฒิ พัฒนาการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จังหวัดหนองคายได้รับจัดสรรงบประมาณตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP  นวัตวิถี จำนวน 40 หมู่บ้าน กระจายใน 9 อำเภอ จำนวน 124,864,000 บาท  โดยได้บูรณาการทุกภาคส่วนในรูปแบบของประชารัฐร่วมกันดำเนินการพัฒนาศักยภาพสถานที่ เช่น การปรับภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวการพัฒนาบุคลากรในชุมชน เพื่อให้มีความพร้อมในการต้อนรับและการเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจการพัฒนาอาหารพื้นถิ่น ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีความสะอาดปลอดภัยการพัฒนาสินค้า OTOP  ของฝากของที่ระลึกการประชาสัมพันธ์ในทุกรูปแบบโดยกิจกรรมทั้งหมดได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วชุมชนมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวและแขกผู้มาเยือน  เพื่อไปสัมผัสวิถีชีวิตแหล่งท่องเที่ยวชิมอาหารพื้นถิ่นในแต่ละชุมชนที่แตกต่างกันหรือซื้อผลิตภัณฑ์ของฝากที่เป็นชุมชนทั้ง 40 ชุมชน รัฐบาลและจังหวัดหนองคาย  คาดหวังว่า โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP  นวัตวิถี จะสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม มีการกระจายรายได้และหมุนเวียนในชุมชนเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากคนที่เคยอยู่ในชุมชนเมืองกลับสู่ชนบท  ทำให้ครอบครัวอบอุ่นลูกหลานกลับบ้านเพื่อประกอบอาชีพและมีรายได้อยู่ในชุมชนอย่างมีความสุขซึ่งนำไปสู่ชุมชนที่เข้มแข็งมั่นคงมั่งคั่ง ยังยืน
       
       ด้านนางลัดดาวัลย์ ใจหาญ ชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก และนางดวงไพศรี นิลเกตุ ประธานโฮมสเตย์บ้านสีกาย ตัวแทนชุมชนท่องเที่ยว  OTOP  นวัตวิถี กล่าวว่า ได้มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในวิถีชีวิตแบบพื้นถิ่นที่มีเสน่ห์และอัตลักษณ์ของชุมชนในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้เกิดความประทับใจ มีของฝากของที่ระลึกที่ทำให้ผู้ซื้อประทับใจ ผู้ขายมีรายได้สู่ชุมชน

(จารุวรรณ สมคะเณย์ ส.ปชส.หนองคาย ภาพ/ข่าว)

พัฒนาการอำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย ประชุมแกนนำ ผู้นำชุมชน เพื่อออกแบบตราสัญลักษณ์และสโลแกนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี อำเภอท่าบ่อ

         วันนี้ (18 ต.ค. 2561) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร นายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การออกแบบตราสัญลักษณ์และสโลแกนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี อำเภอท่าบ่อ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกันกำหนดตราสัญลักษณ์และสโลแกนชุมชนให้มีอัตลักษณ์หนึ่งเดียว ที่สะท้อนแนวคิดทิศทางการบริหารจัดการของชุมชน โดยแสดงผ่านสินค้าหรือบริการ รวมทั้งป้ายสื่อความหมายและสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยมี นายพิเชฐ สุวรรณประภา พัฒนาการอำเภอท่าบ่อ  นำเจ้าหน้าที่พัฒนากร  แกนนำหมู่บ้านและผู้นำชุมชน 5 หมู่บ้าน จำนวน 100 คน เข้าร่วมประชุม

      ทั้งนี้ จังหวัดหนองคาย ได้รับจัดสรรงบประมาณจากกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อการดำเนินงานตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รวม 40 หมู่บ้าน ซึ่งมีหมู่บ้าน/ชุมชนในอำเภอท่าบ่อเข้าร่วมโครงการ จำนวน 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหงส์ทอง หมู่ 5 บ้านกองนาง หมู่ 11 ต.กองนาง, บ้านป่างิ้ว หมู่ 1 ต.ท่าบ่อ, บ้านศิลาเลข หมู่ 6 ต.โพนสา และบ้านโคกคอน หมู่ 4 ต.โคกคอน

        สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย จึงได้ว่าจ้างให้บริษัท เอ็มบีเอ บอร์ดคลาส คอร์ปอเรชั่น มาดำเนินการฝึกอบรมให้แก่ผู้นำหมู่บ้าน/ชุมชนทั้ง 5 หมู่บ้าน เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำเสนอข้อมูลเพื่อนำไปออกแบบตราสัญลักษณ์และสโลแกนของหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี มุ่งเน้นในการสร้างอัตลักษณ์หรือสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อสร้างตราสัญลักษณ์และสโลแกนชุมชน ดึงเสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ มาแปลงเป็นรายได้ เกิดการกระจายรายได้ สร้างชุมชนให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง และก่อเกิดการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนและส่งเสริมให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวของอำเภอและจังหวัด ในอนาคตต่อไป