วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ผู้ว่าฯหนองคาย พาผู้บริหารและสื่อมวลชนไปยามการบริหารจัดการน้ำ ของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง ภายใต้กิจกรรม "ลำห้วยโมง สายน้ำแห่งความหวัง"

วันที่ 19 พ.ค.2565 ที่ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง กรมชลประทาน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดโครงการ "ผู้ว่าพาไปยาม" ครั้งที่ 7 ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นการดำเนินงานโครงการภายใต้กิจกรรม "ลำน้ำโมง สายน้ำแห่งความหวัง" ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกษตรและสหกรณ์ โดยคณะทำงานประชาสัมพันธ์การเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย ได้จัดงานโครงการฯขึ้น เพื่อนำพาผู้บริหารและคณะสื่อมวลชน ไปเยี่ยมชมโครงการ/กิจกรรมเด่น เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานผ่านทางสื่อโทรทัศน์และสื่อต่างๆ ส่งผลให้กิจกรรมด้านการเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยมีนายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ กล่าวต้อนรับ, นายอำไพ ประเสริฐสังข์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ , นายสุนธร คำศรีเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง กล่าวรายงานสรุปผลการบริหารจัดการน้ำ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง และนายสุบิน สาบุญมา ประธานกลุ่มใช้น้ำสถานีสูบน้ำที่ 6 ผู้แทนเกษตรกรในพื้นที่ กล่าวรายงานถึงประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการฯ โดยมีหัวหน้าราชการ, ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น,  เจ้าหน้าที่/พนักงาน , เกษตรกรผู้ใช้น้ำ และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ




สำหรับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง เป็นโครงการอเนกประสงค์ เพื่อบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่โครงการชลประทานเป็นหลัก  มีอายุใช้งานมานานแล้ว 35 ปี ลักษณะโครงการเป็นการก่อสร้างอาคารควบคุมบังคับน้ำ (Regulator) 6.00 x 5.50 เมตร จำนวน 4 ช่องบานปิดกั้นลำห้วยโมง ก่อนบรรจบกับแม่โขงประมาณ 300 เมตร  โดยมีสถานีสูบน้ำที่อาคารหลัก มีหน้าที่สูบระบายเพื่อบรรเทาอุทกภัย กรณีระดับน้ำในแม่น้ำโขงหนุนสูง และสูบน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามาเติมเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ ในกรณีปีที่มีน้ำน้อย และสถานีสูบน้ำย่อย อีกจำนวน 11 สถานี กระจายอยู่ตามลำห้วยโมง มีหน้าที่สูบน้ำในช่วงฤดูแล้งในเดือนกุมภาพันธ์ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 56,000 ไร่ ตามคำร้องขอของเกษตรกร โดยเกษตรกรจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าสบทบตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2529 ในอัตรา 60 สตางค์ต่อหน่วยไฟฟ้า หรือคิดเป็นประมาณ 15 เปอร์เซ็นต่อหน่วยไฟฟ้า  ส่วนที่เหลืออีก 85 เปอร์เซ็น ส่วนราชการเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย โดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด รวม 3 อำเภอ 8 ตำบล 43 หมู่บ้าน เกษตรกร 5,441 ราย บริหารจัดการน้ำแบบเกษตรกรมีส่วนร่วม  พืชเศรษฐกิจในพื้นที่โครงการส่วนใหญ่ ได้แก่ ข้าว ยาสูบ พริก และพืชผักต่างๆ  อีกทั้งยังมีการประมงและการปศุสัตว์อีกด้วย







ภายหลังจากมีโครงการนี้ เกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้ปีละ 2 ครั้ง  หรือบางปีได้ถึง 3 ครั้ง หรือ 2 ปีได้ 5 ครั้ง ทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตั้งแต่มีโครงการนี้เป็นต้นมา ซึ่งจากสถิติข้อมูลผลสัมฤทธิ์โครงการ 10 ปี ย้อนหลัง พบว่าในพื้นที่โครงการมีรายได้ทั้งโครงการ เมื่อหักต้นทุนการผลิตแล้วมีรายได้สุทธิ เฉลี่ยปีละประมาณ 328 ล้านบาท ซึ่งสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่โครงการเป็นอย่างมาก





















คนท่าบ่อดวงเฮง ขึ้นโรงพักขอลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐาน ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ใบ รับเงิน 6 ล้านบาท เจ้าของลอตเตอรี่ขอไม่ประสงค์ออกนาม

วันที่ 18 พ.ค.2565 หลังจากที่ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 รางวัลที่ 1 คือหมายเลข 155012 ปรากฎว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Somkid  kongloon  โพสต์ข้อความว่า รู้สึกเยี่ยมที่สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย #รางวัลที่1 #ไม่เคยถูกแต่ได้สำผัสก็ยังดี #ขอแสดงความยินดีกับคนท่าบ่อด้วยนะครับ มาลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้วและไม่ประสงค์ออกนาม #งวดหน้าขอผมบ้างนะ





วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ดุเดือด! เวทีรับฟังและแสดงความคิดเห็นของประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการดำเนินกิจการประปาในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อในอนาคต จะทำต่อหรือโอนถ่ายให้การประปาส่วนภูมิภาค

วันที่ 18 พ.ค. 2565 ที่ อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าบ่อ (ท.1) อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายกิตติศักดิ์ วรรณวิเชษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ เป็นประธานจัดกิจกรรม "การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อการดำเนินกิจการประปาเทศบาลเมืองท่าบ่อ" แก่ประชาชนในเขตเทศบาลฯ ทั้ง 19 ชุมชน โดยมีนายประดับ สังฆะมณี ปลัดเทศบาลเมืองท่าบ่อ , คณะผู้บริหารเทศบาลฯ, เจ้าหน้าที่กองการประปาเทศบาลฯ, ตัวแทนการประปาส่วนภูมิภาค ,สมาชิกสภาเทศบาลฯ ร่วมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้





ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินกิจการประปาในเขตเทศบาล ให้แก่ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในเขตเทศบาล ได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนและมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินกิจการประปา เพื่อให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชน และเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ ต่อการดำเนินกิจการประปาในเขตเทศบาล ตลอดทั้งผลกระทบความเดือดร้อนหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ 






โดยกำหนดให้มีวิธีการรับฟังความคิคเห็นของประชาซนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินกิจการ การประปาเทศบาลเมืองท่าบ่อในอนาคต จะให้เทศบาลเมืองท่าบ่อเป็นผู้ดูแลต่อไปหรือไม่ หรือต้องการให้โอนกิจการประปาให้การประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้ให้บริการน้ำประปา  หากให้เทศบาลเมืองท่าบ่อเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาต่อไป เทศบาลฯมีความจำเป็นจะต้องกู้เงิน เพื่อพัฒณาคุณภาพการให้บริการน้ำประปาของเทศบาสเมืองท่าบ่อ รวมทั้งท่าให้เทศบาลฯทำต่อ ก็มีความจำเป็นจะต้องขึ้นค่าน้ำประปา เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการน้ำประปาของเทศบาลเมืองท่าบ่อ





ซึ่งการรับฟังและแสดงความคิดเห็นของประชาชนเป็นไปอย่างดุเดือด ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการโอนถ่ายกิจการให้การประปาส่วนภูมิภาค เนื่องจากต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น จากที่เคยจ่ายหน่วยละ 6 บาท ก็จะต้องจ่ายหน่วยละ 12 บาท ไหนต้องเสียค่าบำรุงมิเตอร์น้ำประปาอีก โดยเห็นด้วยในการกู้เงินเพื่อพัฒณาคุณภาพการให้บริการน้ำประปา รวมทั้งยังอยากให้เทศบาลฯ ขยายเขตให้บริการน้ำประปา แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำส่งไม่ถึงบางพื้นที่ เนื่องจากบางพื้นที่เป็นที่สูง และอยู่ห่างไกลทำให้กำลังส่งน้ำไปไม่ถึง เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำอยู่บ่อยครั้ง  อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาน้ำไม่ไหล น้ำขุ่น คุณภาพน้ำประปาไม่ได้มาตรฐาน ส่วนในเรื่องขึ้นค่าน้ำประปาชาวบ้านก็ยินยอม เนื่องจากจัดเก็บค่าน้ำประปามานานกว่า 50 ปีมาแล้ว ซึ่งประปาเทศบาลฯมีรายได้ ก็จะมีงบประมาณมาปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ท่าโอนถ่ายกิจการให้การประปาส่วนภูมิภาค ประชาชนผู้ใช้น้ำกว่า 5,000 ครัวเรือนไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด เพราะประปาเทศบาลเมืองท่าบ่อ เป็นของประชาชนในเขตเทศบาลฯ








จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...