เกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย เปิดไร่กัญญภรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ชานเมืองหนองคาย ชูอัตลักษณ์เด่น นั่งจิบกาแฟแวดล้อมด้วยธรรมชาติ ขับขี่รถ ATV เที่ยวชมสวน ชมไร่ทุ่งกังหัน

วันที่ 1 เม.ย. 64 ที่ไร่กัญญภรณ์ บ้านโคกแมงเงา ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายอำไพ ประเสริฐสังข์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าของไร่ฯ นายเดชา นันทะมีชัย และครอบครัวนันทะมีชัย ร่วมเปิดไร่กัญญภรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ ที่อยู่ชานเมืองหนองคาย ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 โดยแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร"ไร่กัญญภรณ์" ได้ชูอัตลักษณ์เด่น ก็คือ นั่งจิบกาแฟแวดล้อมด้วยธรรมชาติ ขับขี่รถ ATV เที่ยวชมสวน ชมไร่ทุ่งกังหัน

นายเดชา นันทะมีชัย ผู้จัดการไร่กัญญภรณ์ กล่าวว่า ไร่กัญญภรณ์ เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการเกษตรให้ครอบครัวมีความสุข มีอาชีพ และมีรายได้ที่มั่นคง ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของแม่ผมที่เป็นคนจังหวัดหนองคายโดยกำเนิด แต่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังสาวๆ โดยทำอาชีพรับจ้างทั่วไปและก็มีครอบครัวอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยแม่จะพาครอบครัวขึ้นมาเยี่ยมบ้านเกิดบ่อยครั้ง ช่วงที่แม่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็เก็บเงินสะสมซื้อที่ดินที่ติดที่ดินของแม่ไปเลื่อยๆ จนมีที่ดินทั้งหมด 17 ไร่เศษ พอแม่เริ่มมีอายุมากขึ้นจึงคิดอยากกลับมาอยู่บ้านเกิด ส่วนลูกๆ ก็เป็นห่วงสุขภาพของแม่ จึงตัดสินใจกลับมาอยู่ที่หนองคาย หลังจากที่แม่มาอยู่ไม่นาน ก็มองเห็นว่าที่ดินที่ตนมีอยู่ ท่าปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร  ก็เริ่มศึกษาทางด้านเกษตรอย่างจริงจัง ทั้งข่าวสารและสื่อออนไลน์

เมื่อได้ศึกษาหลายๆทางแล้ว คุณแม่จึงตัดสินใจน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาปรับใช้ในพื้นที่ โดยแบ่งที่ดินเป็น 4 ส่วน ซึ่งส่วนที่ 1 จะเป็นร้านกาแฟ, ร้านค้าและร้านอาหาร ส่วนที่ 2 เป็นสวนเกษตรธรรมชาติ  ลักษณะสวนเกษตรผสมผสานปลอดสารพิษ ส่วนที่ 3 ก็จะเป็นบ่อเลี้ยงปลา แยกออกเป็นทั้งหมด 4 บ่อ ประกอบด้วย บ่อเลี้ยงปลานิล 1 ไร่, บ่อเลี้ยงปลาคาร์พ 1 ไร่, บ่อเลี้ยงปลากะพงขาว 2 ไร่ ซึ่งถือเป็นบ่อเลี้ยงปลากะพงขาวแห่งแรกของจังหวัดหนองคาย และยังเป็นแห่งที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนบ่อสุดท้ายจะเป็นบ่อน้ำต้นทุน เพื่อเก็บน้ำไว้ทำการเกษตรและประมง และในส่วนที่ 4 ก็จะเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว

ความต้องการแรกของแม่ก็คือ ต้องการปลูกผักผลไม้ไว้เพื่อรับประทานและจำหน่าย การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ตลาดมีความต้องการสูง แต่คู่แข่งทางการตลาดยังมีน้อย เช่น การเลี้ยงปลากะพงน้ำจืด ที่ขึ้นชื่อว่าเลี้ยงยากมาก เกษตรกรที่เลี้ยงต้องมีความรู้ทักษะและเข้าใจรรรมชาติของปลาเป็นพิเศษ อีกทั้งระยะหลังมานี้คนไทยจำนวนไม่น้อยหันมาสนใจผลิตภัณฑ์ออแกนิค จึงเห็นโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่ชอบนั้นคือ การทำเภษตรผสมผสานแนวใหม่ อีกทั้งยังได้ให้โอกาสบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาเที่ยวชมและศึกษา

แต่เนื่องด้วยคุณแม่เองเป็นคนในพื้นที่ ซึ่งคนในหมู่บ้าน/ชุมชน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลต่อกันตามวิถีท้องถิ่น คุณแม่จึงเปิดโอกาสให้ชาวบ้านในชุมชนมีพื้นที่ในการนำพืชผลทางการเกษตรเข้าจำหน่ายในไร้ได้อีกด้วย เพื่อจะมีรายได้เลี้ยงครอบครัว เป็นการกระจายรายได้สู่ชาวบ้านในชุมชน  คุณแม่จึงได้ปรับพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตามอัตลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งในไร่ก็จะมีสถานที่นั่งจิบกาแฟแวดล้อมด้วยธรรมชาติ, ขับขี่รถ ATV เที่ยวชมสวน ชมไร่ทุ่งกังหัน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับให้นักเรียน นักศึกษาอบรมเกี่ยวกับการดูแลต้นไม้และทำปุ๋ยหมัก ก็ขอเชิญชาวหนองคายและนักท่องเที่ยวได้มาสำผัสธรรมชาติที่อยู่ใกล้เมืองนิดเดียว โดยไร่กัญญภรณ์ เปิดเวลา 08.30 น. - 18.00 น. หรือโทรฯสอบถามได้ที่เบอร์ 096-3275529,  098-4542036 หรือเฟสบุ๊ค "ไร่กัญญภรณ์"

เรียนโรงเรียนอนุบาลปัญญารัตน์ นำนักเรียนทัศนศึกษาศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบระดับอำเภอ ศูนย์เรียนรู้บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

 

วันที่ 31 มี.ค. 64 ที่ ศูนย์เรียนรู้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบระดับอำเภอ ศูนย์เรียนรู้บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นางจรรยา ศรีเจริญชัย ผอ.โรงเรียนอนุบาลปัญญารัตน์ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พร้อมคณะครู นำเด็กนักเรียนอนุบาล จำนวน 105 คน เข้าค่าย "มือน้อยสร้างสรรค์งานศิลป์" โดยมี นายทักษิณ สุวรรณศรี ปลัดอาวุโสอำเภอท่าบ่อ, นายศราวุฒิ  จำหงษ์ปลัดอำเภอ, ครูแดงบ้านศิลป์ไทย และครูเบิ้มเติมศิลป์ ร่วมต้อนรับพร้อมพาเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ และให้ความรู้ด้านศิลปะกับนักเรียน

นางจรรยา ศรีเจริญชัย ผอ.โรงเรียนอนุบาลปัญญารัตน์ กล่าวว่า การเรียนรู้ศิลปะเป็นกิจกรรมการเรียนที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาผู้เรียนในหลายด้าน ช่วยให้ผู้เรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จินตนาการ มีสุนทรียภาพพัฒนาผู้เรียนด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนำไปสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ จึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยเชื่อมโยงการทำงานของสมองและพัฒนาจินตนาการซึ่งสัพันธ์กับประสบการณ์ของเด็ก เด็กจะแสดงออกมาเป็นภาพ รูปร่างและรูปทรงจึงเป็นโอกาสที่เด็กจะได้ฝึกสมองจากกิจกรรมสร้างสรรค์ที่มีหลากหลายแบบ เป็นการให้เด็กกระทำและสังเกตซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์ตรงให้เด็กจะเกิดความสามารถในการพัฒนาความคิดรวบยอดและสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆได้ต่อไป

กิจกรรมสร้างสรรค์ยังสามารถพัฒนาจิตเด็กได้อย่างมีคุณภาพคือให้เป็นผู้มีความอดทนเพราะต้องสร้างสรรค์ผลงานของตนจนสำเร็จจะสร้างความภูมิใจต่อตนเองหรือสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองได้ เนื่องจากการเปิดโอกาสให้เด็กพึ่งตนเองในการทำสิ่งต่างๆตามความสามารถเป็นการกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงความมีคุณค่าในตนเอง เด็กจะเป็นผู้มีความมั่นใจและกล้าที่จะผจญปัญหาในขณะเดียวกันเด็กจะได้รับการพัฒนาทางสังคมเพราะเด็กจะมีโอกาสทำงานร่วมกับเพื่อนเด็กจึงเรียนรู้การแก้ปัญหาการทำงาน รู้จักปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงตนเองซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันด้วยดีในสังคมเมื่อเด็กสร้างสรรค์ผลงานสิ้นสุดแล้ว การชักชวนให้เด็กชื่นชมผลงานของตนเองเป็นการปลูกจิตสำนึกเด็กให้เห็นคุณค่าของศิลปะที่ตนสร้างสรรค์ขึ้นและฝึกฝนการแสดงความชื่นชมในความสวยงามสร้างความเพลิดเพลินและความสุขจากสิ่งใกล้ตัวเด็กเอง

ทางด้าน ครูแดงบ้านศิลป์ไทย กล่าวว่า บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง เป็นศูนย์เรียนรู้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบระดับอำเภอ เป็นศูนย์เรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรม บูรณาการวิชาเกษตรและวิชาศิลปะเข้าด้วยกันเป็น"เกษตรศิลป์" ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแบบครอบครัว "บริหารจัดการรายจ่ายให้น้อยกว่ารายรับอย่างมีความสุข" เป็นสถานที่ทัศนศึกษา ศึกษาดูงาน ของหน่วยงาน ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย มีค่าสถานที่ ค่าวิทยากรนิดหน่อยท่านใด หน่วยงานใดสนใจ มาทัศนศึกษา ศึกษาดูงาน โทรติดต่อสอบถามครูแดงบ้านศิลป์ไทย 086-2289-508 ยินดีต้อนรับ