วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564

ดำเนินคดี 2 ชายไทยสาวลาวลอบเข้าเมือง ติดเชื้อโควิดปกปิดข้อมูล

กรณีคณะเฉพาะกิจป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของเชื้อโควิด COVID-19 ของ สปป.ลาว ได้แถลงข่าวการพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 2 คน เป็นกรณีที่ 59 และกรณีที่ 60 ของ สปป.ลาว พบไทม์ไลน์ที่เชื่อมโยงกับชายชาวไทย จำนวน 2 ราย ได้ลักลอบข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว แล้วพาหญิงชาวลาวรายดังกล่าว ตระเวนเที่ยวตาม ผับ ร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆ ในเวียงจัน ก่อนจะลักลอบข้ามกลับมาในราชอาณาจักรไทยในเขตพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นั้น

ต่อมา ตม.หนองคาย ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายธนกฤต อายุ 31 ปี  ในข้อหา “เป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่าน เขตท่า สถานี ตามประกาศในกฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น” และ “จงใจปกปิด บิดเบือนไทม์ไลน์ของตนเองต่อเจ้าพนักงาน” นายชิตพล อายุ 30 ปี ในข้อหา “เป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่าน เขตท่า สถานี ตามประกาศในกฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น” และ “ให้ความช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ความช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้พ้นจากการถูกจับกุม” และ “จงใจปกปิด บิดเบือนไทม์ไลน์ของตนเองต่อเจ้าพนักงาน” และ น.ส.ดาววะดี  อายุ 26 ปี ในข้อหา“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” 

เนื่องจากปรากฏภาพเคลื่อนไหวและภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดพบว่านายชิตพล และนายธนกฤตได้อยู่บริเวณลานจอดรถหน้าโรงแรมเจือง 2 เมืองจันทะบุลี แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ขณะเที่ยวอยู่ที่ สปป.ลาว ก่อนที่ทั้ง 2 ราย ลักลอบเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งต่อมาพบว่า นายธนกฤตติดเชื้อโควิด-19 จึงเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.หนองคาย เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2564 ส่วนนายชิตพล และ น.ส.ดาววะดี ซึ่งเชื่อว่าลักลอบเดินทางเข้าราชอาณาจักรด้วย เมื่อทราบว่า นายธนกฤต เป็นผู้ติดเชื้อโควิด 19 จึงพากันมาตรวจที่ รพ.หนองคาย ผลปรากฏว่าติดเชื้อโควิด-19  จึงเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.หนองคาย เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2564 และจากข้อมูลไทม์ไลน์ที่ นายชิตพล และ นายธนกฤต ได้ให้ไว้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่ตรงกันและไม่ตรงกับข้อมูลจากการสืบสวน ตม.หนองคาย  จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 3 ราย ตามข้อหาดังกล่าวข้างต้น ตามคดีอาญาที่ 494/2564 ลง 23 เม.ย.64 ของสภ.เมืองหนองคาย 

ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย อยู่ระหว่างการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันศาลจังหวัดหนองคาย ได้ออกหมายจับนายชิตพลและ น.ส.ดาววะดีไว้แล้ว ส่วนนายธนกฤต ศาลเห็นว่าความผิดที่ถูกกล่าวหาโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี จึงยังไม่อนุมัติหมายจับ แต่ก็ได้ประสานทำการอายัดตัวไว้แล้ว หากสิ้นสุดการรักษาเมื่อใด จะได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี จนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

ด่านศุลกากรหนองคาย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขยายผลตรวจยึดได้เพิ่ม ยาบ้า 4 แสนเม็ด หลังจับกุมผู้ต้องพร้อมของกลาง 1.8 ล้านเม็ด ซุกมาในแท็งก์น้ำมันหลังไปส่งน้ำมันที่ประเทศเพื่อนบ้าน

วันที่ 23 เม.ย.64   ที่ ด่านศุลกากรหนองคาย พ.ต.อ.ณรัชต์พล  เลิศรัชตะปภัสร์ นายด่านศุลกากรหนองคาย, พ.ต.อ.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.หนองคาย, นายอานุภาพ หอมจันทร์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร,นายวศินพิศุต พุทธนิมนต์ หัวหน้าฝ่ายสืบส่วนและปราบปราม,พ.ต.อ.เกษม  มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันขยายผลสามารถตรวจค้นสามารถยึดยาบ้าได้เพิ่มอีก 4 แสนเม็ด ที่ซุกซ่อนไว้ใต้ท้องรถบรรทุกน้ำมัน


การตรวจยึดครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 64  เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายสงคราม  จันทร์แห่ว อายุ 47 ปี ชาว ต.บ้านโคก อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู พร้อมยาบ้าจำนวน 1,800,000 ล้านเม็ด ที่ซุกซ่อนมาในแท็งก์น้ำมัน รถบรรทุกน้ำมัน ทะเบียน 71-4636 / 72-9142 ระยอง หลังจากนั้น พ.ต.อ.ณรัชต์พล  เลิศรัชตะปภัสร์ นายด่านศุลกากรหนองคาย, นายอานุภาพ หอมจันทร์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร,นายวศินพิศุต พุทธนิมนต์ หัวหน้าฝ่ายสืบส่วนและปราบปราม เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสอบสวน ขยายผลนายสงคราม ฯ ผู้ต้องหา และได้ตรวจค้นรถบรรทุกน้ำมันคันดังกล่าวอีกครั้งอย่างละเอียดพบยาบ้าจำนวน 400,000 เม็ดซุกซ่อนมัดติดไว้ใต้ท้องรถบริเวณแหนบล้อหลังด้านซ้าย  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจหาลายนิ้วมือเพื่อขยายผลหาผู้ที่ร่วมขบวนการต่อไป  

ภายใต้การอำนวยการของ นายพชร  อนันตศิลป์อธิบดีกรมศุลกากร,นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, พล.ต.บุญสิน  พาดกลาง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี นายศิริชัย  คุณาบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2,พล.ต.ต.กิตติศักดิ์  จำรัสประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ,พ.อ.มงคล  หอทอง ผู้บังคับการกองบังคับกองควบคุมที่ 2 กกล.สุรศักดิ์มนตรี

จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้องของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


ผู้ว่าฯหนองคาย สั่งเข้มงวดผู้ขนส่งสินค้าเข้าไทย ป้องกันโควิด-19

 

นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ได้ลงนามคำสั่งที่ 12 / 2564 เรื่อง มาตรการข้อกำหนดการปฏิบัติสำหรับผู้ขนส่งสินค้าที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโโรนา 2019 (โควิด-19) จังหวัดหนองคาย

ตามที่ได้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ในประเทศไทย ขณะนี้ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จังหวัดหนองคายมีข้อมูลผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ตลอดจนประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้มีข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ปัจจุบันนี้มีผู้ขนส่งสินค้าจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้ามาซื้อสินค้าในพื้นที่จังหวัดหนองคายเป็นประจำ จึงมีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะมีการแพร่เชื้อโรคจากผู้ขนส่งสินค้าดังกล่าว หากไม่มีมาตรการหรือแนวทางการปฏิบัติเพื่อควบคุมป้องกันและสกัดกั้นโรคไว้อย่างเคร่งครัดและเข้มงวด นั้น

คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติตต่อจังหวัดหนองคาย ครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2565 จึงมีคำสั่ง ดังนี้

ข้อ 1 มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ให้ผู้ขนส่งสินค้าแสดงเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ได้แก่ หนังสือแสดงการขนส่งสินค้า ซึ่งระบุเวลาที่จะเข้ามาและออกจากราชอาณาจักรไทย ระบุชนิดและจำนวนสินค้า ชื่อสกุลและสถานที่ที่สามารถติตต่อได้ของผู้ชนส่งสินค้า ผู้ส่งสินค้าและผู้รับสินค้า

ข้อ 2 มาตรการเมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักรไทย เท่าที่จำเป็น เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้กลับไปโดยเร็ว

2.1 ให้ผู้ขนส่งสินค้าปฏิบัติภารกิจในการขนส่งสินค้า ในราชอาณาจักรไทย

2.2 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองอาการทางเดินหายใจ และวัดไข้ผู้ขนส่งสินค้า ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ก่อนเตินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (Entry Screening)

2.3 ให้ผู้ขนส่งสินค้านำยานพาหนะไปจอดและขนส่งสินค้า ณ จุดที่กำหนด คือศูนย์ควบคุมทางศุลกากร ด่านศุลกากรหนองคายเท่านั้น รวมทั้งให้ใช้ระบบติดตามหรือแอปพลิเคชัน ตามที่ทางราชการกำหนด

อนึ่ง ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามประกาศนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ตามมาตรา 16 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คู่กรณีไม่อาจใช้สิทธิโต้แย้งประกาศนี้ได้

"หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้อาจมีความผิดตามมาตรา 51 พระราชบัญญัติโรคติคต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมี่นบาท และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ถุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" 

ตามรายละเอียดดั้งนี้




ผู้ว่าฯหนองคาย สั่งปิดฟิตเนส สนามฝึกซ้อมมวย สถานประกอบการ สถานที่ ที่มีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการติดและแพร่เชื้อโรคโควิด-19

นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ได้ลงนามประกาศคำสั่งฉบับที่ 4 / 2564 เรื่อง ข้อกำหนดการปฏิบัติเพื่อควบคุมป้องกันและสกัดกั้นการติดและแพร่เชื้อโรค ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จังหวัดหนองคาย

ตามที่ได้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ขณะนี้ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในหลายพื้นที่ และหลายจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นเชื้อโรคสายพันธุ์ที่สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ปกติ โดยผู้ติดเชื้อบางรายมิได้แสดงอาการของโรค แต่ยังสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิดอื่นได้ หากไม่มีการป้องกันโรคที่ดีและเข้มงวด นั้น จึงประกาศ ให้ปิดสถานที่ ที่มีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการติดและแพร่เชื้อโรค ดังนี้

1. ฟิตเนส สนามฝึกซ้อมมวย

2. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ร้านนวดแผนไทย/แผนโบราณ /ร้านนวดเพื่อสุขภาพ

3. สถานที่บริการสักหรือเจาะผิวหนัง หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย

อนึ่ง ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามประกาศนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ตามมาตรา 16 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คู่กรณีไม่อาจใช้สิทธิโต้แย้งประกาศนี้ได้

"หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้อาจมีความผิดตามมาตรา 51 พระราชบัญญัติโรคติคต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมี่นบาท และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ถุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" 

ตามรายละเอียดดั้งนี้




วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564

หนองคายผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งอย่างต่อเนื่อง ระลอกเดือนเมษายนเพิ่มอีก 10 ราย สะสมรวม 24 ราย

วันที่ 22 เม.ย.64  ที่ ห้องประชุมสวัสดิ์ สัมพาหะ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย , นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย  และนางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวสื่อมวลชน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 10 ราย  (เป็นรายที่ 15-24) รวมสะสมทั้งจังหวัดในระลอกเดือนเมษายน 24 ราย



โดยรายที่ 15 เป็นชายไทย อายุ 30 ปี ที่อยู่ ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย อาชีพฟรีแลนช์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดระลอกเดือนเมษายน รายที่ 6 , รายที่ 16 เป็นหญิงไทย อายุ 60 ปี อาชีพพี่เลี้ยงเด็ก ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 8 , รายที่ 17 เป็นชายไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย คาดว่าติดจากญาตที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่เสี่ยง , รายที่ 18 เป็นชายไทย อายุ 64 ปี ที่อยู่ หมู่ 5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 17 , รายที่ 19 เป็นหญิงไทย อายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน ที่อยู่ หมู่ 5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 17 ,  รายที่ 20 เป็นชายไทย อายุ 27 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 17 , รายที่ 21 เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ หมู่ 5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย , รายที่ 22 เป็นเด็กชายไทย อายุ 1 ปี 6 เดือน ที่อยู่ หมู่ 16 ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 6 , รายที่ 23 เป็นเด็กชายไทย อายุ 5 ปี  ที่อยู่ หมู่ 16 ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดเดือนเมษายน รายที่ 6 และรายที่ 24 เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี อาชีพแม่บ้าน ที่อยู่ หมู่ 2 ต.โพนทอง อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน จ.ขอนแก่น






นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เน้นย้ำให้ประชาชนชาวหนองคาย ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรตติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กำหนด โดยเฉพาะมาตรการ D-M-H-T-T ได้แก่ D=Distancing : การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล1-2เมตร, M=Mask Wearing : การใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย, H=Hand Washing : การล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดอยู่เสมอ, T=Testing : การวัดอุณหภูมิก่อนเข้าไปในสถานที่ และ T=Thai Chana : การลงทะเบียนเข้าไปในสถานที่ด้วยการใช้แอพลิเคชั่นไทยชนะ ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามอย่างจริงจัง และหากไม่มีความจำเป็นก็ขอให้อยู่บ้าน


นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ยังฝากเตือนประชาชนชาวหนองคาย ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดหนองคาย ฉบับที่ 3/2564 ให้ผู้ที่จะออกจากเคหสถานหรือสถานที่ทำงาน ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า อย่างเคร่งครัด เริ่มวันที่ 25 เมษายน 64 เป็นต้นไป "หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้อาจมีความผิดตามมาตรา 51 พระราชบัญญัติโรคติคต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมี่นบาท และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ถุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"








"ลาว" ประกาศล็อกดาวน์เวียงจันทน์ สกัดโควิด-19 รอบใหม่ 14 วัน

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายพันคำ วิพาวัน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่านับตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 22 เม.ย. จนถึงวันที่ 5 พ.ค. นี้ ให้ทุกเขตของนครหลวงเวียงจันทน์อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ มาตรการที่สำคัญรวมถึง การห้ามประชาชนในนครหลวงเวียงจันทน์เดินทางออกไปยังแขวงอื่น เช่นเดียวกันห้ามประชาชนจากแขวงอื่นเดินทางเข้ามายังเมืองหลวงตลอดระยะเวลาของการล็อกดาวน์ ยกเว้นมีความจำเป็นระดับสูงสุด เช่น การทำงาน และการพบแพทย์เป็นกรณีฉุกเฉิน หรือได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาลเท่านั้น




นอกจากนี้ยังห้ามประชาชน ชาวต่างประเทศ และคนที่ไม่มีสัญชาติที่อยู่ในนครหลวงเวียงจันออกจากบ้าน หรือสถานที่พักอาศัย ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น ซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค ไปโรงพยาบาล ไปปฏิบัติหน้าที่กิจการที่ได้รับอนุญาต ส่วนผู้ที่มีความจำเป็นต้องไปทำการเกษตรเพื่อเสบียงอาหารนั้น สามารถไปได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างรัดกุม

รวมทั้งห้ามกักตุนสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภค และยังให้ปิดสถานบริการบันเทิง ร้านคาราโอเกะ ร้านกินดื่ม ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านนวดสปา ร้านสนุกเกอร์ สถานที่ออกกำลังกายในร่มทุกประเภท โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ถึงเวลา 24.00 น. วันที่ 5 พ.ค. 2564




โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ เดินหน้าทำ MOU ความร่วมมือ เรื่อง การผลิตกัญชาทางการแพทย์ ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพท่าบ่อ

วันที่ 22 เม.ย.64 เวลา 13.30 น. ที่ ห้องประชุมปิยะมิตร 1 โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นพ.วัฒนา พารีศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ได้ทำพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การผลิตกัญชาทางการแพทย์ ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพท่าบ่อ นำโดย นายพิศุทธิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธานวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปลูกกัญชาทางการแพทย์ และนำผลิตผลจากต้นกัญชามาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ สามารถจำหน่ายให้กับผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย รวมทั้งนำส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษไปใช้ประโยชน์อื่น ทั้งทางด้านอุตสาหกรรมการเกษตร และสร้างมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจแก่ซุมชนและองค์กร รวมทั้งพัฒนาความรู้เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลด้านสมุนไพร เพื่อการแพทย์และสุขภาพอีกด้วย โดยบันทึกความร่วมมือฉบับนี้มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี โดยมีหัวข้อของการตกลงความร่วมมือดังนี้



ข้อ 1 วัตถุประสงค์ของความร่วมมือ

1.1 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปลูกภัญชาทางการแพทย์

1.2 เพื่อนำผลิตผลจากกัญชา ส่วนที่เป็นยาเสพติดให้โทษ มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ สามารถจำหน่ายให้กับผู้ได้รับอนุญาตดามกฎหมายได้ ภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพดิดให้โทษ(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562

1.3 เพื่อนำผลิตผลจากกัญชา ส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพดิดให้โทษไปใช้ประโบชน์อื่น ทั้งค้านอุดสาหกรรม เกษตร และสร้างมูลค่าทางค้านเศรษฐกิจ

1.4 เพื่อผลิตยาจากกัญชา จำหน่ายให้กับสถานพยาบาล ตามกฎหมายที่ใด้รับอนุญาต ทั้งภาครัฐและเอกชน

1.5 เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนได้มีผลิตภัณฑ์จากกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพคิดให้โทษ มาใช้ตามภูมิปัญญาและ

สามารถจำหน่าย ที่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ แก่ชุมชนและองค์กรของตนเองได้

1.6 ร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลด้านสมุนไพรเพื่อการแพทย์และสุขภาพ


ข้อ 2 ขอบเขตของความร่วมมือ

2.1 วิสาหกิจชุมชนจักปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการผลิต ยาเสพติดให้โทมประเกท 5 ในการจำหน่ายให้กับผู้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และโรงพยาบาล จักเป็นหน่วยงานที่ควบคุมกำกับทางวิชาการ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เพื่อให้ได้ยาหรือสารสกัดที่มีคุณภาพมาตรฐาน ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

2.2 วิสาหกิจชุมชน จักรับผิดชอบทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การขออนุญาต การลงทุนค่าใช้ง่ายในการเพาะปลูก การผลิต และการเก็บเกี่ยวกัญชา ตลอดจนกระบวนการทำให้ได้สารสำคัญ เพื่อการแพทย์ ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

2.3 การดำเนินการอื่น ๆ ที่มิได้ระบุไว้ หากมีส่วนที่เกี่ยวข้องต้องกระทำภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อเท่านั้น




ข้อ 3 ความรู้ เทกนิค ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดขึ้น ทางวิสาหกิจชุมชน ยินดีมอบให้เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาล เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

ข้อ 4 ระยะเวลาและการสิ้นสุดความร่วมมือ บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2564 ถึง วันที่ 21เมษายน 2569 ก่อนสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว หากฝ่ายใดต้องการบอกเลิกข้อตกลงนี้ ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ทุกฝ่ายทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันและ ให้มีผลเป็นการยกเลิกข้อตกลงเมื่อพันระยะเวลาดังกล่าว 

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ อาจมีการขยายเวลาออกไปได้อีก เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันและลงนามขยายเวลาร่วมกันเป็นหนังสือ

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ อาจมีการปรับปรุง หรือแก้ไขเพิ่มเติมตามความเหมาะสมโดยได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย โดยฝ่ายที่ประสงค์ปรับปรุง หรือแก้ไขเพิ่มเดิม ต้องแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 30  วัน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถร่วมกันพิจารณา ทั้งนี้การปรับปรุงหรือแก้ไบเพิ่มเดิม ต้องทำเป็นบันทึกข้อตกลงต่อท้ายบันทึกฉบับนี้

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ จัดทำขึ้นเป็น 2 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้อ่านและเข้าใจอย่างละเอียดโดยตลอดแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามเจตนารมณ์ทุกประการ จึงได้ลงลายมือชื่อ และประทับตรา (ถ้ามี)ไว้เป็นสำคัญ ต่อหน้าพยานและต่างฝ่ายต่างยืดถือไว้ฝ้ายละฉบับ







จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...