วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2105 กรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ตรวจยึดยาเคตามีน กว่า 109 กิโลกรัม บรรจุในซองชาเขียวลักลอบนำข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และรถยนต์ 1 คัน ผู้ต้องหาอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีรอดหวุดหวิด

วันที่ 4 พ.ค. 2565  ที่ กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2105 กรมทหารพรานที่ 21  กองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตรี ณรงค์  สวนแก้ว ผู้บัญชาการ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  ร่วมกับ พ.ต.อ.สุทธกาญจน์  ฟักทอง ผกก.สภ.โพนพิสั, พ.ต.พิมล  ประดิษฐ์ด้วง หน.ชรต.216 กอ.รมน.จว.หนองคาย , ร.อ.วิทยา สิงห์อร ผบ.ร้อย.ทพ.2105, ร.อ.ธนกร ฤทธิ์จอหอ  หน.หน่วยเรือโพนพิสัย , ฝ่ายปกครองอำเภอโพนพิสัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการตรวจยึดยาเสพติด ประเภทยา เคตามีน กว่า 109 กิโลกรัม บรรจุในซองชาเขียว ที่ลักลอบนำข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน และรถยนต์ โตโยต้า 4 ประตู สีขาว เลขทะเบียน ฆฮ 6557 กรุงเทพมหานคร   ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ณรงค์  สวนแก้ว ผู้บัญชาการ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ,พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผบก.ภ.จว.หนองคาย,พ.อ.จักรพงษ์ โพธิ์นาแค ผบ.บก.ควบคุมที่ 6 (ร.๑๓), พ.อ อุทัย  นิลเนตร ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 , น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย, พ.อ.ปฎิวัติ   ชื่นศรี รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2  กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี



การตรวจยึดครั้งนี้หลังจาก ร.อ.วิทยา สิงห์อร ผบ.ร้อย.ทพ.2105 ได้รับแจ้งว่า จะมีการลักลอบนำยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงมายังฝั่งไทย ในพื้นที่บ้านหนองกุ้งใต้ หมู่ 1 ตำบลกุดบง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย จึงได้สนธิกำลัง หน่วยงานความมั่นคงเข้าดักซุ่มที่ ฝั่งแม่น้ำโขงหลังวัดสิงห์ทองเกติยาราม พบรถยนต์ โตโยต้า 4 ประตู สีขาว เลขทะเบียน ฆฮ 6557 กรุงเทพมหานคร จอดหันท้ายลงทางบันได ขึ้น-ลง



ต่อมาพบเรือแล่นข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มุ่งหน้ามายังฝั่งไทยและเรียบฝั่งเข้าจอดที่ท่าน้ำบริเวณด้านหลังวัดดังกล่าว แล้วมีชายต้องสงสัย 1 คน แบกกระสอบต้องสงสัยสีดำ จำนวน 2 กระสอบขึ้นจากท่าน้ำ แล้วนำเข้าไปวางไว้ด้านในรถบริเวณด้านหลังคนขับ  เจ้าหน้าที่ซึ่งดักซุ้มอยู่ได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ ชายดังกล่าวเกิดตกใจได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว


จากการเข้าตรวจสอบพบกระสอบสำดี จำนวน 2 กระสอบ เปิดดูภายในพบซองชาเขียวที่บรรจุยาเคตามีนจำนวนดังกล่าว จึงได้ตรวจยึดนำมาตรวจนับอย่างละเอียดที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2105  ก่อนนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพนพิสัย  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

พันธลภ  แสงทอง  ภาพ-ข่าว  จังหวัดหนองคาย 




จังหวัดหนองคาย จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาเนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ประจำปี 2565

วันที่ 4 พ.ค. 2565 ที่ วัดโนนพระแก้ว บ้านหนองแวง หมู่ที่ 7 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ประจำปี 2565 โดยมี พระภิกษุสงฆ์ หัวหน้าส่วนส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนจิตอาสา ร่วมกืจกรรมในครั้งนี้




สำหรับการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาในครั้งนี้ประกอบไปด้วย  กิจกรรมมอบต้นไม้ให้กับผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่น นำไปปลูกในหมู่บ้าน/ชุมชน กิจกรรมปลูกต้นไม้ในพื้นที่ 3 ไร่ภายในบริเวณวัดโนนพระแก้ว รวมทั้งกิจกรรมทำความสะอาดและปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบ เพื่อให้เกิดความสะอาด เรียบร้อย สวยงาม ตลอดจนเกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนรวม และเพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสวันสำคัญของชาติไทย วันฉัตรมงคล และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโครงการจิตอาสา ให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันนำมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นด้วยความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจประกอบกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน















นายอำเภอเมืองหนองคาย มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภค-บริโภค ของเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่ม บ้านเรือนพังเสียหาย ขณะที่ทหารจากชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน ที่ 2110 กอ.รมน.ภาค 2 จัดกำลังพลร่วมกับชาวบ้าน เร่งซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบพังเสียหายทั้งหลัง

วันที่ 3 พ.ค. 2565 ที่ ศาลาริมฝั่งแม่น้ำโขง วัดศิลาธิคุณ ต.หินโงม อ.เมือง จ.หนองคาย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นางวารุณี ไพศาลธนวัฒน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ได้มอบหมายให้นายประทีป อุ่ยเจริญ นายอำเภอเมืองหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองหนองคาย นำถุงยังชีพเครื่องอุปโภค-บริโภค ของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย มอบให้กับประชาชน หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 8 ตำบลหินโงม อ.เมืองหนองคาย ที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนพัดบ้านเรือนพังเสียหาย จำนวน 30 ครอบครัว โดยก่อนหน้านี้ได้มอบถุงเครื่องอุปโภค-บริโภคไปแล้ว จำนวน 10 ครอบครัว ส่วนที่เหลือจะได้นำมามอบให้ครบทั้งหมดในครั้งต่อไป ซึ่งพายุฤดูร้อนได้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. – 01.00 น. วันที่ 30 เมษายน 65 ที่ผ่านมา มีบ้านเรือนประชาชนในเขต ต.หินโงม อำเภอเมืองหนองคาย ถูกพายุพัดพังเสียหาย จำนวน 56 หลังคาเรือน วัด 1 แห่ง และบ้านเรือนประชาชนในเขต ต.บ้านเดื่อ ได้รับความเสียหายอีก จำนวน 1 หลัง







ภายหลังมอบถุงเครื่องอุปโภค-บริโภคแล้ว นายประทีป อุ่ยเจริญ นายอำเภอเมืองหนองคาย พร้อมผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองหนองคาย ได้ตรวจเยี่ยมการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากพายุพัดพังเสียหาย โดยเฉพาะที่บ้านของนางอรุณ น้อยเมืองคุณ อายุ 82 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 หมู่ที่ 1 ต.หินโงม ที่บ้านถูกพายุพัดหลังคาปลิวออกไปทั้งหลัง และที่อาศัยที่บ้านเพียงคนเดียว ไม่ยอมไปอยู่กับญาติพี่น้องเนื่องจากเป็นห่วงบ้าน โดยมีช่างที่เป็นญาติพี่น้องและทหารจากชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน ที่ 2110 กอ.รมน.ภาค 2 ช่วยกันเร่งซ่อมแซมบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่อีก










วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เลี้ยงผึ้งโพรงหลังเกษียณ รายได้ดีกว่าขายข้าว 1 ไร่ ไม่น่าเชื่อจากความคิดแค่เพียงต้องการหาอะไรทำแก้เหงา ชวนชาวบ้านจับกลุ่มตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน สร้างอาชีพให้กับชาวบ้านอีกกว่า 100 รัง

อ.พีระวัฒน์ ตุ้มมี หรืออาจารย์บี้ อายุ 64 ปี ข้าราชการครูบำนาญ ใช้ชีวิตหลังเกษียณ ด้วยการเพาะต้นไม้ เลี้ยงผึ้งโพรง โดยยึดหลักคำสอนในหลวง ร.9 วิถีพอเพียง ที่วันนี้ผันตัวเองมาเป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งโพรงป่าศรีสุวรรณ เลขที่ 60 บ้านฝาง หมู่ 4 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของอาชีพใหม่หลังเกษียณว่า  ตนเองชอบปลูกพืช แต่ไม่ค่อยจะติดผล เลยคิดหาวิธีผสมเกษรโดยผึ้ง และเป็นความชอบของตนเองตั้งแต่ช่วงยังเป็นครูสอนนักเรียน ก็ได้พยายามศึกษา เรียนรู้จากหนังสือ และไปดูกับผู้ที่เลี้ยง และมาทดลองเอง โดยทำเป็นกล่องจะกระจายวางไว้ในพื้นที่สวนหลังบ้านและนา ที่เป็นสวนผลไม้ และต้นไม้ ที่มีดอกต่างๆ จะเลี้ยงตามธรรมชาติ ไม่ให้น้ำตาลทราย ซึ่งจะทำให้ผึ้งผลิตน้ำหวานที่ดีมีคุณภาพ หอม หวาน อร่อย ผึ้งจะผลิตน้ำหวาน ขึ้นอยู่กับดอกไม้ด้วย ถ้ามีดอกไม้มากก็จะผลิตน้ำหวานเร็วหน่อย และตนเลี้ยงผึ้งโพรง ประสบผลสำเร็จ สามารถมีรายได้เสริมจากการขายน้ำผึ้ง ซึ่งในการเลี้ยงผึ้งหนึ่งรัง รายได้ดีกว่าปลูกข้าวขายต่อหนึ่งไร่ เพราะราคาข้าวทุกวันนี้ต่ำกว่าราคาน้ำผึ้งซะอีก อีกอย่างการเลี้ยงผึ้งไม่ต้องใช้แรง ไม่ได้ลงทุนมากมาย เพียงแค่ตีกล่องไปล่อผึ้งในป่า




จากนั้นได้ชักชวนชาวบ้าน ให้เข้ามารวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากเลี้ยงผึ้งโพรงลงทุนไม่มาก การเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ถ้ารู้วิธีเลี้ยง โดยไม่ต้องซื้อหาอาหารมาเลี้ยง  แต่ก็ต้องมีใจรักด้วย ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะไม่ค่อยกล้าเลี้ยง เนื่องจากกลัวว่าผึ้งจะต่อย โดยเริ่มต้นจากการหาไม้มาทำเป็นโพรงเป็นรัง ให้ผึ้งเกาะ โพรงหนึ่งจะมีรวงประมาณ 8-10 รวง แล้วนำนางพญา ผึ้งงาน มาปล่อยในโพรง นอกจากนั้นก็จะต้องทำเสาไว้สำหรับวางโพรง โดยที่ตัวเสาก็จะต้องหาน้ำมันเครื่องมาทาเสาเพื่อป้องกันมดขึ้น นำไปวางใต้ร่มไม้ที่แดดไม่แรง หรือสวนผลไม้ต่างๆ โดยจะต้องกระจายวางโพรงให้ห่างกัน เพื่อไม่ให้ผึ้งแย่งน้ำหวานกัน




โดยผึ้งงานจำนวนมาก ก็จะเข้ามาในโพรงสร้างรังผลิตน้ำหวานไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ก็สามารถเก็บนำผึ้งได้ โดยช่วงที่เก็บน้ำหวาน ก็จะเป็นช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ผึ้งแต่ละรังจะได้น้ำหวาน 3-4 ขวด วิธีการเอาน้ำหวานออกจากรังผึ้งตนจะใช้วิธีกรองด้วยผ้าขาว คลุมด้วยถุงพาสติกใสแขวนไว้ ประมาณ 2- 3 วัน น้ำหวานจะข่อยๆไหลลง   ซึ่งจะได้น้ำผึ้งแท้ 100% จากนั้นก็จะบรรจุใส่ขวดที่เตรียมไว้ขายในราคาขวดละ 350 บาทเท่านั้น สามารถสร้างรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี จนทางกลุ่มผลิตไม่ทัน ซึ่งปัจจุบันทางกลุ่มมีผึ้งโพรงรวมกว่า 100 รัง ผู้ที่สนใจอยากได้น้ำผึ้งแท้ 100 % ไปบริโภค สามารถติดต่อได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งโพรงป่าศรีสุวรรณบ้านฝาง หมู่ 4 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย










จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...