จังหวัดหนองคาย จัดงานมหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า "OTOP หนองคาย" ระหว่าง 1-7 สิงหาคม 65 เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ พบการจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จากทั่วประเทศ 100 ราย จาก 4 ภาค 17 จังหวัด ชมบอลลูนยักษ์มิตรภาพไทย-ลาว เพื่อเป็นการเปิดเมืองหนองคายในการเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขง และความบันเทิง การแสดงจากศิลปิน ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน

วันที่ 2 ส.ค. 2565 ที่ ลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ 60 พรรษา อ.เมือง จ.หนองคาย นางสาวสิริมา วัฒโน  รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดงาน "มหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP หนองคาย" พร้อมมอบรางวัลการประกวดภาพถ่าย "ผ้าไทยใส่ได้ทุกวัน" ภายใต้โครงการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย "เสน่ห์ผ้า เสน่ห์เมืองหนองคาย" โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่พัฒนาการชุมชน รวมทั้งประชาชนสนใจ เข้าร่วมงาน พร้อมร่วมจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง

นายไพโรจน์ โสภาพร พัฒนาการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จังหวัดหนองคาย มีแนวทางในการเสริมสร้างพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์  สินค้าและบริการให้มีศักยภาพ มีความพร้อมในการแข่งขันด้วยการส่งเสริมและพัฒนาผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP สู่ช่องทางการตลาด จึงได้จัดทำโครงการเสริมสร้างพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการของจังหวัดหนองคาย  กิจกรรมเพิ่มศักยภาพผู้ผลิตผู้ประกอบการและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า OTOP กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ภายใต้งาน "มหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP หนองคาย" ขึ้น เพื่อจัดทำช่องทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เพิ่มขึ้น

การจัดงานมหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า "OTOP หนองคาย" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 7 สิงหาคม 2565 ซึ่งมีกิจกรรมภายในงานดังนี้ 1.การจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จากทั่วประเทศ จำนวน 100 ราย จาก 4 ภาค 17 จังหวัด , 2.การประกวดภาพถ่าย "ผ้าไทยใส่ได้ทุกวัน" ภายใต้โครงการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย "เสน่ห์ผ้า เสน่ห์เมืองหนองคาย" โดยสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดหนองคาย , 3. การจัดนิทรรศการแสดงผลสำเร็จงานพัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย"สร้างสรรค์ชุมชน สร้างคน สร้างชาติ" , 4. การประสานความร่วมมือจากสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม ในการจัดงานมหกรรมอาหารดี บอลลูนยักษ์มิตรภาพไทย-ลาว เพื่อเป็นการเปิดเมืองหนองคายในการเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขง , 5. กิจกรรมความบันเทิง การแสดงจากศิลปิน ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ตลอดระยะเวลาการจัดงาน

นางสาวสิริมา วัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จังหวัดหนองคาย มีนโยบายในการเสริมสร้างพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการให้มีศักยภาพและมีความพร้อมในการแข่งขัน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของจังหวัด ที่ต้องการเปิดเมืองหนองคาย ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัด ให้ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ จังหวัดหนองคายได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนในการดำเนินกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการค้าการท่องเที่ยวและการบริการ เพื่อเป็นการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดหนองคาย ในการเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงอย่างแท้จริง

สผผ. จับมือ สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย เร่งสร้างเครือข่ายอาสาสมัครผู้ตรวจการแผ่นดิน ในการช่วยเหลือและสนับสนุนในการทำงานผู้ตรวจการแผ่นดินและสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

วันที่ 1 ส.ค. 2565 ที่ ห้องประชุมโรงแรมหนองคายธาวิลล่า แอนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อ.เมือง จ.หนองคาย นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานเปิดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินกับเครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัด โดยมี นางสาวสิริมา วัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ประธานกล่าวต้อนรับ มี นางสาววิภาดา รัตนโรจนา ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับ โดยมี พันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวรายงานของการจัดกิจกรรม

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือ สผผ. เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีภารกิจหลัก คือการขจัดหรือระงับความเดือดร้อน หรือความไม่เป็นธรรมให้แก่ประชาชน  นอกจากนี้ สผผ.ยังมีความมุ่งหมายที่จะส่งเสริม สนับสนุน ให้คำแนะนำ ให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดความเหลื่อมล้ำ  อำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างทัดเทียมกัน โดยการสร้างการมีส่วนร่วมในรูปแบบของเครือข่าย  ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคม

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้กำหนดจัดโครงการพัฒนาเครือข่าย (ธรรรมาภิบาล/เรื่องร้องเรียน)  จึงได้จัดกิจกรรม"'ความร่วมมือระหว่างสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินกับเครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัด" ณ จังหวัดหนองคาย ขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 2 สิงหาคม 2565 เพื่อสร้างเครือข่ายอาสาสมัครของผู้ตรวจการแผ่นดิน ในการช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินและสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้เครือข่ายอาสาสมัครเกิดองค์ความรู้ในการถ่ายทอดบทบาทหน้าที่ และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินให้กับคนในชุมชน  ตลอดจนสร้างตัวแทนชุมชนในการ ขับเคลื่อมกิจกรรม รวมถึงแนะนำการเข้าถึงช่องทางการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินให้กับคนในขุมชน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม ประกอบด้วย เครือข่ายอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อป.มช.) , เครือข่ายวิทยุชุมชน , เครือข่ายสื่อมวลชน , เครือข่ายนักประชาสัมพันธ์ภาครัฐ , เครือข่ายวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงเครือข่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมจำนวน 50 คน

โดยตลอดทั้ง 2 วัน จะมีการบรรยายในเรื่อง "บทบาท หน้าที่ และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน , การแก้ไขความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมให้แก่ประชาชน" โดย นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน , การบรรยายเรื่อง "แนวทางการพัฒนาเมืองหนองคายเพื่อรองรับยุคเศรษฐกิจใหม่" โดยนางสาวสิริมา วัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , การบรรยายและแบ่งกลุ่ม "เครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัดกับการสนับสนุนการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน และการรายงานการปฏิบัติการ" โดยนางสาวกิตติยา  โสภณโภไคย ผู้อำนวยการสำนักเครือช่ายและการมีส่วนร่วม , กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และนันทนาการ โดยนางรำเพย ทินกระโทก ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 , การบรรยายเรื่อง "สื่อสารผ่าน Social Media อย่างไรให้โดนใจมวลชน" โดยนางสาววิภาดา รัตนโรจนา ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย , การบรรยายและแบ่งกลุ่ม เรื่อง "โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ" โดย นายชวลิต ธูปตาก้อง ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อให้เครือข่ายผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นกระบอกเสียง ที่สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจ  เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ และอำนาจของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และแนะนำช่องทางในการร้องเรียนให้แก่ประชาชน ตลอดจนนำองค์ความรู้ที่ได้รัยจากกิจกรรมในครั้งนี้ ไปต่อยอดเพื่อพัฒนาชุมชน และสังคมให้น่าอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป