วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2565

เตรียมจัดงาน LAB Future & BIO Expo 2022 งานแสดงเครื่องมือแล็บและไบโอเทคแห่งลุ่มน้ำโขง ยกระดับ R&D พร้อมขับเคลื่อน BCG อีสาน ระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนเเก่น (ไคซ์)

วันที่ 21 ก.ย. 2565 ขอนแก่นอินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ โดยบริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จำกัด ร่วมกับ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นและประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ประกาศความภาคภูมิใจ แถลงข่าวเตรียมจัดงาน LAB Future & BIO Expo 2022 โอกาสเติบโตเครื่องมือแล็บ และไบโอเทคอีสานสู่มาตรฐานและเศรษฐกิจใหม่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งแรกกับงานแสดงเทคโนโลยี เครื่องมือและบริการ เคมีภัณฑ์และสารมาตรฐานทางห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อการพัฒนาและการลงทุนสำหรับภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนเเก่น (ไคซ์)

คุณกวิน ว่องกุศลกิจ ในนาม ขอนแก่นอินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ ผู้จัดงานหลัก เล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่ภาคอีสานและลุ่มน้ำโขงที่สามารถผลักดันให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ผ่านการจัดงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงเครื่องมือและบริการด้านการพัฒนาไบโอเทค ที่จะจัดขึ้นครั้งแรกในปีนี้ พร้อมส่งเสริมให้เป็น BIO HUB ของภูมิภาคด้วยการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสให้เป็นศูนย์นวัตกรรมนานาชาติ               ไบโอเทค ที่ประกอบด้วย ศูนย์นวัตกรรมและวิจัย ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมบีซีจี รวมถึงเป็นพื้นที่การประชุมสัมมนา โดยคาดว่า ขอนแก่นอินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ จะส่งเสริมให้เกิดโครงการค้นคว้าวิจัยใหม่ ๆ ในอนาคตเพิ่มมากขึ้น    

ภายในงาน ได้รับเกียรติจาก นายประวิทย์ ประกฤตศรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ กลุ่มมิตรผล ร่วมแชร์มุมมองจากภาคเอกชน ด้านโอกาสของเศรษฐกิจฐานชีวภาพและการลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนาในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่มีโอกาสเติบโตจากจำนวนประชากร 326 ล้านคน และด้วยศักยภาพด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นแหล่งผลิตอาหารและสินค้าทางด้านเกษตรที่สำคัญของประเทศ ประกอบกับ เทคโนโลยีและองค์ความรู้ ความพร้อมด้านกำลังคน กลไกการพัฒนาเชิงพื้นที่ การสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตร ทั้งหมดมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโต และศักยภาพด้านไบโอเทคของภูมิภาคได้อย่างเป็นรูปธรรม  

ความร่วมมือการจัดงานของภาคธุรกิจ ได้รับการสนับสนุนจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นและหอการค้าจังหวัดขอนแก่น นำโดย นายชาญณรงค์  บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น และ ดร. เทพวรรณ์ เตียมไธสง รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ที่ร่วมผลักดันภาคเอกชนในพื้นที่ พร้อมเชิญชวนกลุ่มสมาชิกธุรกิจเร่งพัฒนาศักยภาพของตนเอง ขยายโอกาสการเรียนรู้ เปิดช่องทางธุรกิจ และสร้างความพร้อมผนึกกำลังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคร่วมกัน

สำหรับแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีและความพร้อมของภูมิภาค นายยงยุทธ กิดาธนพนต์ นายกสมาคมการค้าวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี และ ศ.ดร.เพ็ญจิตร ศรีนพคุณ นายกสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย เผยถึงโอกาสที่น่าสนใจของเครื่องมือแล็บในภาคอีสานที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 15% ต่อปี จากมูลค่าตลาดเครื่องมือแล็บรวมกว่า 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่ขอนแเก่น  กลายเป็นศูนย์กลางการแพทย์ของประเทศลุ่มน้ำโขง เป็นศูนย์กลางการศึกษาและคมนาคม รวมทั้งการมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมไบโอเทคโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผลักดันให้ตลาดเครื่องมือแล็บอีสานเติบโต เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 25-30% อย่างชัดเจน

ในส่วนของภาครัฐ ดร. สุรัชสานุ์ ทองมี ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวสนับสนุนการจัดงานและเผยถึงความพร้อมของจังหวัดขอนแก่น ในฐานะไมซ์ซิตี้ ซึ่งเชื่อว่าการจัดงาน LAB Future & BIO Expo 2022 จะมีส่วนสำคัญในการก่อให้เกิดเครือข่ายการค้าการลงทุน การพัฒนาและการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีชีวภาพในทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการและภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคได้


นอกจากนี้ ภายในงานแถลงข่าวยังมี พิธีลงนามความร่วมมือการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรมใหม่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 องค์กร เพื่อบูรณาการความร่วมมือผ่านกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ ผ่านเครือข่ายหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคม ฯลฯ และปิดท้ายด้วยเสวนาในหัวข้อ บริบทอีสานใหม่ ขับเคลื่อนศูนย์กลางไบโอเทคแห่งใหม่ของเอเชีย โดยกลุ่มผู้บริหารจากภาคเอกชนที่ช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค และร่วมกันจัดงานในครั้งนี้

งาน LAB Future & BIO Expo 2022 โอกาสเติบโตเครื่องมือแล็บและไบโอเทคอีสานสู่มาตรฐานและเศรษฐกิจใหม่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง คาดจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 4,000 คน ทั้งสายงานบริหารและปฏิบัติการจากภาครัฐและเอกชน โดยไฮไลต์ภายในงานประกอบด้วย การแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกี่ยวกับเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการ ฯ และเทคโนโลยีชีวภาพทั้งในและต่างประเทศ กว่า 80 บริษัท 200 คูหา 450 แบรนด์ ครอบคุมพื้นที่แสดงงานกว่า 3,500 ตารางเมตร รวมถึงการประชุมสัมมนา และการจับคู่ธุรกิจ งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์ประชุมฯไคซ์ ขอนแก่น สามารถลงทะเบียน เข้าชมงานและติดตามข้อมูลได้ที่ www.labfutureexpo.com หรือ www.bioexpo.asia สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จำกัด คุณสุรีรัตน์ ทรรพวสุ  โทร 084 559 4441 , คุณกรรณิการ์ บัวทรัพย์  โทร 089-230 1757



วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565

จ.หนองคาย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ชมความมหัศจรรย์บั้งไฟพญานาคโลก 10 ตุลาคม 65 นี้ พร้อมจัดงานออกพรรษาบั้งไฟพญานาคยิ่งใหญ่ 6 อำเภอริมฝั่งแม่น้ำโขง

เมื่อช่างเย็นวันที่ 23 ก.ย.2565 ที่ ลานวัฒนธรรมริมแม่น้ำโขง วัดลำดวน อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วย พ.ต.อ.สกล สิทธิวิชัย รอง ผบก.ภ.จ.หนองคาย, นพ.ปิยะเดช วลีพิทักษ์เดช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย และนางธนภร พูลเพิ่ม ผอ.ททท.สำนักงานอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวงานประเพณีออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2565


นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า งานประเพณีออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก เป็นกิจกรรมประเพณีที่สำคัญของชาวจังหวัดหนองคาย ซึ่งมีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ถือเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น ในวันออกพรรษาขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เท่านั้น ซึ่งปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 10 ต.ค.2565 โดยสถิติบั้งไฟพญานาคเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา จากข้อมูลของป้องกันจังหวัดหนองคาย รวบรวมได้ 771 ลูก เกิดบั้งไฟพญานาคในพื้นที่ อ.โพนพิสัย 207 ลูก และ อ.รัตนวาปี 564 ลูก




ส่วนในปีนี้นอกจากการชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคแล้ว ยังมีกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวใน 6 อำเภอริมแม่น้ำโขง ประกอบด้วย อ.สังคม จัดงานวันที่ 5-11 ต.ค.65, อ.ศรีเชียงใหม่ วันที่ 10-12 ต.ค.65, อ.ท่าบ่อ จัดงานวันที่ 8 ต.ค.65, อ.เมืองหนองคาย จัดงานระหว่างวันที่ 7-13 ต.ค., อ.โพนพิสัย ระหว่างวันที่ 10-18 ต.ค. และ อ.รัตนวาปี จัดงานระหว่างวันที่ 2-10 ต.ค.65 โดยแต่ละอำเภอจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ที่เป็นอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณีของชาวจังหวัดหนองคาย อาทิ พิธีรำบวงสรวงบูชาพญานาค, ไหลเรือไฟบูชาพญานาค และ การลอยกระทงกาบกล้วย ซึ่งก็มีเพียงจังหวัดหนองคายเท่านั้นที่มีการลอยกระทง 2 ครั้ง ใน 1 ปี เพื่อสักการะบูชาแม่น้ำโขง และ องค์พญานาคราช ตามความเชื่อ



โดยในปีนี้ก็กิจกรรมพิเศษที่เพิ่มเติมเข้ามา เป็นการดำเนินการจัดงานเป็นครั้งแรก คือ การจัดงานเทศกาลออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคสองฝั่งโขง เชื่อมความสัมพันธ์ไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  โดยจัดงานดังกล่าวในวันที่ 10 ต.ค. 2565 ณ นิคมสร้างตนเองรัตนวาปี อำเภอรัตนวาปี ภายในงานประกอบด้วย การเดินแบบผ้าไทย และการแสดงศิลปะวัฒนธรรม ไทย และ สปป.ลาว การแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณธรรม สินค้าทางวัฒนธรรม (CPOT) หรือสินค้าจากภาคเอกชน จากไทย และสปป.ลาว การประกวดบายศรีพญานาค การประกวดภาพถ่าย รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกมากมาย ตลอดจนการทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ และ การทำบุญสักการะขอพร ตามรอยองค์พญานาคราช ใน 9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของจังหวัดหนองคาย




เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดหนองคายในห้วงเทศกาลออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลกในครั้งนี้ว่า ขอให้ทุกท่านเตรียมความพร้อมของตนเอง ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง เพื่อเข้าชมบั้งไฟพญานาคในจุดที่ทางจังหวัดหนองคายได้กำหนดไว้เท่านั้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในพื้นที่ คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย





ขณะที่นายแพทย์ปิยะเดช วลีพิทักษ์เดช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า การท่องเที่ยวในเทศกาลออกพรรษา และบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2565 จังหวัดหนองคาย นี้ ได้เน้นย้ำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่ายังคงมาตรการเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจะผ่อนคลายหลายๆกิจกรรม แต่เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกใหม่นั้น จึงได้กำชับให้แต่ละหน่วยงาน แต่ละสถานที่ ได้มีมาตรการการป้องกันอย่างเคร่งครัด จึงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทำตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ตาม D-M-H-T-T-A จากสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย คือ Distancing :การเว้นระยะห่างกับคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร Mask wearing: การสวมหน้ากากผ้า Hand washing: การหมั่นล้างมือบ่อยๆ ทั้งน้ำสบู่ และ เจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ Temperature: ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย Testing: การตรวจหาเชื้อ Application: Thai Cha Na การสแกนแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่เดินทางไปสถานที่ต่างๆ



ทางด้าน พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย เผยว่า ในส่วนของการดูแลความปลอดภัยและการจราจร จะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในทุกอำเภอ จัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความเรียบร้อย ให้บริการประชาชน พร้อมการสนธิกำลังกับหน่วยงานข้างเคียง ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงภารกิจสำคัญในการจัดการจราจร ได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายวางมาตรการจัดการการเดินรถ การระบายรถ การบังคับใช้กฎหมายจราจร การเปิดเส้นทางเดินรถทางเดียวในช่วงเวลาที่กำหนด



รวมถึงการประชาสัมพันธ์และกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เดินทางมาท่องเที่ยวในห้วงเทศกาลออกพรรษานี้ นางธนภร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี กล่าวว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อชมปรากฏการณ์ดังกล่าวจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับจังหวัดหนองคายปีละหลายร้อยล้านบาท จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมสัมผัสปรากฏการณ์แห่งศรัทธาและร่วมกิจกรรมในงานประเพณีออกพรรษาและ บั้งไฟพญานาคโลก ซึ่งทุกท่านจะได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมที่เป็นศิริมงคลกับชีวิต และสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวตามความเชื่อความศรัทธาในเรื่องของพญานาคได้อีกหลายๆ แห่งในจังหวัดหนองคาย


ภายในงานแถลงข่าวฯ มีเหล่าดาราคนดังที่มีความเชื่อและศรัทธาต่อองค์พญานาค  รวมทั้งหัวส่วนราชการ ผู้นำท้องที่/ผู้นำท้องถิ่น ประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมงานแถลงข่าวจำนวนมาก








จ.หนองคาย Kick off รณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เน้นเทคโนโลยีบังคับใช้กฎหมาย หวังลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ 23 ก.ย. 2565 ที่ห้องประชุมโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อ.เมือง จ.หนองคาย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม“Kick off การรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์” ที่จังหวัดหนองคาย โดยคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดหนองคาย จัดกิจกรรมขึ้น พร้อมรับหมวกนิรภัยจากภาคเอกชน และมอบต่อให้กับสถานศึกษาในจังหวัดหนองคาย


นายสมพร สีดา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้มีการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 65 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการฯ และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเป็นประธาน ซึ่งคณะคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้มีมติเห็นชอบให้มีการรณรงค์สวมหมวดนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มรณรงค์ครั้งแรกในวันที่ 21 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้สามารถป้องกันการบาดเจ็บและสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ดำเนินการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ตามแนวทาง ได้แก่กำหนดมาตรการองค์กรและมาตรการที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยให้ทุกส่วนราชการ สถานศึกษา สถานพยาบาล หน่วยงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานประกอบการ และนิคมอุตสาหกรรม เป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งนำระบบเทคโนโลยีมาสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจังกับผู้ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่ ย้ำเตือนข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ผู้นำองค์กร และผู้นำชุมชน ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎจราจร โดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่มีการขับขี่จักรยานยนต์



เพื่อให้การขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ จังหวัดหนองคายจึงได้จัดกิจกรรม “Kick off การรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์” จังหวัดหนองคาย พร้อมกับเปิดศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอทุกอำเภอ ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานภาคีเครือข่าย ประชาชน และจิตอาสาพระราชทาน ที่ได้ให้ความร่วมมือร่วมใจอย่างดียิ่ง


หลังพิธีเปิดฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดหนองคาย ได้ร่วมกันปล่อยขบวนรณรงค์การรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้ขับรณรงค์ไปตามถนนเส้นหลักภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย




จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...