วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561

รพ.สต.หนองคาย 2 แห่ง ยกระดับสู่ อสม. 4.0 คว้า 2 รางวัล ในการประกวดแอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์



หนองคาย - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หนองคาย 2 แห่ง คว้ารางวัลดีเด่นระดับประเทศและระดับจังหวัด ในประกวดการใช้งานแอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยอย่างยั่งยืน

        วันนี้ (12 มี.ค. 2561) ที่ห้องประชุมสวัสดิ์ สัมพาหะ ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย และนายอุดมศักดิ์ โสมคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานปฏิบัติการภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัท จำกัด (มหาชน) แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส  เป็นประธานในการแสดงความยินดีกับหน่วยบริการสุขภาพจังหวัดหนองคาย ที่ได้รับรางวัลในโครงการ ประกวดการใช้งานแอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์



       สำหรับโครงการประกวดการใช้งานแอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันจัดขึ้น มีหน่วยสุขภาพระดับปฐมภูมิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) และอสม. ที่ได้รับรางวัลทั้งหมด จำนวน 86 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นผู้รับรางวัลดีเด่นระดับประเทศ 10 รางวัล  รางวัลดีเด่นระดับจังหวัด 37 รางวัล และรางวัลชื่นชมในความมุ่งมั่นก้าวสู่ อสม.4.0 จำนวน 39 รางวัล  โดยการประกวดครั้งนี้ รพ.สต.ของจังหวัดหนองคาย 2 แห่ง ที่คว้ารางวัลดีเด่นระดับประเทศและระดับจังหวัด คือ รพ.สต.กุดบง ได้รับรางวัลดีเด่นระดับประเทศ เงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท และ รพ.สต.บ้านหม้อ รับรางวัลดีเด่นระดับจังหวัด รับเงินรางวัลมูลค่า 40,000 บาท



       นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จากนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเพิ่มศักยภาพในทุกภาคส่วนของประเทศ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขที่สนับสนุนการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการทำงานสาธารณสุข โดย แอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์จากเอไอเอส ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสังคมที่จะเข้ามาส่งเสริมการทำงานสาธารณสุขชุมชนได้เป็นอย่างดี ในส่วน รพ.สต.ที่ได้รับรางวัล แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหน่วยบริการสุขภาพ รวมทั้ง อสม.แม้จะอยู่ในจังหวัดและพื้นที่ห่างไกลก็สามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานได้เป็นอย่างดี อันส่งผลดีต่อการดูแลสุขภาพประชาชนในชุมชน



       นายอุดมศักดิ์  โสมคำ  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานปฏิบัติการภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัท จำกัด (มหาชน) แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการ Digital Life Swrvice Provider บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปช่วยขับเคลื่อนประเทศ ภายใต้แนวคิด “Digital For Thais” ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปส่งมอบให้กับลูกค้า และคนไทย เพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขั้นใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านสาธารณสุข ด้านเกษตรกรรรม ด้านการศึกษาและ Start Up เพื่อร่วมสนับสนุนในภาครัฐในการส่งเสริมสุขภาพชีวิตของคนไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลในการทำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าไปยกระดับรากฐานหลักของประเทศ เอไอเอส จึงมุ่งมั่นส่งเสริมให้เกิดการนำนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสังคม แอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์เฉพาะกลุ่มงานสาธารณสุข เข้าไปช่วยเพิ่มศักยภาพความรู้ความสามารถของ อสม. และสามารถนำไปประยุกต์ในการทำงานสาธารณสุข อันก่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และเพื่อให้เกิดการใช้งานแอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์ อย่างกว้างขวาง



       นายอุดมศักดิ์  โสมคำ  กล่าวเพิ่มว่า การจัดโครงการประกวดการใช้งานแอปพลิเคชั่น อสม.ออนไลน์ ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ เอไอเอส ต้องการเข้าไปช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยด้านสาธารณสุขให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบสุขภาพของประเทศอย่างยั่งยืน โดยเอไอเอสยังคงมุ่งมั่นและให้คำมั่นสัญญาในการเดินหน้าสร้างนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสังคม และบริการใหม่ ๆ เข้าไปยกระดับงานสาธารณสุขและทุกภาคส่วนของประเทศต่อไป.











วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

ครั้งแรกก็ยิ่งใหญ่!..นางรำ 100 ชีวิตชาวตำบลโคกคอน อ.ท่าบ่อ รำบูชาปู่วิรูปักโขนาคราช



หนองคาย ครั้งแรกก็ยิ่งใหญ่!..นางรำ 100 ชีวิตชาวตำบลโคกคอน อ.ท่าบ่อ  แต่งกายด้วยเสื้อผ้าประจำถิ่น รำบูชาปู่วิรูปักโขนาคราช ในงานบำเพ็ญกุศลครบรอบมรณภาพ 8 ปี หลวงปู่สิงห์ สิริธัมโม


       วันนี้ (10 มี.ค. 2561) ที่บริเวณหน้าวัดศิริอุปถัมภ์(ธ) บ้านโพนพระ ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย วัฒนธรรมท้องถิ่น ร่วมกับวัดศิริอุปถัมภ์(ธ) มีพระครูวาธีธรรมาวัตร เจ้าอาวาสวัดศิริอุปถัมภ์(ธ) เป็นประธานสงฆ์ ประกอบพิธีทางศานาและพิธีรำบูชาปู่วิรูปักโขนาคราช ในงานบำเพ็ญกุศลครบรอบมรณภาพ 8 ปี พระครูสิริธรรมานุวัตร (หลวงปู่สิงห์ สิริธัมโม) ซึ่งมีนางรำในตำบลโคกคอน 100 ชีวิต แต่งกายด้วยเสื้อผ้าประจำถิ่นมารำบูชาปู่วิรูปักโข ซึ่งเป็นพญานาคสีทอง เชื่อกันว่านาคราชเป็นผู้ปกครองดูแล และเป็นหนึ่งในจตุโลกบาล รับผิดชอบดูแลทิศปัจจิมหรือทิศตะวันตก มีฤทธิ์ อานุภาพและบริวารมาก และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์ของบาดาลพิภพอีกด้วย มาเข้าฝันหลวงปู่สิงห์ ให้สร้างรูปปั้นพญนาคชื่อรูปักโข จากนั้นจึงได้ดำริให้ศรัทธาทั้งหลายร่วมกันสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อปี 2552  หลังจากนั้นเมื่อปี 2553 หลวงปู่สิงห์ สิริธัมโม ก็ได้มรณภาพลง  ซึ่งชาวบ้านก็ได้มีการจัดงานบำเพ็ญกุศลครบรอบมรณภาพหลวงปู่สิงห์เรื่อยมา ปีนี้แปลกออกไปกว่าทุกปีคือจัดงานบำเพ็ญกุศลครบรอบมรณภาพหลวงปู่สิงห์ แล้ว ยังได้จัดรำบูชาท้าวปู่วิรูปักโขนาคราช ขึ้นเพื่อเป็นการรื้อฟื้นประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นที่เคยมีมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ที่นับวันจะเลือนหายไป ให้คงอยู่คู่ท้องถิ่นตลอดไป



       ก่อนการรำบูชานั้น ประชาชนทุกหมู่เหล่าในพื้นที่ ร่วมกันถวายเครื่องสักการบูชา พร้อมกล่าวคำบูชาพญานาคปู่วิรูปักโขนาคราช หลังจากนั้นได้จัดชุดรำบูชาจำนวน 2 ชุด คือ รำบายศรีเมือง และรำศรีโคตรบูร มีประชาชนทั้งใกล้ไกล มาชมประเพณีรำบูชาอย่างเนืองแน่น และร่วมถวายผ้าไตรตลอดทั้งวัน


       พระครูสิริธรรมานุวัตร หรือหลวงปู่สิงห์  สิริธัมโม วัดศิริอุปถัมภ์ บ้านโพนพระ ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันในหมู่ชาวพุทธทั้งหลายที่ต่างให้ความเคารพในปฏิปทาของท่าน หลวงปู่สิงห์  สิริธัมโม เดิมท่านเป็นชาวบุรีรัมย์ ตอนอายุ 14  ปี ท่านได้บวชเณร หลังจากนั้นท่านได้ศึกษาทางพระพุทธศาสนาตามสำนักครูบาอาจารย์หลายต่อหลายแห่งในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์จนความรู้แตกฉาน แล้วกราบลากลับสู่บ้านเกิด ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดหินหมากเป้ง ที่มีหลวงปู่เทศก์  เทศรังษีเป็นเจ้าสำนัก ซึ่งหลวงปู่สิงห์ก็สามารถสอบนักธรรมตรีได้ในพรรษานั้น ท่านอยู่ที่วัดหินหมากเป้ง 9 พรรษาก็ได้กราบลาหลวงปู่เทศก์ มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศิริอุปถัมภ์ ตั้งแต่พ.ศ.2525 เป็นต้นมา โดยเมื่อปี 2547 รายการเปิดบันทึกตำนาน (OFFICIAL) ทางช่อง ททบ.5 ได้มาทำบันทึกชีวประวัติของท่าน เพื่อเผยแพร่ให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้รับทราบถึงความเป็นมาของหลวงปู่ท่าน



       พระครูสิริธรรมานุวัตร หรือหลวงปู่สิงห์  สิริธัมโม วัดศิริอุปถัมภ์ บ้านโพนพระ ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันในหมู่ชาวพุทธทั้งหลายที่ต่างให้ความเคารพในปฏิปทาของท่าน หลวงปู่สิงห์  สิริธัมโม เดิมท่านเป็นชาวบุรีรัมย์ ตอนอายุ 14  ปี ท่านได้บวชเณร หลังจากนั้นท่านได้ศึกษาทางพระพุทธศาสนาตามสำนักครูบาอาจารย์หลายต่อหลายแห่งในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์จนความรู้แตกฉาน แล้วกราบลากลับสู่บ้านเกิด ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดหินหมากเป้ง ที่มีหลวงปู่เทศก์  เทศรังษี เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงปู่สิงห์ก็สามารถสอบนักธรรมตรีได้ในพรรษานั้น ท่านอยู่ที่วัดหินหมากเป้ง 9 พรรษาก็ได้กราบลาหลวงปู่เทศก์ มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศิริอุปถัมภ์ ตั้งแต่พ.ศ.2525 เป็นต้นมา โดยเมื่อปี 2547 รายการเปิดบันทึกตำนานทางช่อง ททบ.5 ได้มาทำบันทึกชีวประวัติของท่าน เพื่อเผยแพร่ให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้รับทราบถึงความเป็นมาของหลวงปู่ 



       ดังนั้นชาวบ้านโพนพระ ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จึงได้ร่วมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และ วัดศิริอุปถัมภ์(ธ) จัดงานบำเพ็ญกุศลครบรอบมรณภาพหลวงปู่สิงห์ และรำบูชาปู่วิรูปะโคขึ้น เนื่องจากเชื่อกันว่าพญานาคมีความเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนามาแต่สมัยพุทธกาล และเป็นการยอมรับกันเรื่อยมาโดยตลอด






วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

ให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้!...ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.น้ำโมง นำเด็กนักเรียนทัศนศึกษานอกห้องเรียน ที่บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง



หนองคาย ให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้!...ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)น้ำโมง นำเด็กนักเรียน 52 คน ออกทัศนศึกษาการเรียนนอกห้องเรียน ที่บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้นอกสถานศึกษา และประสบการณ์ตรงจากสถานที่จริง

       วันนี้ (9 มี.ค. 2561) ที่บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายสมพร ระวังชนม์ ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.น้ำโมง พร้อมนางวันทนา ต้นสาย หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.น้ำโมง และครูผู้ดูแลเด็ก ได้จัดโครงการทัศนศึกษาการเรียนนอกห้องเรียน ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยนำเด็กนักเรียนของศูนย์ฯจำนวน 52 คน เข้าเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของบ้านทุ่งศิลป์ครูแดง โดยมีนายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือครูแดง ประธานชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย ให้การต้อนรับ พร้อมพาชมรอบๆ บริเวณบ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชน เป็นแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเกษตรกรรมตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง



            นายสมพร ระวังชนม์ ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.น้ำโมง กล่าวว่า เด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 5 ขวบ เป็นช่วงที่สำคัญช่วงหนึ่งของชีวิตที่สมองมีการเจริญเติบโตมากกว่าทุกๆช่วงอายุ  และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหลับการปูพื้นฐานทักษะต่างๆให้แก่เด็ก เพื่อมีความพร้อมในการที่จะพัฒนาในระดับต่อไป ซึ่งเป็นแนวคิดด้านหนึ่งของการจัดทัศนศึกษาในระดับปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.น้ำโมงจึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นอกสถานศึกษา และเด็กได้รับการพัฒนาให้ครบทุกด้าน  รวมถึงได้รับการผ่อนคลายและความสนุกสนานเหมาะสมกับวัยเด็กเล็ก จากการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ในครั้งนี้.












ศุลกากรหนองคาย จับรถขนน้ำมันโกงภาษีส่งออก ทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 12 ล้านบาท



หนองคาย – ศุลกากรหนองคาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สรรพสามิตจับกุม รวบขบวนการลักลอบขนน้ำมัน 6 คัน ทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 12 ล้านบาท หลังจากได้รับประสานจากภาษีลาว

       วันที่ 8 มี.ค. 2561 ที่บริเวณลานรวมรถสินค้าด่านศุลกากรหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย นายกฤษฎา  ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ,นางสาวชวนชื่น  เสือไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสรรพสามิตภาคที่ 4  ร่วมกับ ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ ปนม.ตร.สตช.เจ้าหน้าที่สรรพสามิต  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้าน้ำมันข้ามชาติเพื่อขอยกเว้นภาษี หลังจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา  เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ภาษีลาว ว่า เกิดความผิดปกติของรถส่งน้ำมันจำนวน 6 คัน จากทั้งหมด 9 คัน และ 3 คัน ที่สำแดงเอกสารถูกต้อง เมื่อเจ้าหน้าที่ภาษีลาวขึ้นไปตรวจสอบดูพบว่าน้ำมันได้หายไป 4 ห้อง หรือ 4 ถัง เหลือเพียง 1 ถัง ทาง สปป.ลาวจึงได้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ไทยให้ไปรับรถบรรทุกน้ำมันพร้อมคนขับดังกล่าว ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพลาว - ไทย สปป.ลาว และนำตัวกลับมายังฝั่งไทย ทั้งนี้จังหวัดหนองคายเคยจับกุมมาแล้วเมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการ



       ด้าน นายกฤษฎา  ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 กล่าวว่า การจับกุมน้ำมันที่สำแดงเท็จในการส่งออกที่สำแดงไว้นั้น จำนวน 245,000 ลิตร แต่ส่งออกจริง 45,000 ลิตร ทำให้น้ำมันขาดหายไป 200,000 ลิตร ทำให้รัฐเสียประโยชน์จากการที่ต้องยกเว้นภาษี และการขอคืนภาษีสรรพสามิตซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายด้านภาษีสรรพสามิตรวมมูลค่ากว่า 12 ล้านบาท  และมีการสำแดงเป็นน้ำมันเบนซิน แต่กลายเป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งรถบรรทุกน้ำมันมีอยู่ 5 ช่อง น้ำมันหายไป 4 ช่อง เหลือน้ำมันอยู่ 1 ช่อง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินหายไปเกือบหมด จากหลักหลายแสนลิตรเหลืออยู่เพียงหลักพันลิตรเท่านั้น ในการปราบปรามการทุจริตในการส่งออกนั้น กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต ได้ทำตามนโยบายรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ส่วนพวกที่ต้องการทุจริต แสวงหาผลประโยชน์โดยการโกงภาษีรัฐ ด้วยวิธีการขอยกเว้นภาษี หรือขอคืนภาษีนั้น ทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาล

       เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถบรรทุกน้ำมันทั้ง 6 คัน พร้อมน้ำมันดีเชลของกลาง ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 และ พ.ร.บ.สรรพสามิต 2560 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนติดตามหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้ต่อไป.



จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...