วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ศูนย์คุ้มครองพันธุ์พืชป่าหนองคาย ยึดคืนผืนป่าบริเวณภูยาอ่าวจากผู้บุกรุก




หนองคาย - ศูนย์คุ้มครองพันธุ์พืชป่าจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ จำนวนหนึ่ง เข้าตรวจสอบและยึดคืนผืนป่าบริเวณภูยาอ่าวจากผู้บุกรุกหลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ไม่พบผู้บุกรุก
          
       วันนี้ (7 มิ.ย. 2561) นายอภิชา โคตรรัตน์ หน.ศูนย์คุ้มครองพันธุ์พืชป่าจังหวัดหนองคาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่วนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าตรวจพื้นที่ป่าบริเวณภูยาอ่าว ต.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีผู้บุกรุกแผ้วถางป่าบริเวณดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางประมาณ 1 ไร่เศษ เพื่อทำเป็นที่พัก นอกนั้นยังพบ อุปกรณ์ เช่นเลื่อย มีด  แกลลอนบรรจุน้ำมัน เพิงสำหรับพัก 1 หลัง ห้องน้ำ 1 หลัง แคร่สำหรับนั่ง 1 อัน ไม้ที่ตัดเป็นท่อนๆ เตรียมสร้างที่พัก ไม้ไผ่ที่สับเป็นฝากจำนวนหนึ่ง  และติดธงทิวสีแดง และ ธงธรรมจักรสีเหลือง ติดอยู่ในบริเวณ ตรวจสอบบริเวณไม่พบผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดพื้นที่พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.นางิ้ว เพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน  จากนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองพันธุ์พืชป่า จังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ จัดเวรเฝ้ารักษาความปลอดภัยดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอด24 ชั่วโมง

       จากการสอบถามชาวบ้านที่พบเห็นทราบว่า ได้มีลูกศิษย์วัดวัดหนึ่งได้พากันเข้ามาบุกรุกแผ้วถางเพื่อจะทำเป็นที่พักสงฆ์ แต่ได้หลบหนีก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง
                  




       ภูญาอ่าว อยู่ในเขตตำบลนางิ้ว ตำบลสังคมและตำบลบ้านม่วง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดหนองคาย  853  เมตร จากระดับน้ำทะเล  การขึ้นไปบนยอดเขาจะไปได้ทางเดียว  คือการเดิน  ซึ่งค่อยข้างจะชัน  สภาพป่าค่อนข้างดี  ก่อนถึงยอดเขาต้องเดินทางผ่านสันเขา  ซึ่งมีความกว้างประมาณ 4 เมตร  ยาวประมาณ 30 เมตร  เหมือนกับมีคนสร้างไว้บนยอดเขาจะเป็นป่า เพ็ก มองเห็นทิวทัศน์ได้รอบด้าน ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว ป่าแก้งไก่ อยู่ในความดูแลของ ศูนย์คุ้มครองพันธุ์พืชป่า จังหวัดหนองคาย และวนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ และมีแนวโน้มจะประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ แห่งเดียวในจังหวัดหนองคา ซึ่งอนาคตพื้นที่ดังกล่าวสามารถจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติได้เป็นอย่างดี


ฤาษีลภ / ทีมข่าวจังหวัดหนองคาย







พาณิชย์หนองคาย ตรวจเข้มร้านค้าและโรงบรรจุก๊าซหุงต้มป้องกันเอาเปรียบผู้บริโภค




หนองคาย – สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย ร่วมกับพลังงานจังหวัดหนองคาย ชั่งตวงวัดเขต 2-2 อุดรธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเข้มร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มและโรงบรรจุก๊าซหุงต้ม ป้องกันเอาเปรียบผู้บริโภค เบื้องต้นพบผู้กระทำผิด 2 ราย 
         
       วันที่ 6 มิ.ย. 2561 นายจักรชินบุษย์ ชื่นอารมณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย  พร้อมด้วย นายวิทยา  ทองสัมฤทธิ์ พลังงานจังหวัดหนองคาย นายจุฑัชย์ มานิตกุล หัวหน้าสำนักงานสาขาชั่งตวงวัด เขต 2-2 อุดรธานี  ร้อยเอกจิราวัฒน์  แก้วจุมพล ตัวแทนจาก กกล.รส.จว.นค. ,นายปพน โคตรจรัส รองประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย  ,ตัวแทนสำนักงานจังหวัดหนองคาย สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย  และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย  ได้ร่วมกันออกตรวจสอบร้านค้าปลีกจำหน่ายก๊าซหุงต้มและโรงงานบรรจุก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือน ภายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองหนองคาย 




       สำหรับการออกตรวจครั้งนี้ เนื่องจากก๊าซหุงต้มเป็นสินค้าควบคุม เพื่อเป็นการป้องกันผู้ประกอบการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ภายหลังจากกระทรวงพลังงาน ได้ออกประกาศปรับราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน ผลการออกตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัด ที่ได้นำถังก๊าซที่ร้านจำหน่ายมาทำการชั่งน้ำหนัก พบมีร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มกระทำผิด 2 แห่ง เนื่องจากถังบรรจุก๊าชน้ำหนักไม่ครบตามจำนวน ซึ่งเป็นถังที่มาจากโรงบรรจุก๊าซแห่งเดียวกัน จึงให้ทั้งสองร้านเสียค่าปรับและให้ระมัดระวัง ตรวจสอบถังจำหน่าย  นอกจากนั้น ร้านบางแห่งไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ค่าขนส่งอย่างชัดเจน ซึ่งก็ได้ตักเตือนและให้นำป้ายราคามาปิดให้ผู้บริโภคมองเห็นชัดเจน
      




       นายจักรชินบุษย์ ชื่นอารมณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า การออกตรวจสอบร้านค้าและโรงบรรจุก๊าซหุงต้ม เพื่อให้ผู้จำหน่ายปลีกปรับราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้มให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน และให้ร้านค้าแสดงราคาจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มและค่าบริการขนส่ง ถังสถานที่ของผู้ซื้อ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาจำหน่าย หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากจำหน่ายสูงกว่าราคาที่ปิดป้าย จะมีความผิดตามมาตรา 25 (3) แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต้องระหว่างโทษ จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  หากประชาชนพบเห็นร้านค้าจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มไม่ติดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกจำหน่ายราคาสูงที่แสดงไว้หรือจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควรโปรดแจ้งที่สายด่วน 1569 หรือแจ้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย โทร. 042-411561 ต่อ 12




ไทย ออสเตรเลีย สปป.ลาว เปิดป้ายความสัมพันธ์สามประเทศ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1




หนองคาย – ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย  เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย และ เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมกันเปิดป้ายใหม่ความสัมพันธ์สามประเทศ สะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1
     
       วันที่ 6 มิ.ย. 2561 ที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย  นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมกับ นายพอล โรบิลเลียด (Paul Robilliard) เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้ร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดป้ายใหม่ สะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 โดยมีนายจีนส์ เบอร์นาด คาร์ราสโก (Jean Bernard Carrasco) เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายทองพูน สูนทะวง รองหัวหน้าด่านสากลสะพานมิตรภาพลาว ไทย 1 พร้อมคณะเข้าร่วม ซึ่งการเปิดป้ายใหม่ครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้ง 3 ประเทศไทย ประเทศออสเตรเลีย และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  ให้มีความแน่นแฟ้นต่อกันยิ่งขึ้น โดยใช้สะพานแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์
   




        สะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนการพัฒนาให้กับประเทศไทย และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การคมนาคมขนส่ง การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม พร้อมทั้งเป็นสัญลักษ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างไทย ลาว และออสเตรเลีย กว่า 24 ปี ตั้งแต่มีการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2537 โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเปิดสะพานแห่งนี้ ร่วมกับ นายหนูฮัก พูมสะหวัน ประธานประเทศลาวในขณะนั้น และนายพอล คีตติง นายกรัฐมนตรีแห่งออสเตรเลียในขณะนั้น
            
       จังหวัดหนองคาย ถือเป็นประตูสู่นครหลวงเวียงจันทน์ โดยมีสะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 และเส้นทางรถไฟสายหนองคาย- ท่านาแล้ง เชื่อมระหว่างสองประเทศ สามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างไทย ลาวได้โดยสะดวก จากข้อมูลด่านศุลกากรหนองคาย ในปีงบประมาณ 2560  มีสถิติรถยนต์เข้า ออก ด่านสะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 ทั้งที่เป็นรถบรรทุกสินค้า รถยนต์โดยสาร รถยนต์ส่วนบุคคล และรถเปล่า รวมทั้งสิ้น 1,336,188 คัน มูลค่าสินค้านำเข้า ส่งออก ผ่านศุลกากรหนองคาย ปีงบประมาณ 2560 มีมูลคู่รวมถึง 63,164 ล้านบาท บุคคลที่เดินทางผ่านเข้าออกราชอาณาจักร มีบุคคลสัญชาติไทย และลาว รวมถึงบุคคลสัญชาติอื่น  ทั้งสิ้น 4.013,968 คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ


ฤาษีลภ / มนเดช  ทีมข่าวจังหวัดหนองคาย





วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

มหัศจรรย์ข้าวพื้นเมืองอีสาน สืบปณิธานพ่อ สู่ความพอเพียง



หนองคาย - กรมการข้าว  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  โดยศูนย์วิจัยข้าวหนองคาย เปิดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ปี 2561 ชูแนวคิด มหัศจรรย์ข้าวพื้นเมืองอีสาน สืบปณิธานพ่อ สู่ความพอเพียงเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรมข้าวไทย สู่ความยั่งยืน
             
       วันนี้ (4 มิ.ย. 2561)  ที่ ศูนย์วิจัยข้าวหนองคาย ตำบลพระบาทนาสิงห์ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย  นายสัตวแพทย์ธนิตย์  อเนกวิทย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน วันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ ปี 2561 เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ โดยมี นายสุชาติ  ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมให้การต้อนรับ
              
       จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 เห็นชอบให้ วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็น วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และพระราชวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงให้ความสำคัญต่อกิจการด้านข้าว และเพื่อให้ประชาชนได้รำลึกถึงความสำคัญของข้าว อีกทั้งยังเป็นการเชิดชูเกียรติชาวนาในฐานะกระดูกสันหลังของชาติ รวมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้เทคโนโลยีด้านการผลิตข้าวครบวงจร  ในปี 2561นี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว จึงได้กำหนดจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวระดับประเทศ ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ ปี 2561 เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิตชาวนาไทย เพื่อก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และใช้แนวทางประชารัฐเพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหารและมีศักยภาพเป็นผู้นำข้าวในตลาดโลก
        




       เนื่องจากข้าวเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของภาคการเกษตร และก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ด้านข้าว เป็นโครงการตามนโยบายที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้การสนับสนุนชาวนามีการรวมกลุ่มมีการบริหารจัดการร่วมกันในการผลิตและจำหน่ายโดยมีตลาดรองรับที่ชัดเจน อีกทั้งยังสามารถให้ชาวนาลดต้นทุนการผลิตเพิ่มศักยภาพการผลิตทำให้ผลผลิตได้มาตรฐาน ซึ่งในปีนี้ จะได้มีการส่งเสริมการปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองในนาแปลงใหญ่ เพื่อนำไปสู่การยกระดับอาชีพชาวนาไทยและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชาวนา
                 





        สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย ขบวนแห่อัญเชิญพระแม่โพสพ บูชาพระแม่โพสพ และพระพิรุณ พิธีสู่ขวัญข้าว การแสดงผลงานของศูนย์วิจัยข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นิทรรศการสนองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นิทรรศการด้านพันธุ์กรรมข้าวพื้นเมือง ในหัวข้อ มหัศจรรย์ข้าวพื้นเมืองอีสาน สืบปณิธานพ่อ สู่ความพอเพียง นิทรรศการข้ามพันธุ์ใหม่ ในหัวข้อ ลือเลื่องข้าวพันธุ์ใหม่ นวัตกรรมข้าวไทย สู้ความยั่งยืน  การแปรรูปข้าวและผลิตภัณฑ์ รวมถึงการแสดงนิทรรศการมีชีวิต การสาธิตในแปลงนา เพื่อเทิดพระเกียรติ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาชาวนา แบบยั่งยืน  การจัดแสดงพันธุกรรมข้าวพื้นเมืองและการใช้ประโยชน์ การผลิตข้าวทันสมัยเพื่อยกระดับคุณภาพและรายได้แก่ชาวนา การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า การตลาด การสร้างแบรนด์ และ คลินิกเกษตรข้าวเคลื่อนที่ พร้อมทั้งจัดแสดงเครื่องจักรกลการเกษตร นอกจากนี้ ยังมีการแสดงผลงานขององค์กรชาวนา ปราสาทข้าวจำลองซึ่งประดับตกแต่งด้วยรวงข้าวอย่างสวยงาม การสาธิตเมนูอาหารที่รังสรรค์จากข้าวพันธุ์พื้นเมือง ชิมข้าวเหนียวมูนหลากสี หลากพันธุ์ พร้อมทั้งเลือกซื้อสินค้าหลากหลายภายในงาน โดยเฉพาะข้าวคุณภาพดี ข้าวพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพดีจากกลุ่มชาวนา ศูนย์ข้าวชุมชน และนาแปลงใหญ่ 
          




       ข้าวเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อประเทศ เนื่องจากสามารถสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตของคนไทยทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของข้าว รวมทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวนา จึงมีการกำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ

          ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ (รัชกาลที่ 9) ทอดพระเนตรการทำนาที่อำเภอบางเขน และทอดพระเนตรกิจการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งได้ทรงหว่านข้าวด้วยพระองค์เองในแปลงนา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานต่อชาวสยาม และข้าวไทย เป็นอย่างมาก การจัดงานครั้งนี้ มีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า  จำนวน 1,000 คน งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4- 5 มิ.ย. 61
















จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...