ส.อบต.น้ำโมง จ.หนองคาย เลี้ยงวัวขายขาดทุน หันมาเพาะพันธุ์หนูนาเป็นอาชีพเสริม ลงทุนหลักร้อย รายรับ 15,000 บาทต่อเดือน

        นายถาวร ศรีคำ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 5 บ้านอุ่มเย็น ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำโมง ผู้มีอาชีพเสริมคือการเพาะเลี้ยงหนูนาขาย กล่าวว่า  เมื่อก่อนตนมีอาชีพเลี้ยงวัว โดยได้ซื้อพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มา 150,000 บาท มาขยายพันธุ์ได้วัว 14 ตัว จนกระทั่งเมื่อปี 2548 เกิดน้ำท่วม จึงตัดสินใจขายวัวทั้งหมด ได้เงินมา 110,000 บาท ขาดทุนยับเยิน จึงได้แค่ทำไร่ทำนามาเลื่อยมา ก็เลยมีความคิดที่จะเลี้ยงหนูนาเป็นอาชีพเสริม

       การเริ่มต้นเลี้ยงหนูนาได้ไม่ยาก ตนไม่ได้ศึกษาจากที่ไหน  คิดวิธีในการเลี้ยงเอง โดยไปดักจับหนูตามไร่นา ลองนำมาปล่อยใส่โอ่งมังกร หวังเลี้ยงให้ตัวโตก่อนนำไปขาย ต่อมาก็ไปขอซื้อหนูจากชาวนาที่จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 2 ตัวๆละ 100 บาทมาเลี้ยง หลังจากเลี้ยงไม่นานเห็นหนูนาตัวใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วก็เตรียมนำไปขายแต่พบแม่หนูหลายตัวตกลูกหนูจำนวนมาก จึงทดลองคัดพ่อ-แม่พันธุ์มาเลี้ยงเป็นคู่เพื่อหวังให้แพร่พันธุ์ต่อ จนในที่สุดได้มีลูกหนูเพิ่มจำนวนขึ้น จึงได้ขยายพื้นที่เลี้ยงหนูนาสร้างรายได้เสริมแทนการเลี้ยงวัว โดยวิธีการเพิ่มพื้นที่เลี้ยงด้วยการก่ออิฐบล็อกทำเป็นบ่อเลี้ยง และสั่งชื้อท่อซีเมนต์  โดยนำสองท่อมาต่อให้สูงประมาณ 1 เมตร เป็นบ่อเลี้ยงหนูนา ซึ่งล่าสุดมีจำนวน 18 บ่อ โดยมีหนูนาหลายขนาดรวมจำนวน กว่า 300 ตัว โดยแม่หนูจะตกลูกครั้งละ 8-12 ตัวทุก 3 เดือน เลี้ยงได้ประมาณ 6 เดือนหนูก็จะโตเต็มที่ สามารถจับขายได้เลย โดยจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาจากจังหวัดเลยมาจองและรับซื้อถึงที่ ขายอยู่ที่ตัวละ 90-100 บาท ถือเป็นการลงทุนที่ไม่สูงมากแต่สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวเพิ่มถึงเดือนละ 10,000 - 15,000 บาท.

กลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตร นวัตวิถีชุมชนหาดคำ ร่วมมือกับเทศบาลตำลบหาดคำ และภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรม “แรลลี่ขี่รถถีบ เบิ่งวิถีหาดคำ”เพื่อส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

       วันที่ 15 ต.ค. 2561 ที่ห้องประชุมโรงแรมเฮือนหาดคำ เขตเทศบาลตำบลหาดคำ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย กลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตร นวัตวิถีชุมชนหาดคำ เทศบาลตำบลหาดคำได้มีการจัดแถล่งข่าวกิจกรรม โครงการ“แรลลี่ขี่รถถีบ เบิ่งวิถีหาดคำ” โดยมีผู้เข้าร่วมแถล่งข่าว ประกอบด้วย จ.อ.กรวิษ แสนสุพรรณ์ หัวหน้าฝ่ายป้องและรักษาความสงบ เทศบาลตำบลหาดคำ,นางสาวสุภาพ นพเก้า ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย,นายอาภากร ตุลยานันท์ นายกสมาคมกีฬาจักรยานเพื่อสุขภาพหนองคาย,นายวรากร เจียรเสริมสิน นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย, อ.นิพนธ์ พลศักดิ์ ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักจักรยานหนองคายและนายปรีชา มาลาศรี ประธานกลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตร นวัตวิถีชุมชนหาดคำ

       ด้าน จ.อ.กรวิษ แสนสุพรรณ์ หัวหน้าฝ่ายป้องและรักษาความสงบ เทศบาลตำบลหาดคำ กล่าวว่า การท่องเที่ยวเชิงเกษตรมีบทบาททำให้ชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเทศบาลตำบลหาดคำมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงและประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้กลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตร นวัตวิถีชุมชนหาดคำ ได้เล็งเห็นและคิดจะพัฒนาพื้นที่ตำบลหาดคำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรขึ้นเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวให้ชุมชนและเยาวชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมและเรียนรู้ชุมชนของตนเองสร้างแนวทางการประกอบอาชีพ

        สำหรับกิจกรรม “แรลลี่ขี่รถถีบ เบิ่งวิถีหาดคำ”โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 ตั้งแต่เวลา 15.00 – 18 .00 น.ซึ่งจะเป็นการปั่นจักรยานเพื่อผ่านจุดท่องเที่ยวและยังมีการแวะทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามฐานกิจกรรม มีระยะทางถึง 6.5 กิโลเมตร และยังมีการให้มีร้านค้าของชุมชนเข้ามาขายสินค้าชุมชนในงาน เพื่อสร้างอาชีพและทางเลือกใหม่และเพื่อให้คนในชุมชขนและเยาวชนในพื้นที่ตำบลหาดคำได้เรียนรู้กิจกรรมที่มีประโยชน์แก่ชุมชนตนเอง

จังหวัดหนองคาย จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (มีคลิป)

       วันนี้ (14ต.ค. 2561) ที่ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี(ลานน้ำพุพญานาค)  อำเภอเมืองหนองคาย  จังหวัดหนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สำหรับกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ครั้งนี้ ด้วยรัฐบาลได้กำหนดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและกิจกรรมน้อมรำลึกเนื่องในโอกาส เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคม 2561  และวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 23 ต.ลาคม 2561 ในห้วงวันที่ 12-13 ตุลาคม 2561

       กิจกรรมประกอบด้วย การพัฒนาสิ่งแวดล้อมกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ในทุกตำบล กิจกรรมปลูกป่าปลูกต้นไม้ ภายใต้ชื่อ จิตอาสาพัฒนาปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้เนื่องในวันต้นไม้ประจำชาติ ในวันที่ 12 ตุลาคม 2561  และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยจิตอาสาที่เข้ากิจกรรม “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในพื้นที่อำเภอเมืองหนองคาย และเทศบาลเมืองหนองคาย ส่วนราชการระดับจังหวัด/ระดับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

หนองคาย สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และประชาชนจิตอาสา ร่วมใจปลูกป่า ตามรอยเท้าพ่อ ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

         วันที่ 13 ต.ค. 2561 ที่ป่าชุมชนบ้านห้วยหินขาว ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย นักศึกษาสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอโพธิ์ตาก จัดโครงการปลูกป่า ตามรอยเท้าพ่อ ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  โดยมีนายพิทยา ชำนาญเนียม ปลัดอาวุโสอำเภอโพธิ์ตาก รักษาราชการแทนนายอำเภอโพธิ์ตาก ให้การต้อนรับ พร้อมนำประชาชนจิตอาสาบ้านห้วยหินขาว ร่วมใจปลูกผักหวานป่าและเห็ดนาๆ ชนิด บนเนื้อที่ 500 ไร่ ของป่าชุมชนบ้านห้วยหินขาว เพื่อให้เป็นแหล่งโซ่อาหารของชาวบ้าน

        นางกาญจนา  มูลอาจ เลขาธิการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี  กล่าวว่า กิจกรรมในวันที่ สืบเนื่องมาจากว่าทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอโพธิ์ตาก ได้ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP นวัตวิถี  และหนึ่งผลิตภัณฑ์บ้านห้วยหินขาว ก็คือ เห็ดระโงกและผักหวานป่า  ดังนั้นทีมนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมหารือกันว่าเราควรจะมาร่วมกิจกรรม ประกอบกับวันนี้เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงร่วมกันกับนักศึกษามาทำกิจกรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน  ซึ่งเราก็คาดหวังว่ามันจะเป็นการปลูกป่าเพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านด้วย ต้นไม้ที่มาปลูกก็คือผักหวานป่า ซึ่งเป็นต้นไม้พืชเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความนิยม รวมถึงเห็ดสายพันธุ์ต่างๆ ที่เรานำมาปลูก ประกอบด้วย เห็ดระโงก เห็ดเผาะ  เห็ดตับเต่า และเห็ดโคน ซึ่งเห็ดเหล่านี้ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถเจริญเติบโตด้วยตัวเองในป่าธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการสร้างคุณภาพที่ยั่งยืนให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป.