จังหวัดหนองคาย เตรียมจัดงานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ใต้ร่มพระบารมี 193 ปี เมืองหนองคาย และงานกาชาด ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 5-13 มีนาคมนี้ รวม 9 วัน 9 คืน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมงาน และสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศล

วันที่ 14 ก.พ. 63 ที่ ศาลากลางจังหวัดหนองคาย (หลังเก่า) อ.เมืองหนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยนายยุทธนา  ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย พลตำรวจตรีสุรชัย สังขพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย นายกำภล เมืองโคตร นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย และนายอาทร จันทร์พิลา ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวเตรียมจัดงานจัดฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ใต้ร่มพระบารมี 193 ปี เมืองหนองคาย และงานกาชาด ประจำปี 2563 ขึ้น ระหว่างวันที่ 5-13 มีนาคม 2563 ณ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติฯ, บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ศาลากลางจังหวัดหนองคาย (หลังเดิม) และพื้นที่ใกล้เคียง ระยะเวลาการจัดงาน 9 วัน 9 คืน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมงาน และสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศล

กิจกรรมสำคัญภายในงาน มีการแสดงผลงาน ตามแนวทาง “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” / การแสดงประกอบแสง สี เสียง ใต้ร่มพระบารมี 193 ปี เมืองหนองคาย และตำนานสงครามปราบกบฏฮ่อ / การแข่งขันกีฬาปราบฮ่อ ครั้งที่ 16 ประกอบด้วย วอลเลย์บอลในร่ม, เซปัคตะกร้อ, เปตอง, ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล และกีฬาอื่นๆ / การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) การคัดเลือกคนดีศรีหนองคาย และถนนอาหาร “ปลอดแอลกอฮอล์” เป็นต้น กิจกรรมสำคัญในวันที่ 5 มีนาคม ในช่วงเช้าจะเป็นพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ และอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนปราบปรามกบฏฮ่อ พิธีบายศรีเมือง และช่วงเย็นจะมีพิธีเปิดงานฯ

นอกจากนี้ ก็มีการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังให้ชมทุกคืน ทั้ง 9 คืน โดยวันที่ 5 มีนาคม วง ปู-พงษสิทธิ์ คัมภีร์ วันที่ 6 มีนาคม วง เนสกาแฟ ศรีนคร วันที่ 7 มีนาคม วง ลาบานูน วันที่ 8 มีนาคม วง เต้ย อภิวัฒน์  วันที่ 9 มีนาคม วง ฮันแนว ปรีชา ปัดภัย วันที่ 10 มีนาคม วง กระต่าย พรรณิภา วันที่ 11 มีนาคม วง มหาหิงค์ วันที่ 12 มีนาคม วง มาลีฮวนน่า และวันที่ 13 มีนาคม วง ยังโฮม ที่สำคัญเวทีคอนเสิร์ต งานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ฯ ในปีนี้จะมีการแสดงของภาคราชการ และภาคเอกชน และการร้องเพลงเพื่อการกุศลภายใต้งาน “ ตุ้มโฮม ของดี เมืองหนองคาย : Amazing Nongkhai อีกด้วย

ภายในงานยังมีการออกร้านกาชาด การจำหน่ายสลากกาชาดการกุศล โดยจำหน่ายราคาใบละ 100 บาท (สลากจำนวน 50,000 ฉบับ) ซึ่งจะทำการออกรางวัลในวันที่ 13 มีนาคม 63 เวลา 22.00 น. ณ เวทีกาชาด ในงานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ่อฯ โดยมีของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทเศษ ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล เป็นรถยนต์เก๋ง ALL-NEW MAZDA 3  5D รุ่น C ( มูลค่า 969,000 บาท) รางวัลที่ 2 มี 1 รางวัล เป็นรถยนต์เก๋ง All New MG3 1.5 Hatchback C (มูลค่า 519,000 บาท) และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย

​วันที่ 12 ก.พ. 63 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมพระใส ศาลากลางจังหวัดหนองคาย ชั้น 2 นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมให้การต้อนรับ นายลี อุก ฮอน (H.E. Mr. Lee Wook-heon) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย

​ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ไทยและเกาหลีได้มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมีการประสานงานกัน ในส่วนของจังหวัดหนองคาย ประเทศไทย มีความสำคัญเช่นกัน โดยมีพื้นที่ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งก็จะมีประชากรชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ได้ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดหนองคาย อยากให้ช่วยดูแลคนเกาหลีที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดหนองคาย นอกจากนี้ หารือแลกเปลี่ยนการเป็นเมืองพี่น้อง (Sister Cities) รวมทั้งในการที่จะมาร่วมมือพัฒนาในจังหวัดหนองคาย

​ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เสนออยากให้ชาวเกาหลีมาลงทุนที่จังหวัดหนองคาย เนื่องจากเป็น 1 ในจังหวัดที่ประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งผู้มาลงทุนจะได้รับสิทธิการลดภาษี รวมทั้งการรองรับด้านการค้าขายเมื่อการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจากจีนถึงเวียงจันทน์ ดำเนินการแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ ในส่วนด้านการท่องเที่ยว ก็ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีมาท่องเที่ยวที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติหลากหลาย ซึ่งทางเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย จะได้นำไปประชาสัมพันธ์ในหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และการประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวเกาหลีมาท่องเที่ยวที่จังหวัดหนองคาย จากข้อมูลปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีมาเที่ยวประเทศไทย จำนวน 1 ล้าน 9 แสนคน

"สู่สรวงสวรรค์ สุดอาลัยกำนันเตี้ย" ญาติจัดพิธีฌาปนกิจศพแล้วกำนันหญิงนักพัฒนาและนักอนุรักษ์ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนร่วมส่งวิญญาณจำนวนมาก ส่วนคดีคืบหน้าไปมากไม่สามารถพูดได้กลัวเสียรูปคดี

   
วันที่ 12 ก.พ. 63 ณ เมรุชั่วคราว วัดบ้านดงต้อง หมู่ 6 ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย บรรดาญาติๆได้ทำพิธีฌาปนกิจศพนางกรรณิการ์ วงค์ศิริ หรือกำนันเตี้ย อายุ 52 ปี กำนันตำบลผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย กำนันหญิงนักพัฒนาและนักอนุรักษ์ ซึ่งถูกมือปืนอำมหิตใช้อาวุธปืน บุกยิงถึงในห้องครัวบ้านตัวเอง เป็นที่ทำการกำนันตำบลผาตั้ง  เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2563 โดยมี นางสาวศิริกัลยา  กิจรักษา นายอำเภอสังคม เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ มี พ.ต.อ.ณรงค์  ตันดี  ผกก.สภ.สังคม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจาก 36 หมู่บ้าน และประชาชนร่วมในพิธีจำนวนมาก
       
ส่วนคดีคืบหน้าไปมาก แต่ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากจะทำให้เสียรูปคดี

คณะครูโรงเรียนศศิกานต์วิทยา อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นำนักเรียน 215 คน ทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง นำไปใช้ในการเรียนการศึกษา และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

วันที่ 10 ก.พ. 62 คณะครูโรงเรียนศศิกานต์วิทยา ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นำโดย นางปานธิพา สุวรรณแสง ผอ.โรงเรียนศศิการต์วิทยา ได้จัดโครงการ "ทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่" เพื่อศึกษาด้านเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยเท้าพ่อ ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ต.น้ำโมง อ ท่าบ่อ จ.หนองคาย โดยมีครูแดงบ้านศิลป์ไทย และครูเบิ้มบ้านเติมศิลป์ ร่วมให้การต้อนรับและเป็นวิทยากรนำเยี่ยมชมภายในบริเวณบ้านทุ่งศิลป์ครูแดง พื้นที่ 19 ไร่เศษ ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์แบบบูรณาการ ตามแนวพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9

นางปานธิพา สุวรรณแสง ผอ.โรงเรียนศศิกานต์วิทยา กล่าวว่า คณะครูโรงเรียนศศิกานต์วิทยา จำนวน 12 คน ได้นำนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 215 คน มาทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ซึ่งเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนที่สำคัญอย่างมากอยากหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้ได้รับความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่ศึกษาอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนอย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น  เพราะการพาผู้เรียนไปทัศนศึกษาถือว่าเป็นวิธีการที่ทำให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้และสามารถพัฒนาผู้เรียนในด้านร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคม อีกทั้งเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ  จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นเพิ่มพูลและส่งเสริมสมรรถภาพของผู้เรียนให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง นำไปใช้ในการเรียนการศึกษา และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้