วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ชาวท่าบ่อปั่นรวมใจ เทิดไท้องค์ราชา เฉลิมพระเกียรติในหลวง 71 พรรษา 7 กม.

พสกนิกรชาวท่าบ่อ จ.หนองคาย กว่า 2,000 คนปั่นรวมใจ เทิดไท้องค์ราชา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เจริญพระชนมายุครบ 71 พรรษา ระยะทาง 7 กิโลเมตร เยี่ยมเยียนพร้อมมอบถุงพระราชทานให้กับผู้ป่วยติดเตียง 2 ราย


วันที่ 26 ก.ค.66 ที่ ลานวัฒนธรรมเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปั่นรวมใจ เทิดไท้องค์ราชา เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงพระชนมายุ 71 พรรษา




โดยอำเภอท่าบ่อ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ ร่วมกับส่วนราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชนในอำเภอท่าบ่อ ได้ร่วมกันจัดทำโดรงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยมีนางสาวชนาธิป เกาะสูงเนิน ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทนนายอำเภอท่าบ่อ ได้กล่าวต้อนรับและกล่าววัตถุประสงค์ของโครงการฯ พญ.ฤดีมน สกุลคู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ เป็นผู้กล่าวรายงานความสำคัญของโครงการฯ



การดำเนินโครงการครั้งนี้ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงก่อตั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช  เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง ด้วยการปั่นจักรยานออกกำลังกาย  เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ และเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับผู้ป่วยติดเตียงในเขตอำเภอท่าบ่อ



กิจกรรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 2,000 คน โดยได้รับความอนุเคราะห์ และความร่วมมือจากส่วนราชการต่างๆ อาทิเช่น เทศบาลเมืองท่าบ่อ เทศบาลตำบลกองนาง  สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ กิ่งกาชาดท่าบ่อ กู้ภัยฯ ชมรมจักรยานอำเภอท่าบ่อ อาสาสมัครและประชาชนผู้มีจิตสาธารณะ  กรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อทุกคน



ในส่วนกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วยการออกกำลังกาย "ออกแฮงแยงคิง" เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมร่างกาย ต่อด้วยการปั่นจักรยานร่วมกัน ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร  และกิจกรรมเยี่ยมเยียนพร้อมมอบถุงพระราชทาน พระบรมฉายาลักษณ์ ให้กับผู้ป่วยติดเตียงในเขตตำบลกองนาง จำนวน 2 ราย ได้แก่ นางนงลักษณ์ บทมาตย์ อายุ 63 ปี และ นางเอียง พันธุระ อายุ 77 ปี 







พสกนิกรชาวท่าบ่อ จ.หนองคาย กว่า 2,000 คนปั่นรวมใจ เทิดไท้องค์ราชา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เจริญพระชนมายุครบ 71 พรรษา ระยะทาง 7 กิโลเมตร เยี่ยมเยียนพร้อมมอบถุงพระราชทานให้กับผู้ป่วยติดเตียง 2 ราย


วันที่ 26 ก.ค.66 ที่ ลานวัฒนธรรมเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปั่นรวมใจ เทิดไท้องค์ราชา เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริ


สมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงพระชนมายุ 71 พรรษา


โดยอำเภอท่าบ่อ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ ร่วมกับส่วนราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชนในอำเภอท่าบ่อ ได้ร่วมกันจัดทำโดรงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยมีนางสาวชนาธิป เกาะสูงเนิน ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทนนายอำเภอท่าบ่อ ได้กล่าวต้อนรับและกล่าววัตถุประสงค์ของโครงการฯ พญ.ฤดีมน สกุลคู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ เป็นผู้กล่าวรายงานความสำคัญของโครงการฯ


การดำเนินโครงการครั้งนี้ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงก่อตั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช  เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง ด้วยการปั่นจักรยานออกกำลังกาย  เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ และเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับผู้ป่วยติดเตียงในเขตอำเภอท่าบ่อ


กิจกรรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 2,000 คน โดยได้รับความอนุเคราะห์ และความร่วมมือจากส่วนราชการต่างๆ อาทิเช่น เทศบาลเมืองท่าบ่อ เทศบาลตำบลกองนาง  สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ กิ่งกาชาดท่าบ่อ กู้ภัยฯ ชมรมจักรยานอำเภอท่าบ่อ อาสาสมัครและประชาชนผู้มีจิตสาธารณะ  กรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อทุกคน


ในส่วนกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วยการออกกำลังกาย "ออกแฮงแยงคิง" เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมร่างกาย ต่อด้วยการปั่นจักรยานร่วมกัน ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร  และกิจกรรมเยี่ยมเยียนพร้อมมอบถุงพระราชทาน พระบรมฉายาลักษณ์ ให้กับผู้ป่วยติดเตียงในเขตตำบลกองนาง จำนวน 2 ราย ได้แก่ นางนงลักษณ์ บทมาตย์ อายุ 63 ปี และ นางเอียง พันธุระ อายุ 77 ปี 


วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ครูแดงบ้านศิลป์ไทยพาเด็กๆ เข้าค่ายทำนา ขี่ควายชมทุ่ง เรียนรู้กับการสัมผัสวิถีชีวิตชาวนา

ชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย จ.หนองคาย จัดกิจกรรม"ค่ายศิลปะการดำนา ขี่ควายชมทุ่ง" เปิดโอกาสให้เด็กในเมืองได้เรียนรู้กับการสัมผัสวิถีชีวิตชาวนา ณ บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ห้องเรียนธรรมชาติที่รังสรรค์ไว้ให้เด็กๆ 


วันที่ 22 ก.ค.66 ที่ ชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย ตั้งอยู่ภายในบริเวณบ้านทุ่งศิลป์ครูแดง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นางศิริพร ขนุนใหญ่  รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำโมง เป็นประธานเปิดกิจกรรม "ค่ายศิลปะการดำนา ขี่ความชมทุ่ง" ประจำปี 2566 โดย นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือครูแดง ประธานชมรมฯและเป็นเจ้าของสถานที่ จัดให้มีขึ้นครั้งนี้เป็นค่ายลำดับที่ 79 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ผู้ปกครองของเด็กร่วมพิธีเปิด




ภายหลังพิธิเปิดกิจกรรม ครูแดงพาเด็กๆในเมืองอายุ 5-12 ปี จำนวน 11 คน เรียนรู้กับวิถีชีวิตของชาวนา ด้วยการหาปลาในบ่อเลี้ยงปลาภายบริเวณในบ้านทุ่งศิลป์ฯ ด้วยอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายๆ ในท้องถิ่น เช่น ตึกสะดุ้ง(ยกยอ) และทอดแห ต่อด้วยพาเด็กๆ ไปขี่ควายที่มาร่วมในกิจกรรมจำนวน 2 ตัว มีชื่อว่าเจ้าเพชรสงคราม และเจ้าเพชรยินดี  ของ "สิงห์คำเลาะฟาร์ม" อ.สระใคร จ.หนองคาย ซึ่งควายทั้ง 2 ตัวมีมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท มาให้เด็กๆได้ขี่  โดยเด็กๆ ต่างมีความตื่นตาตื่นใจ กับการที่ได้ขี่ควายเป็นครั้งแรกในชีวิต




จากนั้นครูแดงได้พาเด็กๆ มาที่ทุ่งนาเพื่อสาธิตวิธีปักต้นกล้า ครูแดงบอกว่า "การปักต้นกล้าไม่ใช่ว่ากำต้นปักลงไปในดินเฉยๆ แต่ต้องใช้นิ้วหนึ่งนำ นิ้วหนึ่งกลบดินตามหลัง ไม่อย่างนั้นต้นข้าวจะล้มได้" เมื่อเด็กๆ รู้วิธีทำแล้ว ก็เรียงแถวลงปักต้นกล้าในนา ซึ่งเด็กๆ ได้เล่นดินย่ำโคลนเลอะเทอะกันอย่างสนุกสนาน ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเด็กในสมัยนี้



การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เด็กๆ นอกจากจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวนาและธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เด็กๆ ยังได้เรียนรู้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของการพึ่งพาตนเอง และเข้าใจว่าคนเป็นส่วนหนึ่งและสัมพันธ์กับทุกสิ่งในธรรมชาติ  และนำสิ่งที่ได้สัมผัส ไปวาดภาพระบายสี  เพื่อให้มีความคิดสร้างสรรค์  สร้างจินตนาการ


ทั้งนี้บ้านทุ่งศิลป์ครูแดง มีเนื้อที่ 19 ไร่เศษ ภายในบริเวณมีการทำการเกษตรสวนผสม ปลูกข้าว ทำนา เลี้ยงปลา และเป็นพื้นที่ศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆ ควบคู่กับการสอนศิลปะเด็ก หรือ"เกษตรศิลป์" และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมค่ายต่างๆ ตามฤดูกาล อาทิ ค่ายศิลปะการดำนา, ค่ายศิลปะการเกี่ยวข้าว, ค่ายศิลปะจับกบไง, ค่ายศิลปะแหย่ไข่มดแดง , ค่ายศิลปะกล้วย...กล้วย และกิจกรรมอื่นๆ สำหรับเด็กอีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นห้องเรียนธรรมชาติที่รังสรรค์ไว้ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กับการสัมผัสวิถีชีวิต นั่นเอง












เศร้า! หญิงวัย 57 ปี ป่วยหลายโรคมานาน 7 ปี ใช้เชือกไนล่อนผูกคอตัวเองเสียชีวิต


สามีตื่นเช้ามาไม่เจอภรรยา  ออกตามหาพบผูกคอตายกับรั้วข้างบ้าน ญาติเผยผู้ตายป่วยหลายโรคมานาน 7 ปี สามีพากลับมาอยู่บ้านได้แค่ 3 สัปดาห์ก็มาคิดสั้นผูกคอตาย คาดคงเครียดทั้งเรื่องเงินไม่พอใช้และโรครุมเร้า


วันที่ 22 ก.ค.66 ที่ บ้านเลขที่ 133/1 บ้านเสียว หมู่ที่ 7 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ญาติพี่น้องและชาวบ้านได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ทำพิธีสวดอภิธรรมให้กับ นางยุ่น คำใบ อายุ 57 ปี ที่ได้คิดสั้นผูกคอตายลาโลก เมื่อช่วงเวลาประมาณ  5.30 น. ของเช้าตรู่วันนี้ (22 ก.ค ) ในสภาพนุ่งชุดนอนผูกคอตายที่บริเวณคานยึดลูงกรงรั้วข้างบ้านของเพื่อนบ้าน ตรวจสอบพบรอยเขียวช้ำที่ลำคอ และเชือกไนล่อน ตามร่างกายไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย 



นายสนาม คำใบ อายุ 62 ปี สามีของผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายป่วยหลายโรคมานาน 7 ปี เมื่อก่อนก็ไปอาสัยอยู่กับตนที่ จ.สมุทร ปราการ ซึ่งตนมีอาชีพขับรถบรรทุก 10 ล้อให้กับบริษัทในสมุทรปราการ พอผู้ตายเริ่มป่วยหนักจึงพากลับมารักษาที่บ้าน ก่อนที่ผู้ตายจะคิดสั้นก็ไม่มีท่าทีอะไร  เมื่อคืนก็พูดคุยกันตามปกติ ไม่ได้แสดงอาการอะไร และไม่พูดอะไรให้สงสัย 



จนกระทั่งตอนเช้าเวลาประมาณ 5.00 น. ผู้ตายจะตื่นก่อนตน เพื่อลุกขึ้นมานึ่งข้าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 6.00 น. ตนก็ลุกออกจากห้องนอน แต่ไม่พบผู้ตาย คิดว่าคงจะไปเดินออกกำลังกาย แต่ผู้ตายหายไปนานจนผิดสังเกตุ จึงโทรฯหาผู้ตายและเดินดูรอบๆ บ้าน พบภรรยาผูกคอตายอยู่รั้วข้างบ้าน จึงได้บอกญาติและแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ



นางบัวไหล เสียวสุด อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นป้าของผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายป่วยมานานหลายโรค ทั้งความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ  ซึ่งผู้ตายก็เคยบ่นกับญาติพี่น้องอยู่หลายครั้ง ว่าอยากจะตาย คิดว่าคงน้อยใจทั้งเรื่องเงิน เรื่องอยู่เรื่องกิน และฐานะทางบ้านที่เป็นอยู่  เมื่อก่อนไปอยู่กับสามีผึ้งกลับมาอยู่บ้านได้แค่ 3 สัปดาห์ ช่วงที่มาอยู่ผู้ตายกินข้าวก็กินไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะคิดสั้นผูกคอตายจริงๆ คาดว่าน่าจะมาจากเรืองเงินที่ไม่พอใช้และมีโรครุมเร้า

 

หลังจนท.ตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ กู้ภัยประจักษ์จุดอำเภอศรีเชียงใหม่ และแพทย์จากโรงพยาบาลศรีเชียงใหม่มาชันสูตรพบว่าเสียชีวิตมานานกว่า 1 ชม.และเสียชีวิตจากการขาดอาการหายใจ และญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ทางญาตินำไปบำเพ็ญกุศลทางประเพณีต่อไป








จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...