หนองคาย - โรงเรียนร่วมมิตรวิทยา เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬานักเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน “สพฐ. เกมส์” ประจำปี 2561 ภายใต้ชื่อ "ร่วมมิตรเกมส์" รอบคัดเลือกตัวแทนกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษาที่ 8

       วันนี้ 14 ธ.ค. 2561 ที่สนามกีฬาโรงเรียนร่วมมิตรวิทยา ตำบลนาข่า อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นายคำดี จันทะเกษ ผู้อำนวยการโรงเรียนร่วมมิตรวิทยา ร่วมกับคณะผู้บริหาร ครู นักเรียน เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬานักเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน "สพฐ เกมส์" ประจำปี 2561 ภายใต้ชื่อ "ร่วมมิตรเกมส์" โดยมี นายอภิชัย ทำมาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปถมศึกษาหนองคาย เขต 1 เป็นประธานเปิดการแข่งขัน

       สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ มีนักเรียนของกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษาที่ 8 หรือท่าบ่อ 3 เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 9 โรงเรียนในพื้นที่ตำบลบ้านว่าน  ตำบลโคกคอน และตำบลนาข่า ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านว่าน , โรงเรียนบ้านแสนสุข , โรงเรียนครุศิษย์วิทยา ,  โรงเรียนบ้านเป้า , โรงเรียนบ้านโคกคอน , โรงเรียนบ้านหนองผือ , โรงเรียนบ้านโพนพระ , โรงเรียนบ้านกวดโคกสว่าง และโรงเรียนร่วมมิตรวิทยา  ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมสุขภาพพลานามัยของนักเรียนและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์  เพื่อให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเล่นกีฬา เห็นคุณค่าและความสำคัญของการเล่นกีฬา  ส่งเสริมให้นักเรียนแสดงความสามารถและพัฒนาศักยภาพด้านกีฬา เพื่อปลูกฝังให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย  ที่สำคัญในการแข่งขันครั้งนี้เพื่อคัดเลือกนักกีฬา-กรีฑาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในระดับเขตพื้นที่การศึกษาต่อไป

        โดยได้จัดการแข่งขันกีฬา 11 ประเภท ได้แก่ ฟุตบอลชาย  ฟุตบอลหญิง  วอลเลย์บอลชาย  วอลเลย์บอลหญิง  เซปักตะกร้อชาย  เซปักตะกร้อหญิง  เปตองชาย  เปตองหญิง และการแข่งขันกรีฑา 11 รายการ

หนองคาย - กระทรวงดิจิทัลฯ เร่งผลักดัน “เครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ” พัฒนาคนในหมู่บ้านเป็นอาสาสมัครนำดิจิทัล ส่งเสริมการใช้ประโยชน์-ขับเคลื่อนต่อยอดสร้างการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านเน็ตประชารัฐทั้ง 24,700 หมู่บ้าน เชื่อเน็ตอาสาประชารัฐช่วยกระตุ้นพัฒนาจุดแข็ง สร้างโอกาสและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับหมู่บ้านในชุมชน

       วันนี้ 13 ธ.ค. 2561  ที่ห้องประชุมโรงแรมรอยัลนาคารา อำเภอเมืองหนองคาย    ดร.พิเชฐ  ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงาน“การพัฒนาเครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ”  โดยมี นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นายประยุตต์ บุญญาศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที เข้าร่วมพิธีเปิด

      ดร.พิเชฐ  ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การพัฒนาเครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ  โดยสร้างบุคลากรในพื้นที่ เป็นตัวแทนอาสาสมัครจากหมู่บ้านใน  เพื่อเป็นกลไกพัฒนาและส่งเสริมการใช้ดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนต่อยอดสร้างการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านเน็ตประชารัฐทั้ง 24,700 หมู่บ้าน ให้ส่งผลดีต่อชุมชนสังคมโดยรวม  จะเป็นเครือข่ายอาสาสมัครขนาดใหญ่ระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐ ในการร่วมกันส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้หลุดพ้นจากความยากจนไปสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงดิจิทัลฯ เร่งผลักดันด้วยการพัฒนาสร้างบุคลากรในพื้นที่    และผู้สนใจทั่วไปร่วมเป็นตัวแทนอาสาสมัครจากหมู่บ้านในพื้นที่โครงการเน็ตประชารัฐ หมู่บ้านละ 1 คน เพื่อทำหน้าที่นำดิจิทัลไปพัฒนาและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านเน็ตประชารัฐ

       ทั้งนี้ ในการพัฒนาเครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐจะมีการอบรมให้กับอาสาสมัครทั่วประเทศจำนวน 77 ครั้ง ระหว่างพฤศจิกายน 2561 ถึงกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้จัดอบรมไปแล้วจำนวน 11 รุ่น มีผู้กลับไปทำหน้าที่ ปัจจุบันมีเน็ตอาสาประชารัฐ 1,851 คน ในครั้งนี้เป็นการอบรมรุ่นที่ 12 ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งมีผู้อาสาทำหน้าที่เป็นเน็ตอาสาประชารัฐครบทุกหมู่บ้านในพื้นที่เน็ตประชารัฐถึง 179 คน

       หัวใจสำคัญของ “เครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ” คือการแลกเปลี่ยนและสร้างเครือข่ายการพัฒนาดิจิทัลในระดับหมู่บ้าน สร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความร่วมมือ หรือศึกษาดูงานระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายเน็ตประชารัฐ  โดยกระทรวงฯ ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น “เครือข่าย เน็ตอาสาประชารัฐ” เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายในการสื่อสาร การแจ้งปัญหา การแจ้งข่าวสารกิจกรรมเพื่อถ่ายทอดให้กับประชาชนในหมู่บ้าน อาทิ วิธีการหาข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต การขายของออนไลน์ การพยากรณ์อากาศ การเกษตร การดูแลสุขภาพ เป็นช่องทางในการแจ้งความต้องการของพื้นที่ รวมถึงเป็นช่องทางในการแจ้งเหตุข้อขัดข้องได้ทันที โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์และสามารถติดตามสถานการณ์แก้ไขได้ รวมถึงเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารกับเครือข่ายในพื้นที่อื่นที่เกี่ยวข้องได้สะดวกยิ่งขึ้น

       นอกจากนี้ แอปพลิเคชั่น “เครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ” ยังใช้เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของหมู่บ้าน ของดี สินค้า เรื่องเล่า สถานที่ท่องเที่ยวผ่านแอปพลิเคชั่น โดยเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ netpracharat.com

        ด้านนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลฯ เร่งสร้างการรับรู้การใช้ประโยชน์โครงข่ายเน็ตประชารัฐผ่านกิจกรรมต่าง ๆ แก่ประชาชนในพื้นที่โครงการครบทุกหมู่บ้านมากกว่า 1 ล้านคน ชณะนี้มีผู้ลงทะเบียนและใช้งานบริการ WiFi จากโครงข่ายเน็ตประชารัฐ แล้วกว่า 5 ล้านคน

       อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการอบรมเครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ สามารถให้ความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งบุคคลเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง ในการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเน็ตประชารัฐ บทบาท ภารกิจ และความสำคัญของเน็ตอาสาประชารัฐ รวมถึงการดูแลรักษาอุปกรณ์เน็ตประชารัฐในหมู่บ้าน เพื่อให้อุปกรณ์ในหมู่บ้านพร้อมใช้งานและให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       นอกจากนี้  ในส่วนการใช้งานแอปพลิ- เคชั่น “เครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสารรับส่งข้อมูลระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ  หน่วยงานรัฐ และเครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ จะเป็น Big data ของชุมชนและยังเป็นช่องทางในการเข้าถึงองค์ความรู้ และการเรียนรู้ออนไลน์จากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ สามารถต่อยอดการใช้เน็ตประชารัฐในการสร้างโอกาส และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับหมู่บ้าน

หนองคาย - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสำนักงานบริการลูกค้า ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท หนองคาย และเยี่ยมชมระบบเคเบิลบริเวณสะพานมิตรภาพไทย – ลาว

       วันที่ 12 ธ.ค. 2561  ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะเดินทางลงพี้นที่ตรวจเยี่ยมสำนักงานบริการลูกค้า ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท หนองคาย พร้อมรับฟังการ และเยี่ยมชมระบบเคเบิลบริเวณสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ณ สำนักงานบริการลูกค้า กสท หนองคาย ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาค (ASEAN Digital Hub)

       การดำเนินงานระบบเคเบิลบริเวณสะพานมิตรภาพไทย – ลาว โดย บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีโครงข่ายเชื่อมต่อระหว่างประเทศสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นมีเสถียรภาพและมีความจุเพียงพอสามารถรองรับความต้องการของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ซึ่งจะส่งผลให้เป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนโดยขยายความจุโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศของระบบที่มีอยู่ 1,770 Gbps ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จและการร่วมก่อสร้างเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่ที่เชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความจุเบื้องต้นจากประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ รวม 200 Gbps

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานประชารัฐสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดหนองคาย

         วันนี้ 12 ธ.ค. 2561 นายอภิศักดิ์  ตันติวรวงศ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  และนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ  ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานประชารัฐสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ณ สถาบันการเงินชุมชนบ้านสร้างหลวง หมู่ 4 ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)สัญจร ที่จังหวัดหนองคาย โดยมี นายศรชัย จันโทวงษ์ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 10 นำคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ พนักงาน หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพในพื้นที่อำเภอท่าบ่อและอำเภอศรีเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ

          โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ได้พบปะพูดคุยกับผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับการฝึกอาชีพตามโครงการฯ โดยมีหัวข้อพูดคุย เช่น ประชาชนแสดงความคิดเห็นโครงการภาครัฐ  ประโยชน์ที่ได้รับ  ข้อเสนอแนะ  ความต้องการช่วยเหลือจากภาครัฐเพิ่มเติม  และหลังจากนั้นได้เดินเยี่ยมบูธสินค้าผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมการฝึกอาชีพตามโครงการฯ

       ทั้งนี้ธนาคารออมสิน  กระทรวงการคลัง  หน่วยงานพันธมิตร และสถานบันการเงินชุมชนบ้านสร้างหลวง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานประชารัฐสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  พร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล  โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทีได้รับการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพ จำนวน 50 คน และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินจากธนาคารออมสิน จำนวน 35 คน  รวมทั้งสิ้นจำนวน 85 คน

        ในส่วนของการดำเนินงานของธนาคารออมสิน ด้านให้การช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พบว่าจังหวัดหนองคายมีผู้ยืนความประสงค์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกับธนาคารออมสิน จำนวน 3,087 คน  ซึ่งได้เข้าร่วมฝึกอาชีพแล้ว จำนวน 2,367 คน  และด้านการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในจังหวัดหนองคาย  มีผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้นอกระบบและมีอาชีพนอกภาคการเกษตร จำนวน 5,647 คน  มูลหนี้ 311.44 ล้านบาท  ซึ่งได้รับอนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินไปแล้ว จำนวน 167 คน วงเงินกู้รวม 6.92 ล้านบาท  และรวมอนุมัติทั้งประเทศ จำนวน 87,006 คน เป็นเงิน 3,678.77 ล้านบาท

        นอกจากการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นแล้ว  ทางธนาคารออมสินและพันธมิตรได้จัดบูธกิจกรรมให้ความรู้ต่างๆ อาทิ  การให้คำปรึกษาทางการเงิน  การรณรงค์ส่งเสริมการออม โดยกองทุนการออมแห่งชาติ  และร้านค้าของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพแล้ว  เพื่อเป็นต้นแบบให้กับผู้มีรายได้น้อย  ให้มีอาชีพและการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

      สำหรับกองทุนหมู่บ้านสร้างหลวง ได้ยกระดับเป็นสถาบันการเงินชุมชน เมื่อวันที่ื 29 ตุลาคม 2557  มีสมาชิกรวม 773 ราย และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น จึงได้เปิดที่ทำการแห่งใหม่  เพื่อใช้เป็นสำนักงานกองทุนหมู่บ้านสร้างหลวง และสถาบันการเงินชุมชนบ้านสร้างหลวง มีเงินรับฝากจากสมาชิก จำนวน 1,190,734 บาท ปล่อยให้กู้แก่สมาชิก จำนวน 537,000 บาท จากนโยบายรัฐบาล ด้านการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบผ่านองค์กรการเงินชุมชน  สถาบันการเงินชุมชนบ้านสร้างหลวง ได้ช่วยเหลือสมาชิกให้หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบ จำนวน 11 ราย วงเงิน 10,000-30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท