วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564

จนท.ป่าไม้สังคม ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอโพธิ์ตาก ตร.สภ.โพธิ์ตาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับแม่เฒ่าวัย 64 ลักลอบตัดไม้หวงห้ามในพื้นที่ ส.ป.ก.4-01 แถมยังตั้งโรงเผาถ่านเถื่อนกลางป่า อ้างพิษโควิดหากินลำบาก จึงต้องตัดไม้เผาถ่าน

วันที่ 24 ส.ค. 2564 นายสุรศักดิ์ อัคคะปะชะ หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สังคม พร้อมนายปิยะชาติ อินทรสันติ์ ปลัดอำเภองานป้องกันอำเภอโพธิ์ตาก, นายบุญศรี ชาติมูลตรึ ประธานอาสาพิทักษ์ป่าชุมชนอำเภอโพธิ์ตาก, นายจิตวัด อินดา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ด่านศรีสุข นำกำลังเจ้าหน้าที่ หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สังคม, เจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำทอนตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดหนองคาย, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์ตาก, อาสาพิทักษ์ป่าชุมชนฯ และผู้รักษาความสงบหมู่บ้าน(ผรส.) เข้าตรวจสอบหลังรับแจ้งว่ามีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ในที่ดิน ส.ป.ก.4-01 พื้นที่ติดป่าชุมชนบ้านดอนขนุน หมู่ 5 ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพานพร้าวและป่าแก้งไก่



เมื่อไปถึงพบว่ามีการสร้างเพิงพัก มีกองไม้ถูกโค่นตัดจำนวนมาก ทั้งต้นยางเหียง และต้นประดู่ รวมทั้งยังมีเตาเผาถ่านอีกจำนวน 3 เตา มีลักษณะปั้นด้วยดินเหนียว โดยพบชาย 1 คนกำลังทำเตาเผาถ่าน และหญิงอีก 1 คน อ้างเป็นเจ้าของพื้นที่ ทราบชื่อคือ นางหนูปิ่น สูบกำปัง อายุ 64 ปี ที่อยู่ 180 บ้านดอนขนุน หมู่ 5 ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย  โดยได้ถือหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินเกษตรกรรม ส.ป.ก.4-01 เนื้อที่ 17 ไร่ 36 ตารางวา  แสดงต่อเจ้าหน้าที่ แต่เป็นชื่อของนายเฉลิม โชติทุม ราษฎรตำบลหนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย



นางหนูปิ่น กล่าวว่า เจ้าของที่คนเดิมได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ตนนั้นเป็นญาติกับภรรยาของเจ้าของเดิม ปกติตนจะหาเผือก หากรอยและหน่อไม้ ไปขายตามหมู่บ้านและตลาด เห็นที่ดิน ส.ป.ก.ของญาติไม่มีใครมาทำประโยชน์ อีกอย่างช่วงนี้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ลูกชายที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยมีงาน จึงไม่ค่อยมีเงินส่งมาให้ใช้ รวมทั้งตนต้องเลี้ยงหลานชายอีก 1 คน ทำให้ค่าใช้จ่ายในครอบครัวไม่ค่อยพอใช้ จึงเข้ามาทำกินในพื้นที่ตรงนี้ที่เป็นของญาติตนเอง โดยได้ทำการตัดไม้และจะปลูกข้าว เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ โดยเข้ามาทำเพิงพักและตัดไม้ทั้งหมดเผาถ่าน รวมทั้งตัดไม้เพื่อนำใช้ประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งตนนั้นไม่ทราบว่าการตัดไม้ในที่ ส.ป.ก.นั้นจะมีความผิด และไม่ทราบว่าไม้ที่ตัดไปนั้นเป็นไม้สงวน  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดไม้ทั้งหมด พร้อมควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์ตาก ดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ ต่อไป.













วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พบแล้ว! เจ้าของสร้อยพระเลี่ยมทอง ที่แม้ค้าขายส้มตำเก็บได้ ที่แท้เป็นแม่ค้าขายปลาที่ซื้อขายกันเป็นประจำ เจ้าตัวเผยรู้สึกดีใจ ไม่คิดว่าจะได้คืน

จากกรณีนางจันทร์เพ็ญ วงชาลี อายุ 55 ปี แม่ค้าขายส้มตำที่ตลาดสดชุมชนบ้านน้ำโมง เก็บสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง ที่ตกอยู่บนพื้นทางเดิน บริเวณแผงขายปลา ในตลาดสดเทศบาลเมืองท่าบ่อ ขณะที่นางจันทร์เพ็ญกำลังเดินหาซื้อปลานิลเพื่อนำไปขาย   ช่วงเวลาประมาณตี 4 ของเช้าวันที่ 18 ส.ค. 2564  แล้วไปแจ้งกับ ว่าที่ร้อยตรี สงวนศักดิ์ ใจดี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ หลังจากนั้นได้พากันไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ท่าบ่อ เพื่อตามหาเจ้าของนั้น



ล่าสุดวันนี้ 21 ส.ค. 2564 ที่ สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นางจันทร์เพ็ญ วงชาลี แม่ค้าขายส้มตำ พร้อมว่าที่ร้อยตรี สงวนศักดิ์ ใจดี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ได้ส่งมอบสร้อยทองพร้อมพระเลี่ยมทอง น้ำหนัก 2 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 60,000 บาท ที่เก็บได้คืนให้กับ นางสุพัด ศรีเชียงขวาง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 455 หมู่ 11 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มีอาชีพขายปลา ในตลาดสดเทศบาลเมืองท่าบ่อ ที่ได้ทำล่นตั้งแต่เวลาประมาณตี 4 ของวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งการส่งมอบสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองให้กับเจ้าในครั้งนี้ มี ร.ต.อ.ปวริศน์ งามโนนทอง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ และแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองท่าบ่อ ร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบด้วย



นางสุพัด กล่าวด้วยความดีใจว่า ตนเองเป็นแม่ค้าขายปลา และทำการซื้อขายกับนางจันทร์เพ็ญ เป็นประจำ ในช่วงวันเวลาดังกล่าว ตอนนั้นตนยุ่งมาก เพราะมีลูกค้าอีกรายได้สั่งปลาไว้ ตนก็ก้มๆเงยๆ ยุ่งอยู่กับขายปลา ไม่รู้เลยว่าสร้อยหลุดออกจากคอตอนไหน และตอนนั้นตนก็ไม่ได้อยู่ที่แผงปลา เพราะกำลังเอาปลาไปส่งให้กับลูกค้าอีกราย จนกระทั่งกลับถึงบ้านพักช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. รู้สึกคันที่คอเลยจะเอามือไปเกา ก็ตกใจเพราะสร้อยไม่อยู่ที่คอ คิดว่าคงหล่นหายแต่จำไม่ได้ว่าหล่นหายช่วงไหน รู้สึกใจคอไม่ดีมาก คิดว่าคงไม่ได้คืนแล้ว จนกระทั่งตนไปไว้พระที่วัดนาโพธิ์ หลวงพ่อที่วัดก็ถามตนว่า โยมเป็นอะไร ดูเหมือนจิตใจไม่ค่อยดี จึงบอกหลวงพ่อไปว่า ได้ทำสร้อยหาย ไม่รู้หล่นหายไปตอนไหน ชาวบ้านได้ยินเข้า บอกว่าเห็นลงข่าวว่ามีคนเก็บได้ แล้วนำสร้อยไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าบ่อ ให้ตามหาเจ้าของ หลังจากนั่นตนจึงรีบมาที่ สภ.ท่าบ่อ เพื่อแสดงว่าสร้อยพระเหลี่ยมทองดังกล่าวเป็นของตน แต่ทางเจ้าหน้าที่ให้รอไว้ก่อน แล้วจะติดต่อกลับไปใหม่


ร.ต.อ.ปวริศน์ งามโนนทอง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ กล่าวว่า หลังจากที่นางจันทร์เพ็ญ พร้อมสท.สงวนศักดิ์ นำสร้อยพระเหลี่ยมทองมาลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตามหาเจ้าของ ในวันเดียวกันก็มีคนมาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของสร้อยดังกล่าวถึง 2 ราย ซึ่งให้ข้อมูลไม่ตรงกับลักษณะของสร้องที่เหลี่ยมพระอะไร และนางสุพัด เป็นรายที่ 3 ที่บอกลักษณะของสร้อยครบทุกอย่าง รวมทั้งบริเวณที่เกิดเหตุก็ใกล้เคียง จากการพิจารแล้วสร้อยพระเหลี่ยมทองเส้นนี้น่าจะเป็นของนางสุพัด วันนี้จึงเรียกให้มารับสร้อยคืน ซึ่งนางสุพัดยังได้มอบสิ่งของและเงินสดจำนวนหนึ่ง ให้กับนางจันทร์เพ็ญ เพื่อเป็นค่าตอบแทนด้วย




วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พช.ศรีเชียงใหม่ ร่วมกับเทศบาลตำบลหนองปลาปาก จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 12 สิงหาคม 2564 กิจกรรมรวมพลังกองทุนแม่ของแผ่นดิน ปลูกพืชสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร"ต้านภัยโควิด และสร้างความมั่นคงทางอาหาร

วันที่ 20 ส.ค. 2564 ที่  ศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านดอนก่อ หมู่ที่ 3 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเขียงใหม่ จ.หนองคาย นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอศรีเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพ้นปีหลวง 12 สิงหาคม 2564 ในรูปแบบของกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาชุมชนเฉลิมพระเกียรติ ต้านภัยโควิด-19 โดยได้ร่ามกันปลูกพืชสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" บริเวณริมหนองก่อ ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะประจำตำบลหนองปลาปาก โดยดีนายธนกฤต มณีรัตน์ นายกเทศบาลตำบลหนองปลาปาก, นายจรัล กลางประดิษฐ ปลัดอาวุโสฯ, นางกาญจนา พัดพรม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองปลาปาก, คณะกรรมการและสมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านดอนก่อ ร่วมโครงการฯ





พันจ่าอากาศเอก สงกรานต์ ดุจธรรมสาร พัฒนาการอำเภอศรีเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องด้วยวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และทางรัฐบาลไทยได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันแม่แห่งชาติ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก




กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จึงได้กำหนดจัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ในรูปแบบของกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาชุมชนเฉลิมพระเกียรติ ต้านภัยโควิด-19 ขึ้น โดยมีกิจกรรมหลักในการดำเนินงานจำนวน 4 กิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมการสร้างอาชีพ กิจกรรมปลูกป่า กิจกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน และกิจกรรมองค์กรสตรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2564 โดยกำหนดดำเนินกิจกรรมในห้วงเดือนสิงหาคม




สำหรับการดำเนินโครงการในครั้งนี้  อำเภอศรีเชียงใหม่ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอศรีเชียงใหม่ ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลหนองปลาปาก ได้จัดกิจกรรมตามแนวทางของโครงการประกอบด้วยกิจกรรมการสร้างอาชีพ ได้แก่  การสาธิตการจัดทำเมนูอาชีพ "น้ำสมุนไพรป้องกันโควิด-19" ที่มีส่วนผสมของกระชายขาว ขิงสด ใบเตย และเกลือไอโอดีน ไว้แจกจ่ายให้กับผู้ที่อยู่ระหว่างการกักตัว หรือประชาชนที่ต้องการนำไปดื่มป้องกันโควิด  และกิจกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ได้แก่ การรวมพลังคณะกรรมการหมู่บ้านกองทุนแม่และสมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดิน ปลูกพืชผักสมุนไพร"ฟ้าทะลายโจร" ภายใต้คติพจน์ "พลังกองทุนแม่ต้านภัยโควิด และสร้างความมั่นคงทางอาหาร"











วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย มอบบ้านให้กับประชาชนผู้มีฐานะยากจนและมีความประพฤติดี จำนวน 2 หลัง ตามโครงการ “กาชาดห่วงใย ใส่ใจที่อยู่ ประจำปี 2564”

วันที่ 19 ส.ค. 2564 นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย/นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีมอบบ้านตามโครงการ “กาชาดห่วงใย ใส่ใจที่อยู่ ประจำปีงบประมาณ 2564” จำนวน 2 หลัง โดยหลังที่ 1 มอบให้กับนางสาวทิพยา พรรื่นเริง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่  33 บ้านนาโคก หมู่ 4 ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย , หลังที่ 2 มอบให้กับนางจูม คำภูนา อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 บ้านยางคำ หมู่ 6 ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย 



พร้อมมอบใบเกียรติคุณให้กับผู้ให้การสนับสนุนในการสร้างบ้านกาชาด โดยมีนางสาวสิริมา วัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย/รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย, นางทัศนาวัลย์ วิริยานภาภรณ์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยนายอำเภอ, หัวหน้าส่วนราชการ, คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย, ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมมอบบ้านกาชาดฯในครั้งนี้




ด้วยสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ได้จัดทำโครงการ "กาชาดห่วงใย ใส่ใจที่อยู่ ประจำปีงบประมาณ 2564" โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบ้านที่อยู่ให้ผู้ที่มีฐานะยากจน และมีความประพฤติดีในพื้นที่ และจัดสร้างบ้านที่อยู่อาศัยแบบบ้านชั้นเดียว ในวงเงินหลังละ 100,000 บาท โดยให้แต่ละอำเภอพิจารณาคัดเลือกบ้านราษฎรที่จะได้รับบ้านตามโครงการฯ ซึ่งการสร้างบ้านนั้น ให้แต่ละอำเภอร่วมมือกับทุกภาคส่วน และจิตอาสาในพื้นที่ ในการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม และร่วมกันก่อสร้างบ้านจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สร้างความปลื้มปิติยินดีแก่ราษฎรเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ อีกทั้งมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยอีกด้วย







จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...