วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561

หนองคาย กองทัพเรือ พัฒนาอากาศยานไร้นักบินได้สำเร็จ!.. สวพ.ทร.นำอากาศยานไร้นักบิน (UAV) ทำการสาธิตการบิน


หนองคาย – กองทัพเรือ พัฒนาอากาศยานไร้นักบินได้สำเร็จ!.. สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ ( สวพ.ทร.) นำอากาศยานไร้นักบิน (UAV) ผลงานความก้าวหน้างานวิจัยและผลงานวิจัยอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และทำการสาธิตให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ชม ที่ จังหวัดหนองคาย

       วันที่ 10 ม.ค. 2561ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดหนองคาย นายรณชัย  จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และส่วนราชการ ให้การต้อนรับ พล.ร.ต.ก่อเกียรติ  ปั้นดี ผอ.สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ(สวพ.ทร.) พร้อมคณะ  นำอากาศยานไร้นักบิน (UAV) ผลงานความก้าวหน้างานวิจัยและผลงานวิจัยอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และทำการสาธิตบินให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ชม



       โดยตัวอย่างผลงานวิจัยที่ได้นำมาสาธิตในครั้งนี้ ล้วนเป็นผลงานที่ดำเนินการวิจัยเสร็จสิ้น  แล้วผ่านขั้นตอนการทดสอบทดลอง พร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิตใช้งานจริง บางผลงานได้รับการรับรองมาตรฐานยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ บางผลงานได้รับรางวัลผลงานวิจัยและพัฒนาในระดับประเทศ และบางผลงานได้เข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อใช้งานจริงมาหลายครั้ง โดยมีส่วนราชการร่วมรับชม

       ซึ่งผลงานวิจัยที่ได้นำมาสาธิตในครั้งนี้ประกอบไปด้วย 1. อากาศยานไร้นักบินแบบปีกนิ่งขึ้นลงทางดิ่งแบบ FUVEC มีรัศมีการทำการในระหว่าง 100-150 กม. ทำการบินได้นานไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง มีความเร็วเดินทางระหว่าง 80-120 กม./ชม. สามารถติดตั้งกล้องตรวจการณ์แบบติดตามเป้าหมายอัตโนมัติทั้งแบบกลางวันกำลังขยาย 36 เท่าและกล้องจับความร้อน ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าในการขึ้นและลง เครื่องยนต์ใช้น้ำมันในการเดินทาง ความกว้างระหว่างปลายปีก 4.5 เมตร น้ำหนักขณะทำการบิน 30-35 กก.


       2. อากาศยานไร้นักบินแบบปีกนิ่งขึ้นลงทางดิ่งแบบ TAREM มีรัศมีการทำการในระหว่าง 10-15 กม. ทำการบินได้นาน 45-60 นาที มีความเร็วเดินทางระหว่าง 50-60 กม./ชม. สามารถติดตั้งกล้องตรวจการณ์แบบ Action Camera หรือ แบบกำลังขยาย 36 เท่า หรือแบบตรวจจับความร้อน ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าสองชุดในการขึ้นและลง และใช้อีกชุดหนึ่งในการเดินทาง ความกว้างระหว่างปลายปีก 2 เมตร น้ำหนักขณะทำการบิน 4 กก. สามารถปรับเปลี่ยนการบินด้วยความเร็วแบบปีกนิ่งสลับกันการลอยตัวหยุดนิ่งกลางอากาศได้ตลอดเวลา



       3. อากาศยานไร้นักบินแบบปีกหมุน นารายณ์ มีรัศมีการทำการในระหว่าง 1-3 กม. ทำการบินได้นาน 25-30 นาที มีความเร็วเดินทางระหว่าง 20-30 กม./ชม. สามารถติดตั้งกล้องตรวจการณ์แบบ Action Camera หรือ แบบกำลังขยาย 36 เท่า หรือแบบตรวจจับความร้อน ขนาดอากาศยานวัดตามเส้นทะแยงมุมขนาด 60 ซม.



       4. ระบบควบคุมบังคับบัญชาแบบพกพา CCMLS ซึ่งเป็นระบบรับและกระจายข้อมูลของอุปกรณ์ตรวจจับ ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้นักบิน เรดาร์ GPS CCTV และระบบอื่นๆที่หลากหลาย สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นระบบขนาดใหญ่ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้แม้แต่ในพื้นที่ที่เครือข่ายการสื่อสารใดๆไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยใช้วิทยุสื่อสารข้อมูลขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่ภายใน สามารถควบคุม แสดงผล และสั่งการระบบอากาศยานไร้นักบินที่พัฒนา เป็นอีกผลงานหนึ่งที่คนไทยภาคภูมิใจในฝีมือคนไทย ด้วยสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ (สวพ.ทร.)ได้มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง.


น.ต.วรกฤต  ถาวรเลิศทวี /








วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561

ก้าวสู่ไทยแลนค์ 4.0!...สสจ.หนองคาย พัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการนวดแผนไทยให้ได้มาตราฐาน


หนองคาย – ก้าวสู่ไทยแลนค์ 4.0!...สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการนวดแผนไทยให้ได้มาตราฐาน เพื่อยกระดับมาตราฐานแหล่งท่องเที่ยว

       วันนี้ (9 ม.ค. 2561) ที่โรงแรมอัศวรรณ อ.เมือง จ.หนองคาย  นายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในการจัดกิจกรรม พัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการนวดแผนไทยให้ได้มาตรฐานเพื่อยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว โดยมีนายแพทย์ สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวรายงาน ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้



       จังหวัดหนองคายได้ขับเคลื่อนตามนโยบาย รัฐบาล ไทยแลนค์ 4.0 จากเกษตรกรผู้ผลิตมาเป็นการเกษตรสมัยให้ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ที่ 9 โดยมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประเพณี วัฒนธรรมในทุกพื้นที่ และส่งเสริมการท่องเที่ยวตามศักยภาพของพื้นที่ ดังนั้นจึงได้ยกระดับมาตรฐาน การผลิต การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวการบริการ จนสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ ทั้งนี้จังหวัดหนองคายได้รับงบประมาณโครงการตามแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดหนองคายเป็นหน่วยงานหลัก สำนักงานสาธารณสุขและสำนักงานวัฒนธรรม จังหวัดหนองคาย เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบร่วม โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย จึงได้ทำการจัดกิจกรรม อบรมหลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ ( 150 ซม. ) รุ่นที่ 1ในโครงการการส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 27 - 28 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ณ.ศูนย์อบรมอาชีพชนบทหนองคาย ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปที่เรียบร้อย


       จากนั้นท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นายสุชาติ ทีคะสุข ได้มอบใบประกาศให้แก่ผู้ที่ผ่านการอบรม ซึ่งผู้เข้าร่วมในการประชุมพัฒนาเครือข่ายผู้ให้บริการนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ รุ่นที่ 1  จำนวน 100 คน.







หนองคาย แค้นนี้ต้องชำระ!...โจ๋ต่างตำบลไปเที่ยวงานวัด เกิดทะเลาะกับอริเจ้าถิ่น วิ่งไปหยิบปืนยิงใส่กลุ่มคู่อริ เจ็บ 1 ตาย 1


หนองคาย – แค้นนี้ต้องชำระ!...โจ๋ต่างตำบลไปเที่ยวงานวัด เจออริเจ้าถิ่นยกพวกรุมตีหน้าเวทีหมอลำ ต้องวิ่งไปหยิบปืนใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ยิงสาดใส่กลุ่มคู่อริบาดเจ็บ 1 ตาย 1 กลับไปทิ้งปืนลงบ่อน้ำข้างกระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน ก่อนแยกย้ายหลบหนี แต่ก็ไปไม่รอด ถูกตำรวจตามจับได้ทั้งหมด สารภาพ เคยถูกอริเจ้าถิ่นทำร้ายมาก่อน จึงเอาคืน

       เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันนี้(9 ม.ค. 2561) ร.ต.อ.ไพฑูรย์ ชั้นเสมา รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ ปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ท่าบ่อ ว่ามีเหตุยิงกันและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่วัดเกาะแก้วขวัญเมือง บ้านผำไผ ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จึงได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จึงไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.ท.ก้องภพ สีหาชัย รองผกก.(สอบสวน)สภ.ท่าบ่อ

       ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บมี 2 คน คือ นายเทิด พรมดี อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 7 ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ และนายวุฒ นามสมมติ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 164 หมู่ 3 ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ทั้งสองคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ แต่นายเทิด ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลฯ โดยกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย 1 นัด ส่วนนายวุฒถูกยิงเข้าลำตัวได้รับบาดเจ็บ โดยนายวุฒได้แจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ากลุ่มคนที่ยิงเป็นใคร



       หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.จักรทิพย์ กูลพฤกษี ผกก.สภ.ท่าบ่อ สั่งการให้ พ.ต.ท.ปริวัฒน์ สัจจาพันธ์ รอง ผกก.(สืบสวน), พ.ต.ท.สุริยา บุญสิทธิ์ สว.สส.ภ.จว.หนองคาย นำเจ้าหน้าที่ออกจับกุมผู้ก่อเหตุ จนกระทั้งเวลาประมาณ 04.00 น. เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมนายอีฟ นามสมมติ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 1 ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ ได้ที่บ้านพัก จับกุมนายเบส สีทน อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 2 ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ และนายพงศธร สังวงค์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 4 ต.โคกคอน อ.ท่าบอ ได้ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก หลังก่อเหตุนายพงศธรได้โยนทิ้งในบ่อน้ำข้างกระท่อมนา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้งมของกลางขึ้นมาได้

        จากนั้นเวลาประมาณ 09.30 น.วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.อรรคพงศ์ พิมลศิริ รองผบก.ภ.จ.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้คุมตัวทั้งสามคนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในวัด โดยมีนางสะอาด พรมดี อายุ 43 ปี แม่ของนายเทิด ผู้ตาย มาดูเหตุการณ์ ทั้งร้องไห้เสียใจ ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านมามุงดูและก่นด่าผู้ต้องหาทั้งหมด



        สอบสวนนายเบส สีทน หนึ่งในผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เมื่อ 3 วันก่อน กลุ่มพวกตนไปเที่ยวงานวัดที่หมู่บ้านหนึ่ง และไปเจอเข้ากับกลุ่มของผู้ตาย เกิดเขม่นกันขึ้น กลุ่มของผู้ตายได้ใช้มีดทำร้ายเพื่อนของตนได้รับบาดเจ็บ พอมาเมื่อคืนนี้พวกตนประมาณ 9 คนไปเที่ยวงานบุญที่วัดดังกล่าวในหมู่บ้านของผู้ตาย ก็ไปเจอกับกลุ่มผู้ตายอีก แต่คราวนี้กลุ่มผู้ตายมีมากกว่า และได้เขม่นกันอีกรอบหน้าเวทีหมอลำ แต่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจับแยกก่อน

       หลังจากนั้นก็กลับมาเต้นรำหน้าเวทีหมอลำอีกครั้ง ก็ถูกกลุ่มของผู้ตายได้เข้ามารุมชกต่อย ตนมีพวกน้อยกว่าเลยเสียเปรียบ จึงใช้ปืนที่พกไปด้วยยิงเข้าใส่นายเทิด 1 นัด จากนั้นตนกับพวกรีบวิ่งออกจากหน้าเวทีหมอลำ กลับมาที่รถจักรยานยนต์เปิดใต้เบาะรถหยิบเอาปืนที่ซ่อนไว้ใต้เบาะ เป็นจังหวะที่พวกของผู้ตายวิ่งเข้ามาจะชกตนอีก ตนจึงเล็งปืนยิงสาดใส่ไปหนึ่งนัด กระสุนถูกลำตัวของนายวุฒล้มลง

        จากนั้นพวกตนได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนตนกับนายพงศธร ไปนอนที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้านด้วยกัน เอาปืนให้นายพงศธรโยนทิ้งลงบ่อน้ำ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน จนมาถูกตำรวจตามจับได้



          จากการตรวจสอบประวัติของนายเบส เพิ่งจะพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดหนองคาย ในข้อหาบุกรุกเคหสถาน เมื่อเดือน พ.ย.60 ที่ผ่านมา และก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้นอีก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา นายเบส ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร , นายอีก ถูกแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนฯ ส่วนนายพงศธร ถูกแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนฯ แล้วคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ภาพ / ตำรวจท่าบ่อ


หนองคาย เปิดแล้ว!... ”ตามรอยคืนรักษ์ อุสาบารส @ วังบัวแดงปะโค”


หนองคาย – เปิดแล้ว!... ”ตามรอยคืนรักษ์ อุสาบารส @ วังบัวแดงปะโค” เทศบาลตำบลปะโค เปิดแหล่งท่องเที่ยววังบัวแดง นำคู่บ่าวสาวจดทะเบียนสมรสกลางบัวแดงที่บานสะพรั่งอยู่เต็มพื้นที่ 2,800 ไร่

       วันนี้ (9 ม.ค. 2561) ที่วังบัวแดง บ้านหนองบ่อ หมู่ที่ 7 ตำบลปะโค อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดแหล่งท่องเที่ยววังบัวแดง ชื่อว่า ตามรอยคืนรักษ์ อุสาบารส @ วังบัวแดงปะโค  โดยจัดพิธีจดทะเบียนสมรสของคู่บ่าวสาว 2 คู่ คือ นายอัตถสิทธิ์ แก้วถึง กับนางสาวกิรัชยา พงษ์ประเสริฐ และคู่ นายธนกร ดาวภคนันท์ กับนางสาวขวัญจิรา วงศ์ศิริภัคดี โดยมี นายโสภณ ห่วงญาติ นายอำเภอเมืองหนองคาย รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดหนองคาย และบิดามารดาของทั้ง 2 คู่ร่วมเป็นสักขีพยานบนโป๊ะกลางบัวแดงที่บานสะพรั่งอยู่เต็มพื้นที่ 2,800 ไร่ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้วังบัวแดงเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคาย



       ดร.พูลศิริ โคตรชมพู ปลัดเทศบาลตำบลปะโค กล่าวว่า วังบัวแดงแห่งนี้ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำหลากหลายชนิด เดิมเป็นป่าบุ่งทาม มีพื้นที่ราว 4,768 ไร่ ครอบคลุมตำบลปะโค และตำบลเวียงคุก อำเภอเมืองหนองคาย ในปี 2554 ชาวบ้านในพื้นที่ได้พัฒนาดำเนินการเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ จัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำให้สภาพแวดล้อมดีขึ้น มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น และเกิดมีบัวสาย หรือบัวแดงขึ้นเต็มผืนน้ำ เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงและต่างจังหวัด รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้ที่สนใจในการศึกษาระบบนิเวศน์ ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ชีวนิเวศน์  อีกทั้งยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดขนาดย่อมเพื่อการเลี้ยงชีพชาวบ้านในพื้นที่ ก่อให้เกิดวิถีชีวิตคนริมน้ำ เกิดความรักหวงแหน อนุรักษ์ และพึ่งพาธรรมชาติได้อย่างมีสมดุลและยั่งยืน




       ดร.พูลศิริ กล่าวต่อว่า ในการจัดงานครั้งนี้ได้ใช้ชื่อว่า ตามรอยคืนรักษ์ อุสาบารส @ วังบัวแดงปะโค  โดยมีกิจกรรมจดทะเบียนสมรสของคู่บ่าวสาว, การแห่ขันหมาก, การแต่งชุดสิ่นตีนคำ เป็นชุดพื้นเมืองโบราณที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของคนชุมชนเมืองพะโคในอดีต. การจัดพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ, การแสดงหมอลำกลอนพื้นบ้าน และการแสดงของพันธมิตรเครือข่าย.
















จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...