วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561

หนองคาย แค้นนี้ต้องชำระ!...โจ๋ต่างตำบลไปเที่ยวงานวัด เกิดทะเลาะกับอริเจ้าถิ่น วิ่งไปหยิบปืนยิงใส่กลุ่มคู่อริ เจ็บ 1 ตาย 1


หนองคาย – แค้นนี้ต้องชำระ!...โจ๋ต่างตำบลไปเที่ยวงานวัด เจออริเจ้าถิ่นยกพวกรุมตีหน้าเวทีหมอลำ ต้องวิ่งไปหยิบปืนใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ยิงสาดใส่กลุ่มคู่อริบาดเจ็บ 1 ตาย 1 กลับไปทิ้งปืนลงบ่อน้ำข้างกระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน ก่อนแยกย้ายหลบหนี แต่ก็ไปไม่รอด ถูกตำรวจตามจับได้ทั้งหมด สารภาพ เคยถูกอริเจ้าถิ่นทำร้ายมาก่อน จึงเอาคืน

       เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันนี้(9 ม.ค. 2561) ร.ต.อ.ไพฑูรย์ ชั้นเสมา รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ ปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ท่าบ่อ ว่ามีเหตุยิงกันและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่วัดเกาะแก้วขวัญเมือง บ้านผำไผ ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จึงได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จึงไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.ท.ก้องภพ สีหาชัย รองผกก.(สอบสวน)สภ.ท่าบ่อ

       ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บมี 2 คน คือ นายเทิด พรมดี อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 7 ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ และนายวุฒ นามสมมติ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 164 หมู่ 3 ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ทั้งสองคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ แต่นายเทิด ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลฯ โดยกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย 1 นัด ส่วนนายวุฒถูกยิงเข้าลำตัวได้รับบาดเจ็บ โดยนายวุฒได้แจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ากลุ่มคนที่ยิงเป็นใคร



       หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.จักรทิพย์ กูลพฤกษี ผกก.สภ.ท่าบ่อ สั่งการให้ พ.ต.ท.ปริวัฒน์ สัจจาพันธ์ รอง ผกก.(สืบสวน), พ.ต.ท.สุริยา บุญสิทธิ์ สว.สส.ภ.จว.หนองคาย นำเจ้าหน้าที่ออกจับกุมผู้ก่อเหตุ จนกระทั้งเวลาประมาณ 04.00 น. เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมนายอีฟ นามสมมติ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 1 ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ ได้ที่บ้านพัก จับกุมนายเบส สีทน อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 2 ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ และนายพงศธร สังวงค์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 4 ต.โคกคอน อ.ท่าบอ ได้ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก หลังก่อเหตุนายพงศธรได้โยนทิ้งในบ่อน้ำข้างกระท่อมนา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้งมของกลางขึ้นมาได้

        จากนั้นเวลาประมาณ 09.30 น.วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.อรรคพงศ์ พิมลศิริ รองผบก.ภ.จ.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้คุมตัวทั้งสามคนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในวัด โดยมีนางสะอาด พรมดี อายุ 43 ปี แม่ของนายเทิด ผู้ตาย มาดูเหตุการณ์ ทั้งร้องไห้เสียใจ ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านมามุงดูและก่นด่าผู้ต้องหาทั้งหมด



        สอบสวนนายเบส สีทน หนึ่งในผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เมื่อ 3 วันก่อน กลุ่มพวกตนไปเที่ยวงานวัดที่หมู่บ้านหนึ่ง และไปเจอเข้ากับกลุ่มของผู้ตาย เกิดเขม่นกันขึ้น กลุ่มของผู้ตายได้ใช้มีดทำร้ายเพื่อนของตนได้รับบาดเจ็บ พอมาเมื่อคืนนี้พวกตนประมาณ 9 คนไปเที่ยวงานบุญที่วัดดังกล่าวในหมู่บ้านของผู้ตาย ก็ไปเจอกับกลุ่มผู้ตายอีก แต่คราวนี้กลุ่มผู้ตายมีมากกว่า และได้เขม่นกันอีกรอบหน้าเวทีหมอลำ แต่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจับแยกก่อน

       หลังจากนั้นก็กลับมาเต้นรำหน้าเวทีหมอลำอีกครั้ง ก็ถูกกลุ่มของผู้ตายได้เข้ามารุมชกต่อย ตนมีพวกน้อยกว่าเลยเสียเปรียบ จึงใช้ปืนที่พกไปด้วยยิงเข้าใส่นายเทิด 1 นัด จากนั้นตนกับพวกรีบวิ่งออกจากหน้าเวทีหมอลำ กลับมาที่รถจักรยานยนต์เปิดใต้เบาะรถหยิบเอาปืนที่ซ่อนไว้ใต้เบาะ เป็นจังหวะที่พวกของผู้ตายวิ่งเข้ามาจะชกตนอีก ตนจึงเล็งปืนยิงสาดใส่ไปหนึ่งนัด กระสุนถูกลำตัวของนายวุฒล้มลง

        จากนั้นพวกตนได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนตนกับนายพงศธร ไปนอนที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้านด้วยกัน เอาปืนให้นายพงศธรโยนทิ้งลงบ่อน้ำ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน จนมาถูกตำรวจตามจับได้



          จากการตรวจสอบประวัติของนายเบส เพิ่งจะพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดหนองคาย ในข้อหาบุกรุกเคหสถาน เมื่อเดือน พ.ย.60 ที่ผ่านมา และก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้นอีก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา นายเบส ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร , นายอีก ถูกแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนฯ ส่วนนายพงศธร ถูกแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนฯ แล้วคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ภาพ / ตำรวจท่าบ่อ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...