วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562

ผู้ว่าฯ หนองคาย นำข้าราชการและประชาชนซักซ้อมเสมือนจริงพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้การประกอบพิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก่อนจะมีพิธีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ในวันที่ 6 เมษายน นี้


       วันที่ 4 เม.ย. 62 ที่บริเวณสระมุจลินทร์ หรือสระพญานาค วัดพระธาตุบังพวน ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมืองหนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่และจิตอาสาจากทุกภาคส่วนร่วมซักซ้อมเสมือนจริงพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะมีการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ 6 เมษายนนี้พร้อมกันทั่วประเทศ

      โดยการซักซ้อมครั้งนี้  มีการประกอบพิธีเสมือนจริงด้วยการตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในสระมุจลินทร์ หรือ สระพญานาค ลงในขันน้ำสาคร จากนั้นอัญเชิญขันน้ำสาครและที่ตักน้ำ  ไปที่วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง อำเภอเมืองหนองคาย   เพื่อประกอบพิธีน้ำอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามโบราณราชประเพณี





      สระมุจลินทร์ หรือ สระพญานาค เป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดหนองคาย อยู่ภายในวัดพระธาตุบังพวน  ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมืองหนองคาย  ภายในสระมีรูปปั้นพญานาค 7 เศียร ไว้กลางสระ เป็นสระน้ำโบราณที่มีบันทึกไว้ในหนังสือใบลานไว้ที่ภูลวงแห่งนี้ แล้วได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรรจุไว้ในองค์พระธาตุ พระมหาเทพหลวงและพระมหาเทพพล พระภิกษุที่ดูแลองค์พระธาตุ ได้สังเกตเห็นน้ำพวยพุ่งออกมาเป็นสายตลอดเวลาจากปากปล่องภูพญานาค ที่เฝ้ารักษาองค์พระธาตุบังพวน จึงได้ชักชวนญาติโยมขุดสระรองรับน้ำเอาไว้  สมัยพระเจ้าวิชุลราช กษัตริย์ล้านช้างได้เสด็จมานมัสการพระธาตุ ช่วง พ.ศ. 2043-2063 โปรดให้มีการปรับปรุงตกแต่งสระน้ำแห่งนี้และ ทำพิธีมหาพุทธาภิเษก ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งได้มีการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากสระมุจลินทร์ ไปใช้ในพิธีสำคัญในราชสำนักล้านช้าง เป็นต้นมา

       ในสมัยต่อมา สมเด็จพระไชยเชษฐา พ.ศ.2093-2115 กษัตริย์ล้านช้างได้โปรดเกล้าให้สร้างพระพุทธรูปนาคปรก 9 เศียร ไว้ในบริเวณใกล้เคียง  น้ำจากสระมุจลินทร์แห่งนี้ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์และเคยถูกนำเข้าพิธีสรงมูรธราชาภิเษก พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พิธีสำคัญในรัชกาลที่ 9 และพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายถึง 4 ครั้ง โดยครั้งแรกงานพระราชพิธีครองราชย์สมบัติ ครบ 50 ปี ครั้งที่ 2 งานพระราชพิธีครองราชย์สมบัติครบ 60 ปี  ,ครั้งที่ 3 งานพระราชพิธีเจริญพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา และครั้งสุดท้ายงานพระราชพิธีเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562

จังหวัดหนองคาย จัดโครงการบรรพชาสามเณร ภาคฤดูร้อน หลักสูตร "9 วันแห่งการตื่นรู้" ปีที่ 4 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ เจริญพระชนมายุ 64 พรรษา



       วันที่ 3 เม.ย. 62 ที่โรงเรียนอาโอยาม่า 2 ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย คณะสงฆ์จังหวัดหนองคาย ร่วมกับสำนักปฏิบัติธรรมพุทธบารมี ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมืองหนองคาย, กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (กก.ตชด.24, กก.4 บก.กฝ.บช.ตชด.), สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1, องค์การบริหารส่วนตำบลด่านศรีสุข, โรงเรียนอาโอยาม่า 2 และภาคเอกชน ร่วมจัดโครงการบรรพชาสามเณร ภาคฤดูร้อน จำนวน 61 รูป หลักสูตร " 9 แห่งการตื่นรู้" ปีที่ 4 เพื่อเฉลืมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ เจริญพระชนมายุ 64 พรรษา โดยมี นายสุชน ภัยธิราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ มีพระเทพปริยัติโมลี เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม รองเจ้าคณะภาค 9 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีพระครูปัญญาธรรมวัตร เจ้าอาวาสวัดกาหม เจ้าคณะอำเภอโพธิ์ตาก เป็นพระอุปัชฌาย์







       ดร.วีรพล สารบรรณ รองผู้อำนวยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 กล่าวว่า เนื่องในโอกาสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล ทรงสเด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 และเนื่องด้วยโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 64 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2562 เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ คณะสงฆ์จังหวัดหนองคายจึงได้ร่วมกับสำนักปฏิบัติธรรมพุทธบารมี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว จัดโครงการเผยแพร่พระธรรมขึ้น ด้วยการรับสมัครเยาวชนอายุระหว่าง  9-15 ปี เข้าอบรมบรรพชาสามเณร ตามโครงการดังกล่าวเป็นเวลา 9 วัน ระหว่างวันที่
3-11 เมษายน 2562 โดยจุดเน้นของโครงการมี 4 ส และ 1 ร ได้แก่ สนุก สาระ  สงบ สำนึก และการมีระเบียบวินัยของตนเอง






        "ในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ครั้งนี้ ยังเป็นการให้เยาวชนมีความกตัญญูต่อบิดามารดา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่ออนุวัฒน์ตามแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา (2561-2564) เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์รู้รักสามัคคี  ห่างไกลยาเสพติด สามารถนำหลักธรรมไปใช้ในการแก้ปัญหาตนเองและสังคมได้  เพื่อเผยแพร่ศาสนาให้เป็นที่เข้าใจของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการและประชาชนทั่วไป ผู้เข้าฝึกอบรมจะได้เรียนรู้และปฏิบัติตามประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธได้ถูกต้อง และเพื่อให้ผู้เข้าฝึกอบรมเรียนรู้พระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น โดยมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 61 คน" (รอง ผอ.สพป.นค.เขต 1 กล่าว)









วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562

วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย จัดกิจกรรมวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และวันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ทรงอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ


        วันที่ 2 เม.ย. 62 ที่วัดเทพพลประดิษฐาราม หมู่ที่ 2 ตำบลเวียงคุก อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย นายรณชัย จิตวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป และเปิดกิจกรรมวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี 2562 โดยมีพระครูพิมล ธรรมประดิษฐ์ เจ้าอาวาสวัดเทพพลประดิษฐาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีส่วนราชการ เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครู นักเรียน และประชาชนร่วมพิธีจำนวนมาก




       นายเผด็จ สุขเกษม วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2528 ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น “วันอนุรักษ์มรดกไทย” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ 64 พรรษา และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงประกอบพระกรณียกิจทางด้านการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติอันเป็นอเนกประการ ทั้งนี้จังหวัดหนองคาย โดยวัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมวันคล้ายวันพระราชสมภพฯ และกิจกรรมกิจกรรมรณรงค์ดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ด้วยการจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการทำความสะอาดโบราณสถาน เพื่อรณรงค์สร้างความเข้าใจ ความสำนึกรัก และหวงแหนในมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษามรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้มากยิ่งขึ้น และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นราชสักการะแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติตลอดมา






      สำหรับวัดเทพพลประดิษฐาราม ตั้งอยู่ในชุมชนโบราณที่เรียกว่า "เวียงคุก" มีชื่อเดิมว่า "วัดสิริเทพพล" เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของนครเวียงจันทน์มาตั้งแต่อดีตราวพุทธศตวรรษที่ 21-22  หรือประมาณปีพุทธศักราช 2460 สมัยพระเจ้าอนุรุทธราช ครองเมืองเวียงจันทน์องค์สุดท้าย ต่อมาหมื่นกางโฮง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเวียงคุก ได้บูรณปฎิสังขรณ์ และหลังจากเมืองเวียงคุกถูกยุบเป็นหมู่บ้านก็มิได้มีการบูรณะอีก ต่อมาภายหลังได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ และได้ตั้งชื่อว่า "วัดเทพพลประดิษฐาราม" ชาวบ้านเรียก "วัดทุ่ง" ภายในบริเวณวัดฯ มีเจดีย์ทรงปราสาท องค์ทิศเหนือใช้ชุดฐานเอนลาดที่เรียกว่า "บัวเข่าพรหม" ลดหลั่นกันรองรับเรือนธาตุที่ซ้อนกันสองชั้น มีซุ้มจระนำตื้นๆ ต่อด้วย องค์ระฆังหรือบัวเหลี่ยม แล้วจึงเป็นยอดทรงกรวยแหลม ทั้งหมดอยู่ในผังย่อมุมไม้สิบสอง  ทรวดทรงค่อนข้างเพรียวผอมมากกว่าเจดีย์องค์ทางทิศใต้ในวัดเดียวกัน กำหนดอายุสมัยในศิลปะล้านช้างที่ได้รับอิทธิพลจากล้านนาและอยุธยาราวพุทธศตวรรษที่ 22
ขายบ้านมือ
















จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...