วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562
เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ จับมืออำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย จัดแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขงลาว-ไทย มุ่งเสริมสร้างความสามัคคีอันดีต่อกันของทั้งสองเมือง
วันที่ 8 มิ.ย. 62 ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียมล้านช้างสเตเดี้ยม เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ท่านวงเดือน บุนยะแสง เจ้าเมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ร่วมกับนายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร นายอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย จัดการแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธไมตรีไทย - ลาว โดยมีคณะนักกีฬาฟุตบอลจากลาว-ไทย(เมืองหาดทรายฟอง - อำเภอท่าบ่อ) ร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก ในประเภทนักกีฬา VIP ทีมละ 11 คน ใช้เวลาการแข่งขันครึ่งละ 30 นาที
ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่ง ผลการแข่งเป็นทีม VIP อำเภอท่าบ่อ ชนะทีม VIP เมืองหาดทรายทอง 3:1 ประตู ท่ามกลางกลางเชียร์อย่างสนุกสนาน ซึ่งภายหลังจากการแข่งขัน ทางเมืองหาดฟองได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันและพบปะสังสรรค์ให้กับนักกีฬาของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างมิตรภาพที่ดีต่อกัน
วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562
หนองคาย - ยังไม่จบ! "ผู้ใหญ่บ้านขายศาลา" มีทั้งหนุน มีทั้งไล่ เจรจากันไม่มีข้อยุติ สุดท้ายให้ฝ่ายไล่กลับไปทำประชามติล่ารายชื่อถอดถอนผู้ใหญ่บ้าน ตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องถิ่น 2551 ท่าเสียงเกินกึ่งหนึ่ง "ผู้ใหญ่บ้าน"ต้องพ้นจากหน้าที่ ท่าไม่ถึงก็อยู่บริหารงานต่อค
จากกรณีที่มีกลุ่มชาวบ้านนำโดยนายสมศักดิ์ มณีรัตน์ ได้ยื่นเรื่องไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าบ่อ เรื่องรื้อถอนศาลาวัดศรีชมชื่น หมู่ 6 บ้านสามขา ตำบลกองนาง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ว่านางเหมรัตน์ มณีรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน ได้รื้อถอนศาลาที่ได้รับความเสียหายจากพายุ เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามข้อตกลงไว้ ทำให้วัดและชาวบ้านได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง โดยกลุ่มชาวบ้านกล่าวหาผู้ใหญ่บ้านว่า ไม่โปร่งใส ส่อไปทางทุจริต ลุแก่อำนาจ ทำประชาคมไม่ทั่วถึง จึงอยากให้ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวพ้นจากหน้าที่
ล่าสุดวันนี้ 7 มิ.ย. 62 นายธรรมพล ไชยนาม ปลัดอำเภอฝ่ายปกครองอำเภอท่าบ่อ พร้อมด้วยนายอนุพงษ์ พานารัตน์ (เจ้าพนักงานปกครอง ระดับปฏิบัติการ) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีพระครูอรุณปัญาญาธร ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อ พร้อมด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ร่วมพูดคุยเพื่อประนีประนอมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อหาข้อยุติ
นางเหมรัตน์ มณีรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า การรื้อศาลานั้นได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสแล้วว่า การรื้อหลังคาเป็นกิจวัตรของวัด ไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่เจ้าอาวาสได้มอบหมายให้ตนประสานผู้รับเหมาเพื่อมาทำการรื้อถอนศาลา เมื่อได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสแล้ว ตนจึงได้ทำการประชุมกับชาวบ้านเรื่องการขายศาลาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา และในที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันว่าขายศาลาเพื่อที่จะสร้างขึ้นใหม่ ตนจึงประสานผู้รับเหมามา 3 ราย ซึ่งรายแรกให้ราคา 6 หมื่นบาท รายที่สอง 7 หมื่นบาท รายที่สาม 140,000 บาท ตนจึงต่อรองขอเพิ่มให้เป็น 150,000 บาท ผู้ซื้อก็ตกลงซื้อตนจึงได้แจ้งต่อเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสก็เร่งให้ดำเนินการเนื่องจากเอาไว้ก็ใช้งานไม่ได้ จึงได้ทำสัญญาการซื้อขาย ณ ที่การผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 62 เวลา 18.30 น. โดยผู้ซื้อมัดจำไว้ 5,000 บาท หลังจากนั้นได้มารื้อถอนเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 62 พร้อมจ่ายเงินส่วนที่เหลือ 145,000 บาท โดยตนได้มอบหมายให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและกรรมการวัดเป็นผู้เก็บเงินทั้งหมดไว้ และยังได้ทำการบันทึกรายนามผู้บริจาคสร้างศาลาที่รื้อไว้ เพราะเหตุความสำคัญต่อจิตใจของผู้บริจาคสร้างศาลาที่รื้อถอน และเงินที่ได้มายังไม่นำเข้าบัญชีธนาคาร เพราะมีความจำเป็นที่จะใช้ในการเฉพาะหน้าของวัด และการใช้จ่ายทุกครั้งก็มีใบเสร็จในการเบิกจ่ายเสมอ โดยคำชี้แจงให้การทั้งหมดก็เพื่อหาข้อยุติในการขัดแย้งว่าตนมีความผิดใด โดยฝ่ายผู้มาร้องมีแต่จะให้พิจารณาตนเองอย่างเดียว ว่าการทำงานทั้งหมดนี้ไม่โปร่งใส ซึ่งมันไม่เป็นธรรมกับตนเอง
ด้านนายสมศักดิ์ มณีรัตน์ แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า ถึงอย่างไรการขายศาลาวัดศรีชมชื่น ผู้ใหญ่บ้านกระทำโดยมีชอบ ทำการประชาคมไม่ทั่วกัน ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าผู้ใหญ่บ้านคนนี้ไม่โปร่งใส ส่อไปทางทุจริต โดยอยากให้ผู้ใหญ่บ้านพ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน
คณะที่ชาวบ้านที่สนับสนุนผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่า ผู้ใหญ่บ้านทำงานโปร่งใสทุกอย่าง เงินที่ได้มาก็มอบให้วัดหมด แล้วจะเอาเรื่องอะไรกับผู้ใหญ่บ้านอีก โดยมีการโต้เถึยงกันทั้งฝ่ายขับไล่ผู้ใหญ่บ้านกับฝ่ายสนับสนุนผู้ใหญ่ โดยไม่มีท่าทีจะจบกัน
นายธรรมพล ไชยนาม ปลัดอำเภอท่าบ่อ จึงได้หาข้อสรุปฝ่ายที่ขับไล่ผู้ใหญ่บ้านไปทำประชามติล่ารายถอดถอนผู้ใหญ่บ้าน ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2551 มาตรา 14 (6) ซึ่งระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ (6) เมื่อราษฎรผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 11 ในหมู่บ้านนั้นจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของราษฎรผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 11 ทั้งหมด เข้าชื่อกันขอให้ผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง ในกรณีเช่นนั้น ให้นายอำเภอสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง แต่ท่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งของการลงประชามติ ผู้ใหญ่บ้านก็ยังคงบริหารงานต่อไป
หนองคาย - สมาชิกชมรม TO BE กว่า 500 คน แห่ร่วมงานมหกรรมรวมพลชมรม TO BE NUMBER ONE อำเภอท่าบ่อ
วันที่ 7 มิ.ย. 62 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร นายอำเภอท่าบ่อ ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กับผู้บริหาครองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 12 แห่งในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ซึ่งได้เห็นชอบร่วมกันในการประกาศเจตนารมณ์เพื่อตกลงความร่วมมือกันดำเนินการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์ TU BE NUMBER ONE ตำบล เพื่อเป็นศูนย์ในการบริการจัดการขับเคลื่อนชมรม TU BE NUMBER ONE ในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ต่อเนื่องและยั่งยืน และให้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์โครงการรณรงค์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพ TU BE NUMBER ONE
จากนั้นนายอำเภอท่าบ่อได้เป็นประธานเปิดงานมหกรรมรวมผลชมรม TU BE NUMBER ONE อำเภอท่าบ่อ โดยมีนายชูชัช แก้วมณีชัย สาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ กล่าวรายงาน โดยพิธีเปิดได้มีการแสดงของชมรมทูบีนัมเบอร์วันไอดอลจากโรงเรียนท่าบ่อ ต่อด้วยการประกวดกิจกรรมชมรม TU BE NUMBER ONE ตำบล และการประกวดบูธ TU BE NUMBER ONE ของแต่ละตำบลในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อเป็นเวทีให้ศูนย์ TU BE NUMBER ONE ตำบลได้เสนอผลงานดำเนินงานและสมาชิกชมรมได้แสดงความสามารถ ซึ่งมีศูนย์ TU BE NUMBER ONE จำนวน 10 ศูนย์นำผลงานเข้าประกวด พร้อมทั้งสมาชิกรวมทั้งสิ้นกว่า 500 คน
หนองคาย - เกษตรกรสองสามีภรรยาชาวอำเภอสังคม ปลูกทุเรียนหมอนทองปลอดสารพิษ สร้างรายได้ปีละแสน
ที่สวนเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน เลขที่ 90 บ้านไทยพัฒนา หมู่ 7 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ของนางชมชื่น ชื่นตา หรือยายชื่น อายุ 63 ปี เปิดเผยว่า ตนเองและสามี คือนายบุญมา ชื่นตา อายุ 69 ปี มีอาชีพเป็นเกษตรกร ทำการเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมานานหลายปี มีที่ดินทำกิน 40 ไร่ ทำการปลูกพืชสวนหลากหลายชนิด เช่น เงาะโรงเรียน, มังคุด, ลิ้นจี่, สัปปะรด, สตรอ และพืชสวนยืนต้นอื่นๆมากมาย กระทั่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ตนและสามีได้นำพันธุ์ทุเรียนหมอนทองจากจังหวัดชุมพร มาทดลองปลูกที่สวนจำนวน 10 ต้น ซื้อมาต้นละ 120 บาท มาดูแลแบบเกษตรอินทรีย์ ใช้โฮโมนไข่บำรุงลำต้นและกำจัดแมลงโดยน้ำส้มควันไม้ ทำการดูแลอย่างดี ปลูกได้ 5 ปีก็เริ่มออกดอก ทิ้งไว้ 120 วันก็เช็คลูกทุเรียนโตถึง 70%หรือยัง ท่าลูกไหนได้ 70% ก็ปล่อยทิ้งไว้อีก 10-15 วันก็สามารถเก็บผลทุเรียนขายได้ ซึ่งปีแรกได้เงิน 40,000 บาท และผลผลิตที่ออกมายังได้รับคำชมจากลูกค้าว่าทุเรียนที่ปลูกมีรสชาติหวานมันอร่อย ไม่มีกลิ่นฉุน และไม่แสบร้อน ซึ่งอาจเป็นเพราะการใช้ปุ๋ยชีวภาพทำให้ดินดีอุดมสมบรูณ์ด้วยแร่ธาตุ ทำให้ลดความแสบร้อนของเนื้อทุเรียน และมีรสชาติหวานมันอร่อย เป็นที่ต้องการของลูกค้า
หลังจากนั้นจึงได้ขยายพื้นที่ปลูกต้นทุเรียน เพิ่มประมาณ 3 ไร่จำนวน 60 ต้น ใช้เวลาปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยวประมาณ 5-6 ปีก็ออกผล เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวจะมีลูกค้ามารับซื้อถึงในสวน บางคนก็มาสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งตนจะติดหมายเลขไว้ที่ลูกทุเรียนบันทึกลงบัญ และขอชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าที่จองไว้เพื่อติดต่อ เมื่อได้ผลผลิตก็จะโทรบอกลูกค้าทันที โดยจะทำการตัดสดๆจากต้นส่งให้ลูกค้าที่มารับ บางคนก็ขอตัดเอง อยากสัมผัส เพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่ในพื้นที่ แต่ละวันมีคนมาที่สวนและจองทุเรียนไม่ต่ำกว่า 50 คน ท่าเป็นเสาร์อาทิตย์มีมาไม่ต่ำกว่า 100 คน ตอนนี้มีลูกค้าเข้ามาจองแล้วกว่า 200 ลูก คาดว่าน่ามีมาจองอีก ทุเรียนที่ปลูกในระยะ 1 ปีจะผลผลิต 3 รุ่นต่อต้น ขายไปแล้ว 2 รุ่น ที่เหลืออยู่ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 แต่ละรุ่นได้ผลผลิตกว่า 200 ลูก โดยต้นที่มีอายุ 13-14 ปีจะออกผลผลิต 70-80 ลูกต่อต้น อายุ 7-8 ปีจะออกผลผลิต 40 ลูกขึ้นไปต่อต้น ขายกิโลกรัมละ 130 บาท ซึ่งผลผลิตที่ออกมายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยปีที่ผ่านมามีรายได้จากการขายทุเรียนถึง 1 แสนบาท คาดว่าปีนี้ก็คงได้มากกว่า 1 แสนบาท เพราะทุเรียนปีนี้ออกลูกมากกว่าปีที่ผ่านมา
ยายชื่นยังบอกอีกว่า ตอนนี้ตนได้นำทุเรียนสายพันธุ์ชะนี จำนวน 5 ต้นและสานพันธุ์ก้านยาว จำนวน 6 ต้นมาทดลองปลูกในพื้นที่ ซึ่งปลูกมาได้ 5 ปีแล้ว ทุเรียนชะนีกำลังออกดอก อีกไม่นานก็คงออกผลผลิตและเก็บขายได้ ซึ้งรายได้รวมพืชสวนอื่นๆที่ตนและสามีปลูกทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาทต่อปี และหากใครที่อยากจะปลูกทุเรียนตนยินดีที่ให้ความึรู้แก่ผู้ที่อยากปลูก หรือท่าอยากจะมาชมสวนก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร 061-134-1366 (ยายชื่น)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ
สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...
-
พ่อเมืองศรีเชียงใหม่ สั่งชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด สนธิกำลังชุดสืบสวน สภ.ศรีเชียงใหม่ ออกกวดล้างขบวนการค้ายาเสพติด จับกุมผู้ค้า ผู้เสพได...
-
สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับจังหวัดหนองคาย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย ได้จัดกิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ...
-
ลุยปราบต่อเนื่อง! นอภ.ศรีเชียงใหม่ สั่งชุดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปราบยาเสพติด สนธิกำลังชุดสืบสวน สภ ศรีเชียงใหม่ เดินหน้ากวาดล้างยาเสพติด...