วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

หนองคาย - ฝนตกสลับร้อน ส่งผลดีให้กับชาวบ้านในอำเภอสังคม ออกเก็บเห็ดป่าขายสร้างรายได้วันละ 500-1,000 บาท


      วันที่ 10 มิ.ย. 62 ที่จังวัดหนองคายสภาพอากาศมีฝนตกสลับกับอากาศร้อน โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม ทำให้เห็ดป๋าและของป่าหาง่ายขึ้น โดยชาวบ้านจะตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าป่าหาของป่าลงมาขายที่ตลาดชุมชนบ้านผาตั้ง ริมถนนหลวง 211 สังคม-ศรีเชียงใหม่ ฝั่งตรงข้ามที่ทำการ อบต.ผาตั้งหรือฝั่งตรงข้ามทางขึ้นวัดวัดผาตากเสื้อ






      ของป่าที่ชาวบ้านหามาได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหน่อไม้ป่า(หน่อไม้บง) และเห็ดชิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเห็ดระโงก, เห็ดไข่, เห็ดผึ้ง, เห็ดถ่าน, เห็ดดินหรือชาวเรียกว่าเห็ดหน้าแหล่ และเห็ดเผาะ ซึ่งเห็ดเผาะนี้ชาวบ้านบอกว่าจะเป็นเห็ดที่หายากมาก 3ปีจะมีซักครั้งหนึ่ง หรือท่าปีไหนมีพายุลูกเห็บตกในปีนั้น นั่นก็หมายความว่าจะมีเห็ดเผาะเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านในพื้นที่ตำบลผาตั้งได้เกิดพายุลูกเห็บตก จึงทำให้มีเห็ดเผาะเกิดขึ้นจำนวนมากและมีราคาแพง





        จากนั้นชาวบ้านก็จะนำเห็ดที่หาได้ลงมาขายกิโลกรัมละ 350-400 บาท โดยจะแบ่งเป็นถุงๆ ขายถุงละ 50-100 บาท เช่น เห็ดถ่าน, เห็ดดินถุงละ 50 บาท ส่วนเห็ดระโงก, เห็ดไข่, เห็ดผึ้ง และเห็ดเผาะถุงละ 100 บาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านถึงวันละ 500 - 1,000 บาท ถือว่าเป็นรายได้ที่ดีในช่วงนี้ ซึ่งลูกค้าก็ที่ขับรถผ่านไป-มาก็จะแวะซื้อนำไปปรุงเมนูเด็จพื้นบ้านอีสานนั่นเอง

      และนอกจากชาวบ้านในพื้นที่แล้วก็ยังมีชาวบ้านจากต่างจังหวัด เช่น อุดรธานี  ขอนแก่น เดินทางมาเก็บเห็ดเพื่อนำกลับไปขายในพื้นที่ของตนเองเช่นกันด้วย











วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562

หนองคาย โรงเรียนบ้านคำโป้งเป้งโคตรธิสารวิทยา จัดโครงการ"เรียนฟรีมีอุปกรณ์ กับครูแดงบ้านศิลป์ไทย" หวังให้ผู้เรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ใช้ศิลปะกับชีวิตในเวลาที่มีปัญหา


      เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 62 ที่โรงเรียนบ้านคำโป้งเป้งโคตรธิสารวิทยา ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมือง  จังหวัดหนองคาย นายสุริยา สุนาอาจ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคำโป้งเป้งโคตรธิสารวิทยา เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการ"เรียนศิลปะฟรีกับครูแดงบ้านศิลป์ไทย" เพื่อให้เด็กนักเรียนพื้นฐานในการเรียนรู้ทฤษฎีทางศิลปะ ได้ฝึกทักษะในแต่ละด้าน โดยมีครูแดง นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ ประธานชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย จังหวัดหนองคาย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปะรางวัล"คนดีศรีแผ่นดิน" ทำการสอนวาดภาพแก่เด็กๆ ในองค์ประกอบของการวาดภาพครอบคลุมเทคนิค+สื่อผสมอันหลากหลายในการสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นจุดด้อยของการภาพภาพ เทคนิคการให้สีและการลงสี บอกเล่าถึงเรื่องราวการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง





     นางอรุณรุ่ง  วชิรกัลยากร ครูผู้สอนสาย ป.5-6 ซึ่งเป็นครูผู้จัดกิจกรรม กล่าวว่า ครูแดงบ้านศิลป์ไทย มีจิตเมตตา จิตอาสา จะมาจัดค่ายศิลปะให้โรงเรียนบ้านคำโป้งเป้งโคตรธิสาร โดยไม่รับเงินค่าอุปกรณ์ใดๆ จากทางโรงเรียน เพราะเห็นว่าเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนหลายๆด้าน และผู้เรียนส่วนหนึ่งเป็นเด็กพิเศษเรียนร่วม ด้านการเรียนรู้ สมาธิสั้น ครูแดงเคยมาจัดค่ายศิลปะให้เมื่อปี 2552 ซึ่งการจัดกิจกรรมโครงการดังกล่าว ก็เพื่อหวังแค่ให้ผู้เรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ใช้ศิลปะกับชีวิตในเวลาที่มีปัญหา ใช้ศิลปะผ่อนคลายความเครียดในชีวิตและสิ่งแวดล้อม ในครอบครัวที่มีสภาพปัญหามากมาย ซึ่งเด็กนักเรียนที่วาดภาพระบายสีออกมาได้ตามวัตถุประสงค์องค์ประกอบของภาพ ได้รับรางวัลเป็นรถจักรยาน มูลค่า 1,590 บาท















เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ จับมืออำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย จัดแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขงลาว-ไทย มุ่งเสริมสร้างความสามัคคีอันดีต่อกันของทั้งสองเมือง


       วันที่ 8 มิ.ย. 62 ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียมล้านช้างสเตเดี้ยม เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ท่านวงเดือน บุนยะแสง เจ้าเมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ร่วมกับนายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร นายอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย จัดการแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธไมตรีไทย - ลาว โดยมีคณะนักกีฬาฟุตบอลจากลาว-ไทย(เมืองหาดทรายฟอง - อำเภอท่าบ่อ) ร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก ในประเภทนักกีฬา VIP ทีมละ 11 คน ใช้เวลาการแข่งขันครึ่งละ 30 นาที





      ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่ง ผลการแข่งเป็นทีม VIP อำเภอท่าบ่อ ชนะทีม VIP เมืองหาดทรายทอง 3:1 ประตู ท่ามกลางกลางเชียร์อย่างสนุกสนาน ซึ่งภายหลังจากการแข่งขัน ทางเมืองหาดฟองได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันและพบปะสังสรรค์ให้กับนักกีฬาของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างมิตรภาพที่ดีต่อกัน











วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562

หนองคาย - ยังไม่จบ! "ผู้ใหญ่บ้านขายศาลา" มีทั้งหนุน มีทั้งไล่ เจรจากันไม่มีข้อยุติ สุดท้ายให้ฝ่ายไล่กลับไปทำประชามติล่ารายชื่อถอดถอนผู้ใหญ่บ้าน ตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องถิ่น 2551 ท่าเสียงเกินกึ่งหนึ่ง "ผู้ใหญ่บ้าน"ต้องพ้นจากหน้าที่ ท่าไม่ถึงก็อยู่บริหารงานต่อค



      จากกรณีที่มีกลุ่มชาวบ้านนำโดยนายสมศักดิ์ มณีรัตน์ ได้ยื่นเรื่องไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าบ่อ เรื่องรื้อถอนศาลาวัดศรีชมชื่น หมู่ 6 บ้านสามขา ตำบลกองนาง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ว่านางเหมรัตน์ มณีรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน ได้รื้อถอนศาลาที่ได้รับความเสียหายจากพายุ เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามข้อตกลงไว้ ทำให้วัดและชาวบ้านได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง โดยกลุ่มชาวบ้านกล่าวหาผู้ใหญ่บ้านว่า ไม่โปร่งใส ส่อไปทางทุจริต ลุแก่อำนาจ ทำประชาคมไม่ทั่วถึง จึงอยากให้ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวพ้นจากหน้าที่

      ล่าสุดวันนี้ 7 มิ.ย. 62 นายธรรมพล ไชยนาม ปลัดอำเภอฝ่ายปกครองอำเภอท่าบ่อ พร้อมด้วยนายอนุพงษ์ พานารัตน์ (เจ้าพนักงานปกครอง ระดับปฏิบัติการ) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีพระครูอรุณปัญาญาธร ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อ พร้อมด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ร่วมพูดคุยเพื่อประนีประนอมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อหาข้อยุติ

     นางเหมรัตน์ มณีรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า การรื้อศาลานั้นได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสแล้วว่า การรื้อหลังคาเป็นกิจวัตรของวัด ไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่เจ้าอาวาสได้มอบหมายให้ตนประสานผู้รับเหมาเพื่อมาทำการรื้อถอนศาลา เมื่อได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสแล้ว ตนจึงได้ทำการประชุมกับชาวบ้านเรื่องการขายศาลาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา และในที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันว่าขายศาลาเพื่อที่จะสร้างขึ้นใหม่ ตนจึงประสานผู้รับเหมามา 3 ราย ซึ่งรายแรกให้ราคา 6 หมื่นบาท รายที่สอง 7 หมื่นบาท รายที่สาม 140,000 บาท ตนจึงต่อรองขอเพิ่มให้เป็น 150,000 บาท ผู้ซื้อก็ตกลงซื้อตนจึงได้แจ้งต่อเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสก็เร่งให้ดำเนินการเนื่องจากเอาไว้ก็ใช้งานไม่ได้ จึงได้ทำสัญญาการซื้อขาย ณ ที่การผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 62 เวลา 18.30 น. โดยผู้ซื้อมัดจำไว้ 5,000 บาท หลังจากนั้นได้มารื้อถอนเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 62 พร้อมจ่ายเงินส่วนที่เหลือ 145,000 บาท โดยตนได้มอบหมายให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและกรรมการวัดเป็นผู้เก็บเงินทั้งหมดไว้ และยังได้ทำการบันทึกรายนามผู้บริจาคสร้างศาลาที่รื้อไว้ เพราะเหตุความสำคัญต่อจิตใจของผู้บริจาคสร้างศาลาที่รื้อถอน และเงินที่ได้มายังไม่นำเข้าบัญชีธนาคาร เพราะมีความจำเป็นที่จะใช้ในการเฉพาะหน้าของวัด และการใช้จ่ายทุกครั้งก็มีใบเสร็จในการเบิกจ่ายเสมอ โดยคำชี้แจงให้การทั้งหมดก็เพื่อหาข้อยุติในการขัดแย้งว่าตนมีความผิดใด โดยฝ่ายผู้มาร้องมีแต่จะให้พิจารณาตนเองอย่างเดียว ว่าการทำงานทั้งหมดนี้ไม่โปร่งใส ซึ่งมันไม่เป็นธรรมกับตนเอง

       ด้านนายสมศักดิ์ มณีรัตน์ แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า ถึงอย่างไรการขายศาลาวัดศรีชมชื่น ผู้ใหญ่บ้านกระทำโดยมีชอบ ทำการประชาคมไม่ทั่วกัน ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าผู้ใหญ่บ้านคนนี้ไม่โปร่งใส ส่อไปทางทุจริต โดยอยากให้ผู้ใหญ่บ้านพ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน

      คณะที่ชาวบ้านที่สนับสนุนผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่า ผู้ใหญ่บ้านทำงานโปร่งใสทุกอย่าง เงินที่ได้มาก็มอบให้วัดหมด แล้วจะเอาเรื่องอะไรกับผู้ใหญ่บ้านอีก โดยมีการโต้เถึยงกันทั้งฝ่ายขับไล่ผู้ใหญ่บ้านกับฝ่ายสนับสนุนผู้ใหญ่ โดยไม่มีท่าทีจะจบกัน

      นายธรรมพล ไชยนาม ปลัดอำเภอท่าบ่อ จึงได้หาข้อสรุปฝ่ายที่ขับไล่ผู้ใหญ่บ้านไปทำประชามติล่ารายถอดถอนผู้ใหญ่บ้าน ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2551 มาตรา 14 (6) ซึ่งระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ (6) เมื่อราษฎรผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 11 ในหมู่บ้านนั้นจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของราษฎรผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 11 ทั้งหมด เข้าชื่อกันขอให้ผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง ในกรณีเช่นนั้น ให้นายอำเภอสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง แต่ท่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งของการลงประชามติ  ผู้ใหญ่บ้านก็ยังคงบริหารงานต่อไป

จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...