วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ทหารพราน ร้อย.ทพ.2104 ฉก.ทพ.21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และฝ่ายปกครองอำเภอสังคม บุกค้นกระท่อมรวบหนุ่มซุกทั้งยาบ้า-อาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุนอีกเพียบ

วันที่ 6 ก.พ.2566 ร.ท.พิชิตพล เคนดา ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2104  ฉก.ทพ.21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมกำลังพลของหน่วย และฝ่ายปกครองอำเภอสังคม เข้าทำการตรวจคันคดียาเสพติดประเภทยาบ้าและอาวุธปืน ที่กระท่อมหลังบ้านเลขที่ 83 บ.น้ำไพร ม.5 ต.สังคม อ.สังคม จว.หนองคาย พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย



คดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ร.ท.พิชิตพล เคนดา ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2104 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีซื้อ-ขายยาบ้า ภายในพื้น บ.น้ำไพร ม.5 ต.สังคม อ.สังคม จึงได้สั่งการให้ ร.ต.เนตร สติมั่น รอง ผบ.ร้อย.ฯ จัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว ร่วมกับ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.สังคม เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นกระท่อมภายในบริเวณดังกล่าว พบ นายจีระนัย ปานคาน (ตั๊ก) อายุ 35 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) พักอาศัยอยู่ในกระท่อมมีอาการกระสับกระส่ายเป็นพิรุธตกใจเมื่อเห็นจนท. จากนั้น จนท.จึงแสดงตัวและขอตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 58 เม็ด บรรจุในกระปุกสีขาวพันด้วยผ้าเทปสีดำอยู่ภายในกระท่อม


นอกจากนี้ จากการตรวจค้นภายในกระท่อมยังพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ปืนลูกกรด) จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 43 นัด โดยผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าเป็นของตนเองจริง จนท.จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง นำมาสอบสวนและบันทึกข้อมูล ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ณ ที่ทำการ ร้อย.ฉก.ทพ.2104 จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พนง.สส.สภ.สังคม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

"หนองคาย" หลังฝนตก อากาศเย็น อุณหภูมิ 26 องศา สุดฟินทะเลหมอก นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นจุดชมวิวยอดภูหนอง ต.บ้านม่วง อ.สังคม สัมผัสความสวยงามอลังการของทะเลหมอก

วันที่ 5 ก.พ. 2566 อุตุนิยมวิทยารายงานสภาพทั่วในจังหวัดหนองคาย มีฝนตกหรือฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อากาศเย็นหลังฝนตกในช่วงเช้า กับมีหมอกหนาปกคลุมในหลายพื้นที่ โดยอุณหภูมิ 22-25 องศาเซลเซียส และในหลายๆ อำเภอ อุณหภูมิทั่วไปยังคงมีอากาศเย็น สูงสุดบ่ายวันนี้ 29 องศาฯ ต่ำสุดเช้าพรุ่งนี้ 22 องศาฯ



โดยเฉพาะ ยอดภูหนอง ต.บ้านม่วง อ.สังคม เป็นอีกภูหนึ่งที่มีจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่ง นทท.ไม่ผิดหวัง มีทะเลหมอกสวยอลังการ ลอยฟุ้งทั่วบริเวณยอดภู บรรยากาศฟินสุดๆ จึงได้มีนักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น และชมทะเลหมอก ซึ่งการเดินทางจะนั่งรถอีแต๊กจากตีนภูถึงยอดภู ก็ใช้เวลาเพียง 20-30 นาที ก็ถึงยอดภูหนอง ซึ่งในช่วงนี้ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกลุ่มผู้ที่ชอบขึ้นไปชมทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถมองเห็นทแบบ 360 องศา และยังมองเห็นยอดภูต่างๆ ของ สปป.ลาว จึงเป็นจุดชมวิวที่สวยสุดอีกแห่งของจังหวัดหนองคาย







วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ชาวบ้านแห่สอยดาวมหากุศลลุ้นรางวัลใหญ่ "วัว-หมู-ไก่ชน"งานฉลองศาลาการเปรียญ และบุญผะเหวดเทศน์มหาชาติ วัดโคกสว่าง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

วันที่ 3 ก.พ. 2566  ที่วัดบ้านโคกสว่าง หมู่ที่ 7 บ้านหนองแวง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย  ได้จัดงานฉลองศาลาการเปรียญ ซึ่งได้บูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ หลังจากถูกไฟไหม้วอดทั้งหลังเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 57 และบุญผะเหวดเทศน์มหาชาติ ประจำปี 2566 ซึ่งปีนี้ทางวัดโคกสว่างได้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกๆ ปี ตั้งแต่วันที่ 1 - 5 ก.พ. 66 โดยมีมหรสพสมโภชทุกคืน ไม่ว่าจะเป็น ทอดผ้าป่าสามัคคี พิธีเททองหล่อหลวงพ่อบุญเย็น รำวงย้อนยุค ชมหมอลำ แห่พระเวสสันดร เทศน์มหาชาติ แต่สีสันที่น่าสนใจกว่านั้นคือ เวทีสอยดาว สังเกตได้ว่า มีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งต่างถิ่น ต่างอำภอจำนวนมาก แห่สอยดาวมหากุศลไม่ขาดสาย มีเสียงร้องเฮดีอกดีใจเมื่อได้รางวัลใหญ่ 




ทั้งนี้พระมหาปรีชา จิตตชัญโญ เจ้าอาวาสวัดโคกสว่าง และคณะกรรมการวัดโคกสว่าง พร้อมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และผู้นำชุมชน ได้จัดรางวัลสอยดาวปีนี้ มีทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน  ยังมีผู้ใจบุญ ใจกุศลบริจาควัว รวม 7 ตัว หมูแม่พันธุ์ 1 ตัว และไก่ชน 1 ตัว เพื่อเป็นรางวัลสอยดาวมหากุศลในครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านต่างพากันสนใจกันอย่างมาก หลังจากที่งดจัดงานบุญประจำปีถึง 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19  ซึ่งต่างก็ภาวนาสาธุขอให้ได้รางวัลใหญ่ แต่ละคนต่างก็ลุ้นและเชียร์ส่งเสียงดังสนั่น ใครได้รางวัลใหญ่เป็นวัว หมู หรือไก่ชน ถือว่าโชคดีไป ส่วนใครที่ไม่ได้ ก็จะได้ของอย่างอื่นไป เช่น เสื่อ ผ้าสิ้น กระบุง ตะกร้า เขียง หม้อ หมอน พัดรม จักรยานฯลฯ โดยบัตรจำหน่ายใบละ 50 บาท ไม่จำกัดว่าจะซื้อกี่ใบ ต่างลุ้นกันไม่ขาดสาย เนื่องจากแต่ละคนต้องการทำบุญอยู่แล้ว มีรางวัลมากมายให้จับ ซึ่งก็ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งสิ่งของกลับบ้าน กับงานสอยดาวมหากุศลในครั้งนี้



นางอารมณ์ บ้านเป้า 62 ปี ผู้บริจาควัวเป็นรางวัลสอยดาว กล่าวว่า หลานชายได้สักการะขอพรและบนบานขอความช่วยเหลือต่อ "หลวงพ่อบุญเย็น" พระประธานในอุโบสถวัดโคกสว่าง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านในพื้นที่และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ว่า หากได้ไปทำงานที่เกาหลีใต้ จะถวายวัว 1 ตัว หลังจากนั้นแค่วันเดียวก็ได้รับการติดต่อมาให้เดินทางไปทำงานโรงงานที่เกาหลี และได้เงินเดือนดี จึงได้ส่งเงินมาให้ซื้อวัว 1 ตัว ถวายหลวงพ่อบุญเย็น ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวของตนก็เข้ากราบอธิษฐานต่อองค์หลวงพ่อบุญเย็นเช่นกัน จนได้ไปทำงานโรงงานที่เกาหลีใต้ และได้ส่งเงินมาเพื่อทำผ้าป่าถวายหลวงพ่อฯทุกๆ ปี


นอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านทั้งใกล้และไกลมากราบนมัสการ สักการะขอพรและบนบานหลายเรื่อง เช่น เรื่องสอบเข้าเรียนต่อ สอบบรรจุเข้ารับราชการ โดยเฉพาะการไปทำงานยังต่างประเทศ ส่วนมากจะได้ตามที่บนบานไว้ ด้วยบารมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อบุญเย็น 







วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

พระเดชพระคุณ พระศรีวชิรโมลี รองเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย เป็นประธานพิธีปิดทองเจดีย์รากเหง้าดอนป่าเปือยบ้านหม้อ อ. ศรีเชียงใหม่

วันที่ 1 ก.พ. 2566 ที่ ดอนป่าเปือยบ้านหม้อ หมู่ที่ 7 ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พระเดชพระคุณ พระศรีวชิรโมลี รองเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย เจ้าอาวาสวัดชัยพร เป็นประธานพิธีปิดทองเจดีย์รากเหง้า ซึ่งคณะกรรมการดอนป่าเปือย ได้นำต้นเปือยที่ยืนต้นตาย มาบูรณะดำเนินการสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่บรรพบุรุษและผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมี หลวงพ่อฉลวย อชิโต เจ้าอาวาสวัดโนนหินเสื่อ ประธานอุปถัมป์ดอนป่าเปือย , พระครูสังฆรักษ์ ถาวระธมฺโม (หลวงพ่อบาทเดียว) เจ้าอาวาสวัดป่าอุดมคงคานิมิต รองประธานอุปถัมป์ด อนป่าเปือย พร้อมคณะสงฆ์ร่วมพิธีสวดมนต์เจริญชัยมงคลคาถา(สวดชยันโต) เพื่อเป็นมงคล




นอกจากนั้นพระเดชพระคุณ พระศรีวชิรโมลี ยังได้เมตตาปิดทองต้นนางพญาตาเปือย ซึ่งเป็นต้นเปือยเพียงต้นเตียวที่มีตาไม้ จากทั้งหมด 92 ต้น บนพื้นที่ 36 ไร่ในดอนป่าเปือย และยังเมตตาแต่งบทกล่าวบูชานางพญาตาเปือย ไว้ให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้กล่าวบูชาเทวดาที่สิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีคณะกรรมการดอนป่าเปือยและประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงร่วมพิธีด้วย




ทั้งนี้ดอนป่าเปือยบ้านหม้อ เป็นป่าช้าเก่าแก่นับร้อยปีของชาวไทพวนบ้านหม้อ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เนื่องจากพื้นทึ่แห่งนี้มีต้นเปือย (ตะแบก) ขนาดใหญ่จำนวน 92 ต้น ซึ่งต้นเปือยแต่ละต้นมีอายุไม่ต่ำกว่า 200-300 ปี และมีต้นเปือยใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเส้นรอบวง 5 เมตร 30 เซนติเมตร และยังสร้างสะพานเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมต้นเปือยทุกต้น ซึ่งปัจจุบันได้สร้างไปแล้ว 243 เมตร และจะดำเนินการก่อสร้างต่อไปเรื่อย ๆ ตามกำลังศรัทธาของประชาชน 











จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...