วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ตำรวจหนองคาย ใช้เวลาว่างปลูกองุ่นหลากหลายสานพันธุ์ สร้างรายได้ปีละ 5 แสน


หนองคาย – ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สังกัด สภ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำ หันมาปลูกองุ่นหลากหลายสานพันธุ์ สร้างรายได้ปีละ 5 แสน

       ด.ต.พิทักษ์ ศรีสุรัตน์ ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สังกัด สภ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ในฐานะเจ้าของไร่องุ่น ศรีสุรัตน์ อยู่ติดกับลำห้วยสาธารณะ บ้านยางคำ ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย กล่าวว่า ตนมีที่ดินอยู่ประมาณ 5 ไร่เศษ แยกเป็น 3 แปลง เมื่อก่อนตนปลูกสัปปะรด ซึ่งเมื่อสองสามปีที่ผ่านมาราคาสัปปะรดตกต่ำ ยิ่งทำยิ่งขาดทุน มองไม่เห็นกำไรที่จะได้ ตนจึงเลิกปลูกและหันมาทำการทดลองปลูกองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ไวท์มะกา แบล็คโอปอร์  คาร์ดินัล และป๊อกดำ จำนวนกว่า 800 ต้น ตนได้นำกิ่งพันธุ์มาจากอำเภอบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร โดยทดลองปลูกมาได้ประมาณ 1 ปีกว่า ซึ่งตลอดทั้งปีตนลองผิดลองถูก และศึกษาหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต



      ด.ต.พิทักษ์ กล่าวอีกว่า ตนใช้เวลาว่างจากการที่ทำงานประจำ ทั้งหลังเลิกงาน และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งขณะนี้ผลผลิตออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เนื่องจากรสชาติองุ่นมีความหวานอร่อย ที่สำคัญ องุ่นที่นี่จะใช้ปุ๋ยประเภทมูลสัตว์เป็นหลัก รอบการผลิตที่ผ่านมา หนึ่งแปลงสามารถเก็บผลผลิตได้ 2 ครั้งต่อปี ในแต่ละแปลงตนจะบังคับองุ่นไม่ให้ออกผลผลิตพร้อมกัน เนื่องจากจะได้เก็บผลผลิตได้ทั้งปี แต่ละรอบให้ผลผลิตไม่ตำกว่า 3 ตัน โดยจะขายในราคากิโลกรัมละ 100-120 บาทแล้วแต่สายพันธุ์ บางสายพันธุ์ขายราคากิโลกรัมละ 300 บาท อาทิ องุ่นไร้เมล็ด ซึ่งพอผลผลิตออกมาก็จะมีผู้มาสั่งจอง และเดินทางมาซื้อที่ไร่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่พอจำหน่ายต่อความต้องการของลูกค้า ถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี ถึง 500,000 บาท/ปี 




      ด.ต.พิทักษ์ กล่าวปิดท้ายว่า ในอนาคตตนจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร  เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน นอกจากนี้ตนยังเพาะกิ่งพันธุ์จำหน่ายในราคาต้นละ 100-120 บาทแล้วแต่สายพันธุ์  หากใครอยากเดินทางมาเที่ยวชมที่ไร่ของตน ก็ยินดีต้อนรับ ทางเข้าไร่ของตนจะอยู่ห่างจากถนนทางหลวงแผ่นดินสายศรีเชียงใหม่ – สังคม เลี้ยวเข้าบ้านยางคำ ต.บ้านหม้อ ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะเห็นป้ายบอกทางเข้าไร่องุ่น ศรีสุรัตน์ ซึ่งไร่องุ่นจะอยู่ห่างปากทางเข้าประมาณ 600 เมตร อยู่ติดกับลำห้วยสาธารณะบ้านยางคำ









 

ตม.หนองคาย รวบหนุ่มอุดรฯ รับจ้างขนแรงงานเวียดนามอยู่ในไทยเกินกำหนด


หนองคาย - ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย รวบแก๊งคนไทยพร้อม 16  ชาวเวียดนามที่แอบมาทำงานอยู่ในไทยเกินกำหนด อัดเต็มรถตู้เพื่อส่งข้ามไปยัง สปป.ลาว หวังเงินค่าจ้างเพียง 3,000 บาท

       วันนี้ (5 ก.พ. 2561) ที่ห้องสืบสวนกองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย, พ.ต.ต.ธีรพงศ์ ประจักษ์จิตร์ สว.ตม.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ตม.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายบุญจันทร์  ภูผิวเมฆ อายุ 39 ปี ชาว ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี พร้อมด้วยชาวเวียดนาม 16 คน บรรทุกมากับรถตู้
      

       การจับกุมแรงงานชาวเวียดนามครั้งนี้  สืบเนื่องจาก พ.ต.ต.ธีรพงศ์ ประจักษ์จิตร์ สว.ตม.หนองคาย ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีแก๊งคนไทยลักลอบนำชาวเวียดนามที่แอบมาทำงานอยู่ในไทยเกินกำหนด มากับรถตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียน 30-0453 อุดรธานี เพื่อส่งข้ามไปยัง สปป.ลาว จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย ทราบ จากนั้นจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองหนองคายได้ซุ่มอยู่บริเวณริมถนนมิตรภาพ หน้าปั้ม ปตท. หนองสองห้อง อ.เมืองหนองคาย  ห่างจากจุดตรวจจุดสกัดหนองสองห้องประมาณ 300 เมตร ได้พบรถตู้คันดังกล่าวขับผ่านด่านตรวจมาอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ ตม.จึงได้แสดงตนและได้ส่งสัญญาณให้รถหยุด  เพื่อทำการตรวจค้น  ทราบชื่อคนขับคือ นายบุญจันทร์  ภูผิวเมฆ อายุ 39 ปี ชาว ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ภายในรถตู้พบชาวเวียดนามจำนวน 16 คน จึงนำตัวทั้งหมดมายัง กองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย เพื่อทำการสอบสวน




       จากการสอบสวนนายบุญจันทร์  ภูผิวเมฆ รับสารภาพว่าตนเป็นคนรับจ้างจาก นายชัย (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) 3,000 บาท ให้ไปรับชาวเวียดนามที่สถานีรถไฟกุมภวาปี จ.อุดรธานี และให้นำไปส่งที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงชายแดน จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดโดยช่วยเหลือผู้นั้นด้วยประการใดๆ เพื่อมิให้ถูกจับกุม ตาม ป.อ.มาตรา 189                   ส่วนชาวเวียดนามทั้ง 16 คน ข้อหา อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด พร้อมควบคุมตัวทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ปกครองอำเภอสังคม รวบหนุ่มอุดรฯ พร้อมยาบ้าเกือบ 6 พันเม็ด


หนองคาย  - ฝ่ายปกครองอำเภอสังคม รวบหนุ่มอุดรธานีขวบเก๋งมารับยาบ้าถึงชายแดน สุดท้ายไปไม่รอด สารภาพนำยาบ้าไปจำหน่ายให้กลุ่มเยาวชนในพื้นที่อำเภอกุมภวาปี

      เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ที่ว่าการอำเภอสังคม จ.หนองคาย นายณรงค์  จตุธรรม  ปลัดอำเภอสังคม ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายณัฐพล  บ่อคำ อายุ 23 ปี  ชาวอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี พร้อมยาบ้า จำนวน 5,851 เม็ด,รถเก๋งมิตซูบิชิ สีเขียว หมายเลขทะเบียน กล 1644 อุดรธานี ได้ที่บริเวณวัดลุ่มบ้านเจื้อง ตำบลแก้งไก่ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ภายใต้การอำนวยการของ นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย,นางสาวศิริกัลยา  กิจรักษา นายอำเภอสังคม,พ.ต.อ.สราวุฒิ  อุรัจฉัท ผกก.สภ.สังคม
                


       การจับกุมครั้งนี้ นาณรงค์  จตุธรรม  ปลัดอำเภอสังคม  ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีการลักลอบส่งยาบ้ากับที่บริเวณวัดลุ่มบ้านเจื้อง ตำบลแก้งไก่ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ดังกล่าว  จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงพร้อมด้วย ร.ต.อะรัญ  ทองนาม หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อยอำเภอสังคม เจ้าหน้าที่อาสากองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอสังคม และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์และเฝ้าเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะใช้เป็นเส้นทางส่งยาเสพติด เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ สีเขียว หมายเลขทะเบียน กล 1644 อุดรธานี ขับเข้ามาจอดภายในวัด และสังเกตพบเรือเพลายาวแล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว มุ่งหน้ามายังบริเวณที่ได้รับแจ้ง  คนในเรือได้คุยโทรศัพท์ จากนั้น นายณัญพลฯ (ทราบชื่อภายหลัง) ได้ลงจากรถเดินไปที่ผนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำโขงและเดินลงไปรับห่อวัตถุต้องสงสัยสีขาว แล้วเดินกลับมาที่รถ เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าดูความเคลื่อนไหวอยู่ จึงได้แสดงตนขอตรวจข้าวของในห่อวัตถุสีขาวที่ นายณัญพลฯ ถืออยู่ในมือ เมื่อเปิดดูพบเป็นยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกสีน้ำเงินเข้ม นับได้จำนวน 5,851 เม็ด




       สอบสวนนายณัญพลฯ สารภาพว่า ตนได้สั่งซื้อยาบ้ามาจากชาวลาว เพื่อจะนำยาบ้านที่ได้ไปขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง มาทำการบังทึกการจับกุมตรวจค้นที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอสังคม พร้อมแจ้งข้อกล่าวห่าวา มียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังคม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดาวอินคาอย่างเป็นทางการ


หนองคาย – สำนักงานวิจัยพืชเศรษฐกิจดาวอินคา ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์เกษตรอินทรีย์วังบัวแดง จังหวัดหนองคาย จัดงานเปิดศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสุขภาพสายใยรักษ์คนแก่ที่ถูกลืม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดาวอินคาอย่างเป็นทางการ

       วันที่ 1 ก.พ. 2561 ที่ศูนย์อนุรักษ์เกษตรอินทรีย์วังบัวแดง บ้านหนองบ่อ ต.ปะโค อ.เมือง จ.หนองคาย สำนักงานวิจัยพืชเศรษฐกิจดาวอินคา ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์เกษตรอินทรีย์วังบัวแดง จังหวัดหนองคาย จัดงานเปิดศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสุขภาพสายใยรักษ์คนแก่ที่ถูกลืม โดยมี นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดหนองคาย เป็นประธาน ซึ่งก่อนพิธีเปิดได้จัดทำพิธีบายสีสู่ขวัญ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมงาน



       ดร.ศุภณัฏฐ์  นฤนาถวรเสฏส์ ประธานผู้ก่อตั้งสำนักงานวิจัยพืชเศรษฐกิจดาวอินคา  กล่าวว่า ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการรักษาระบบนิเวศน์เชิงอนุรักษ์ และทำแปลงสาธิตปลูกดาวอินคา ซึ่งใช้ต้นพลูป่าเป็นระบบราก และยอดเป็นยอดดาวอินคา และส่งเสริมการปลูกจำนวน 100 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งถั่วดาวอินคา เป็นพืชที่พบทั่วไปในแถบประเทศอเมริกาใต้ บริเวณแถบประเทศเปรู ซึ่งมนุษย์รู้จักนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยอินคา หรือในช่วงปี ค.ศ. 1438-1533 และสืบทอดมากันมาสู่คนพื้นเมืองมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการนำถั่วดาวอินคามาใช้ประโยชน์หลากหลาย อาทิ เมล็ดคั่วสุกใช้ทำซอส สกัดน้ำมัน หรือรับประทานเป็นอาหารคบเคี้ยว และใบใช้ประกอบอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ จากแหล่งกำเนิด และเคยมีชาวอินคานำมาใช้ประโยชน์ ประเทศไทยจึงเรียกถั่วชนิดนี้ว่า ถั่วดาวอินคา โดยสำนักงานวัตกรรมแห่งชาติ  ได้ให้การสนับสนุนงานวิจัยครั้งนี้ รวมทั้งสภาอุตสาหกรรม และหอการค้าไทย ภายใต้รหัส ISP 11922




       พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดาวอินคาอย่างเป็นทางการ อาทิ สบู่ถั่วดาวอินคา แคปซูลถั่วดาวอินคา  ชาดาวอินคา  เปลือกถั่วดาวอินคา เซรั่มบำรุงผิวดาวอินคา ยาหม่องสกัดดาวอินคา และยังมีการแสดงของโรงเรียนหนองบ่อ โรงเรียนโคกป่าฝาง และชาวเผ่าอินคาประเทศไทย โดยมีผู้ร่วมงาน จำนวน 300 คน.













วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

ผู้ว่าฯหนองคาย นำหัวหน้าส่วนราชการ พบสื่อมวลชน ครั้งที่ 4 ชี้แจงการดำเนินงาน การจัดการงานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ้อ ประจำปี 2561


หนองคาย – ผู้ว่าราชการหนองคาย นำหัวหน้าส่วนราชการ พบสื่อมวลชน ครั้งที่ 4 ชี้แจงการดำเนินงาน การจัดการงานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ้อ ใต้ร่มพระบารมี 191 ปี เมืองหนองคาย และงานกาชาด ประจำปี 2561

       วันนี้ (31 ม.ค. 2561) ที่ ห้องประชุมโรงแรมพันล้าน บูติคแอนด์รีสอร์ท หนองคาย อ.เมือง จ.หนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานนำหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด พบสื่อมวลชน ครั้งที่ 4 ประจำปีงบประมาณ 2561 ทั้งนี้ เพื่อชี้แจงการดำเนินงาน การจัดการงานฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ้อ ใต้ร่มพระบารมี 191 ปี เมืองหนองคาย และงานกาชาด ประจำปี 2561 รวมถึงการจัดงานวันรวมน้ำใจช่วยกาชาด และการรณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วน แต่งกายด้วยผ้าไทยทุกวันศุกร์



      นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ในปีนี้ จังหวัดหนองคาย กำหนดจัดงาน “ฉลองอนุสาวรีย์ปราบฮ้อ ใต้ร่มพระบารมี 191 ปี เมืองหนองคาย และงานกาชาด ประจำปี 2561” ขึ้นระหว่างวันที่ 5-13 มีนาคม 2561 ณ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา บริเวณศาลากลางจังหวัดหนองคาย(หลังเดิม) เพื่อเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของจังหวัดให้คงอยู่คู่บ้าน คู่เมืองหนองคายตลอดไป อีกทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในจังหวัดหนองคายและบุคคลทั่วไป  ได้รับรู้ถึงวีรกรรมของวีรชนในการปราบฮ้อ และเพื่อฉลองวันครบรอบ 191 ปีเมืองหนองคาย พร้อมทั้งการสนับสนุนการขยายตัวด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัด  และจัดหาทุนเพื่อสนับสนุนการสาธารณกุศลของจังหวัดที่ไม่มีงบประมาณสนับสนุน และสนับสนุนกิจกรรมของเหล่ากาชาด

       สำหรับกิจกรรมในงานปีนี้ยังคงหลากหลายมากมาย ประกอบด้วย การรำบวงสรวงอนุสาวรีย์ปราบฮ้อ และรำบายศรีเมืองหนองคาย การจัดแสดงนิทรรศการผลงานของส่วนราชการ ตามแนวทาง “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” การออกร้านมัจฉากาชาด การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน(OTOP) การจัดแสดงประกอบแสง สี เสียง “ใต้ร่มพระบารมี 191 ปี เมืองหนองคาย และตำนานสงครามปราบฮ้อ” การคัดเลือกคนดีศรีหนองคาย การจัดถนนอาหาร การแสดงคอนเสิร์ต การประกวดร้องเพลงและร้องเพลงเพื่อการกุศล การเดินแบบผ้าไทย และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจังหวัดหนองคาย จะมีการแถลงข่าวการจัดงานในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ ณ จวนผู้ว่าฯหลังเก่า




       ด้าน นายเผด็จ สุขเกษม วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จังหวัดหนองคาย โดย สำนักงานวัฒนธรรม จ.หนองคาย ได้สนับสนุนส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ให้สื่อมวลชนช่วยการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนทั่วไป รวมถึงข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ นักเรียน และนักศึกษา ช่วยกันแต่งกายด้วยผ้าไทยในทุกวันศุกร์ เพื่อเป็นแบบอย่างและเอกลักษณ์ของจังหวัด เป็นเอกลักษณ์ของการแต่งผ้าไทย แสดงถึงอารยธรรมที่ดีงามของชาวหนองคาย ด้วย.














จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...