วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ปกครองอำเภอท่าบ่อ ติวเข้มผู้นำหมู่บ้านและกลุ่มเป้าหมาย ในการพัฒนาศักยภาพของการจัดระเบียบสังคม


หนองคาย – ปกครองอำเภอท่าบ่อ ติวเข้มผู้นำหมู่บ้านและกลุ่มเป้าหมาย ในการพัฒนาศักยภาพของการจัดระเบียบสังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกับแผนพัฒนาอำเภอท่าบ่อ พ.ศ. 2561 -2564

       วันนี้ (20 ก.พ. 2561) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาอำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย นายศรัณย์ศักด์  ศรีเครือเนตร นายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานเปิดการอบรม โครงการพัฒนาศักยภาพของการจัดระเบียบสังคม ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยมี นายประสิทธิ์ ฤทธิ์มหา ปลัดอาวุโสอำเภอท่าบ่อ กล่าวรายงาน ซึ่งเป็นโครงการ/ กิจกรรมสนับสนุนบูรณาการและการขับเคลื่อนนโยบายในระดับอำเภอและท้องที่ ปี พ.ศ. 2561 ทั้งนี้เพื่อให้การจัดระเบียบสังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้มากยิ่งขึ้น และให้ผู้ประกอบกิจการที่มีกฎหมายควบคุม ได้มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนตามกฎหมายกำหนด สอดคล้องกับแผนพัฒนาอำเภอท่าบ่อ พ.ศ. 2561 -2564 ที่ได้กำหนดเป้าประสงค์รวมของอำเภอให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมมีความสุข มีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความสมัครสมานสามัคคี




      สำหรับการอบรมครั้งนี้ มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและการจัดระเบียบสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดหนองคาย สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ วัฒนธรรมอำเภอท่าบ่อ และที่ทำการปกครองอำเภอท่าบ่อ โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ผู้ประกอบกิจการโรงแรม สถานบริการ ร้านเกม ร้านคาราโอเกะ ขายทอดตลาดและค้าของเก่า และกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ จำนวน 477 คน.












อุบัติเหตุสลด!!...หญิงวัย 69 ปี ขับรถมอเตอร์ไซค์พุ่งชนประตูฝั่งขวาของรถยนต์กระบะได้รับบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล


หนองคาย –  อุบัติเหตุสลด!!...หญิงวัย 69 ปี ขับรถมอเตอร์ไซค์พุ่งชนประตูฝั่งขวาของรถยนต์กระบะมาสด้า ร่างกระเด็นไปตกอยู่กลางถนน เป็นจังหวะที่รถยนต์กระบะโตโยต้าอีกคันวิ่งมาเบรกได้อย่างกระชั้นชิด แต่ไม่รอดมีรถยนต์กระบะคันที่สามวิ่งมาชนท้ายรถยนต์กระบะโตโยต้า ทำให้รถไหลทับร่างหญิงวัย 69 ไปติดใต้ท้องรถได้รับบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลฯ ส่วนคนขับรถยนต์กระบะที่วิ่งมาชนท้ายซิ่งหลบหนี

       เมื่อเวลาประมาณ 11.10 น. วันนี้ (20 ก.พ. 2561) ร.ต.อ. ไพฑูรย์ ชั้นเสมา พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ท่าบ่อ ว่ามีเหตุรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนรถยนต์กระบะ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บนถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 211 สายท่าบ่อ-หนองสองห้อง บริเวณฝั่งตรงข้ามร้านเจียงคูโบต้าท่าบ่อ ฝั่งขาเข้าเมืองท่าบ่อ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมกู้ชีพโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ หน่วยกู้ภัยประจักษ์จุดท่าบ่อ และหน่วยกู้ภัยร่วมใจท่าบ่อ



         ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ฮ้อมาสด้า สีเทา หมายเลขทะเบียน บท 9085 หนองคาย จอดอยู่ริมทาง มุ่งหน้าเข้าท่าบ่อ มีรอยคราบเลือดติดอยู่มุมประตูด้านขวา มีนายสุเทพ วิสุทธิ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 455 หมู่ที่ 14 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย แสดงตนเป็นผู้ขับขี่ และใกล้กันพบรถมอเตอร์ไซค์ ยี่ฮ้อ ฮอนด้า สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน ยจพ 104 กทม. ล้มอยู่ช่องการจราจรที่ 2 มุ่งหน้าเข้าท่าบ่อ ทราบชื้อผู้ขับขี่คือ นางอุไร ธรรมรัตน์ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 313 หมู่ที่ 2 ต.เวียงคุก อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย โดยพบร่างของนางอุไรนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ใต้ท้องรถยนต์กระบะ ยี่ฮ้อ โตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 5384 อุดรธานี จอดอยู่ช่องการจราจรที่ 3 มุ่งหน้าเข้าท่าบ่อ มีนายสันต์ โนนทราย อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 423 ถ.อดุลยเดช ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี แสดงตนเป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมใจท่าบ่อ ต้องช่วยกันนำร่างของนางอุไรที่ได้รับบาดเจ็บ ออกจากใต้ท้องรถยนต์กระบะโตโยต้า พร้อมทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ สุดท้ายนางอุไรทดพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลฯ



        จากการสอบถามนายสุเทพ ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะมาสด้า บอกว่า ตนได้ขับขี่รถมาจากบ้านโพนสาเพื่อจะกลับบ้าน แต่ตนได้จอดรถอยู่ริมทางที่บริเวณดังกล่าว เพื่อลงทำธุระ ขณะที่กำลังเปิดประตูจู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับมาชนประตูรถของตนอย่างจัง ทั้งคนขับและรถมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปตกอยู่กลางถนน ขณะเดียวกันก็มีรถยนต์กระบะของนายสันต์ขับมาพอดี และได้เบรกรถหยุดไว้ได้ทันก่อนจะเยียบร่างของนางอุไร และในขณะเดียวกันก็มีรถยนต์กระบะยกสูง ไม่ทราบทะเบียน ยี่ฮ้อโตโยต้า สีบลอนทอง วิ่งชนท้ายรถของนายสันต์อย่างจัง จนทำให้รถของนายสันต์ไหลไปทับร่างของนางอุไร ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่นานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯได้มาช่วยนำร่างของนางอุไรออกจากใต้ท้องรถ แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลฯ สุดท้ายนางอุไรทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลฯ

      เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดและได้เก็บหลักฐาน และจะทำการสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนรถยนต์กระบะที่หลบหนี เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.


ภาพ / กู้ภัย




วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เหิมเกริม!!..เรือดูดหินกรวดลาวอ้างหน้าตาเชย หัวสันดอนของไทยมีหินกรวดจำนวนมาก ฝั่งลาว จนท.ลาวห้ามดูด กลัวตลิ่งทรุด จับ GPS ชี้ชัดล้ำเขตไทย



หนองคาย – ฝ่ายปกครองอำเภอท่าบ่อ ร่วมกับ นรข.เขตหนองคาย ตรวจสอบเรือลาวลักลอบดูดหินกรวดในเขตไทย GPS ชี้ชัดล้ำเขต  ส่วนผู้กำลังทำความผิดอ้างหน้าตาเชย หัวสันดอนของไทยมีหินกรวดจำนวนมาก ฝั่งลาว จนท.ลาวห้ามดูด กลัวตลิ่งทรุด สุดท้ายต้องยอมถอยกลับ ท่ายังกลับมาอีก จนท.ไทยจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

        จากกรณีที่ชาวบ้านบ้านท่ามะเฟือง ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย สุดทดต่อพฤติกรรมของเรือดูดทรายของประเทศลาว นำเรือดูดทราย 2 ลำ และเรือลำเลียง 4 ลำ มาทำการดูดทราย หินกรวด บริเวณหัวดอนต่ำดอนแตง ซึ่งเป็นสันดอนของไทย ทำให้ดอนที่เป็นพื้นที่ของไทยได้รับความเสียหาย ทรุด ถูกน้ำโขงกัดเซาะ และร่องน้ำโขงเปลี่ยนทิศทาง  ส่งผลกระทบด้านความมั่นคงและระบบนิเวศในแม่น้ำ และทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดน จากการกระทำดังกล่าว ชาวบ้านสุดทน จนต้องร้องเรียนผ่านสื่อ และสื่อได้นำเสนอข่าวของปัญหาดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา



       ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2561 นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร นายอำเภอท่าบ่อ ได้สั่งการให้ นายธรรมพล  ไชยนาม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอท่าบ่อ บูรณาการร่วมกับ เรือโทสราวุฒิ  ศักดิ์นาวีอุทัย รักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือศรีเชียงใหม่ นรข.เขตหนองคาย. นายแสงเพชร  โพธิรัตน์ กำนันตำบลโพนสา และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งพร้อมผู้สื่อข่าว ลงเรือออกตรวจสอบบริเวณที่ได้รับการร้องเรียน  พบเรือสัญชาติลาวได้วางทุ่นดูดหินกรวด-ทราย เข้ามาในเขตไทยและกำลังทำการดูดหินกรวด- ทราย จึงได้ให้ผู้ควบคุมเรือหยุดการเดินเครื่อง และทำการตรวจสอบทาง GPS ร่วมกับผู้ประกอบการและผู้ควบคุมเรือ ปรากฏเรือลำดังกล่าวได้รุกล้ำเข้ามาลักลอบดูดหินกรวด- ทราย ในเขตไทย บริเวณหัวสันดอนต่ำ ดอนแตง ลึกเข้าไปประมาณ 20 กว่า เมตร 



       จากการสอบถามผู้ควบคุมเรือ บอกว่า ตนเป็นลูกจ้างขับเรือควบคุมเรือ และได้นำเรือออกมาจากฝั่ง ลาว เวลาประมาณ 04.00 น.ทุกวัน เมื่อดูดหินกรวดเต็มลำเรือแล้วก็จะนำเรือกลับเข้าฝั่งเพื่อขนถ่ายหินกรวดลง และรอบนี้เป็นรอบที่สอง  ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับเขตแดนนั้นตนไม่ทราบ เพียงทำตามคำสั่งนายจ้างเท่านั้น รอให้สอบถาม นายพงศธร /ออดี้ (ไม่ทราบนามสกุล)ซึ่งเป็นผู้ผู้บริหาร และนางกนกวรรณ (ไม่ทราบนามสกุล) พี่สาว นายออดี้ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเสมียนประจำบริษัท BL ซึ่งทั้งสองแจ้งว่าได้รับสัมปทานให้ดูดทรายฝั่ง ลาว  เจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการก็ได้ตรวจสอบเขตร่วมกันในเบื้องต้นด้วยระบบ GPS ซึ่งนายออดี้ หรือพงศธร ยอมรับและยืนยันว่า เรือดูดทรายของตนได้เข้าไปดูดทรายในเขตไทยจริง  เนื่องจากฝั่งลาวไม่มีหินกรวด และพวกตนต้องการหินกรวดจำนวนมาก และเห็นว่าบริเวณบริเวณหัวสันดอนต่ำ ดอนแตง ของไทยนั้นมีหินกรวดมาก จึงได้ทิ้งทุ่นและนำเรือเข้ามาดูดดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ฝั่งลาวไม่ให้พวกตนเข้าไปดูดในเขตลาวเนื่องจากจะทำให้ตลิ่งฝั่งลาวทรุด พังได้รับความเสียหาย  จึงได้ลักลอบเข้ามาดูดในเขตไทย




          จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวทั้งหมดมาทำความเข้าใจเบื้องต้นที่ฝั่งประเทศไทย โดยมีนายวิไล  สีหาปัญญา รองนายบ้านดอน เมืองหาดทรายฟอง กำแพงนครเวียงจันทน์ เดินทางมาร่วมรับฟังด้วย จากการเจรจาเบื้องต้นผู้ประกอบการดูดทรายลาว ยอมรับว่าได้ลักลอบเข้ามาดูดในเขตไทยจริง เจ้าหน้าที่ไทยได้ชี้แจงทำความเข้าใจและให้ถอนสมอเรือให้นำเรือออกจากเขตไทย และเป็นการตักเตือนในฐานะบ้านพี่เมืองน้อง  และไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากพบการกระทำผิดอีก  ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป  ซึ่งผู้ประกอบการลาวพอใจ และยอมรับพร้อมให้เรือถอยออกจากเขตไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการไปนำเรียนปัญหาที่เกิดขึ้นต่อผู้นำท้องถิ่นของฝั่ง ลาว เพื่อให้มาประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทยในการหาแนวทางแก้ไขร่วมกันเพื่อป้องกันการเกิดความขัดแย้งและอาจเกิดการเข้าใจผิดต่อกันทั้งสองฝ่าย ผู้ประกอบการรับว่าจะได้ไปนำเรียนทางผู้นำท้องถิ่นฝั่งลาวต่อไป จากนั้นผู้ประกอบการลาวได้เดินทางกลับ



       จากการติดตามของผู้สื่อข่าวทราบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นปัญหาเรื้อรังมานานที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งส่งผลให้หัวดอนสันดอนของไทยบริเวณดังกล่าว เกิดการทรุดตัว ได้รับความเสียหาย จากการยืนยันของประชาชนว่า พวกตนไม่ทราบจะพึ่งใครได้ ร้องเรียนมาก็หลายครั้ง ก็ยังเห็นเหมือนเดิม ต้องมาพึ่งสื่อมวลชนเพื่อเป็นสื่อกลางในการสะท้อนปัญหาในท้องถิ่น  เพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบปัญหาที่แท้จริง เพื่อลดความหวาดระแวง และหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันของพี่น้องทั้งสองฝั่ง  ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด.


ทีมข่าวหนองคาย






วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

กทจ.หนองคาย ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง


หนองคาย - สำนักงานท่องเที่ยวกีฬาและกีฬา จังหวัดหนองคาย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง เพื่อเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้การพัฒนาการท่องเที่ยว

       วันนี้ (13 ก.พ. 2561) ที่ห้องกชมน โรงแรมรอยัลนาคา  อ.เมือง จ.หนองคาย สำนักงานท่องเที่ยวกีฬาและกีฬา จังหวัดหนองคาย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง โดยมีนายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในการประชุม   สำหรับการประชุมเพื่อเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวเขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง




       ด้านนายขจรเกียรติ แพงศรี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ร่วมบริษัท คอนซัลแทรซ์ออฟ เทคโนโลยี จำกัด ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง เป็นการขับเคลื่อนงานของเขตพัฒนาการท่องเที่ยวให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมนั้น  จำเป็นที่จะต้องมีการจัดทำแผนปฏิบัติการฯโดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐบาล เอกชน ชุมชน สถาบันการศึกษา เพื่อเป็นการกำหนด เป้าประสงค์วิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์และแผนงานโครงการและกิจกรรมต่างๆ ต่อไป.










จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...