วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ตรวจสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และผู้นำศาสนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10

โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ จัดทำโครงการตรวจสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และผู้นำศาสนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา ในปี 2567


วันที่ 21 ก.ค. 2566 เวลา 9.00 น. ที่ วัดอรัญญวาสี ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ ได้จัดทำโดรงการตรวจสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และผู้นำศาสนาขึ้น โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ กับเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสาพระราชทานและอสม.ทั้งอำเภอทำบ่อ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์มีสุขภาพดี สามารถปฏิบัติศาสนกิจในการสืบทอดพระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชน อันจะทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป โดยในพิธีเปิด มี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และ พระกิตดิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย / เจ้าอาวาสวัดอรัญญวาสี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์



สำหรับก่ตัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในปี พ.ศ.2567  เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาโรค และฟื้นฟูสุขภาพพระสงฆ์และผู้นำทางศาสนา  เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้รับการประเมินสุขภาพและคัดกรองดวามเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด การสูบบุหรี่ และเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ที่มีภาวะเสี่ยงได้รับความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองด้านการส่งเสริมสุขภาพ และการป้องกันไม่ให้เกิดโรค



พญ.ฤดีมน สกุลคู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ กล่าวรายงานความสำคัญของโครงการฯ ว่า กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดจะเป็นพระภิกษุสงฆ์  สามเณรในอำเภอท่าบ่อ รวม 374 รูป โดยในวันนี้จะเริ่มทำการตรวจพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 72 รูป กิจกรรมการตรวจประกอบไปด้วย การบริการตรวจดัดกรองสุขภาพ ตรวจเลือด  ตรวจตา ตรวจฟัน เอ็กชเรย์ปอด รวมถึงการถวายความรู้ เรื่องพิษภัยบุหรี่ ความรู้เรื่องยา และการดูแลสุขภาพร่างกายด้วย 3อ.2ส. และหลังจากนี้จะได้ทำการตรวจพระภิกษุสงฆ์ที่เหลือเป็นลำดับต่อไป จนครบทุกรูป











วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เกษตรกรหนองคายปลูกฝรั่งกิมจู-หงเป่าซือ แทนส้มเขียวหวาน พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ขายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

เกษตรกรหนองคายปลูกฝรั่งกิมจู-หงเป่าซือ แทนส้มเขียวหวาน พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ดูแลง่าย ขายสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดสปป.ลาว พร้อมเปิดให้ชมสวนเสาร์-อาทิตย์


ที สวนส้มเจ้าจอมขวัญ บ้านนาโพธิ์ ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ของนางสาวฤดี พวงจำปา ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกส้มสายพันธุ์เขียวหนองคาย(เขียวดำเนิน) 2,500 ต้น บนพื้นที่ 40 ไร่ หันมาปลูกฝรั่งสายพันธุ์กิมจู และฝรั่งสายพันธุ์หงเป่าซือ ใช้เวลาในการดูแลเพียง 2 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตและขาย สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาด สปป.ลาว




นางสาวฤดี พวงจำปา กล่าวว่า  เนื่องจากพื้นที่ปลูกส้มน้ำท่วม ทำให้ส้มได้รับความเสียหายจึงต้องปลูกผลไม้ชนิดใหม่ ท่ายังเอาส้มไว้จะต้องใช้ปุ๋ยชีวนะ แต่สวนสัมตรงนี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP จึงไม่สามารถใช้ปุ๋ยชีวนะได้  โดยทดลองปลูกฝรั่งดูว่าจะได้ผลหรือไม่ ซึ่งฝรั่งหงเป่าซือ ราคาที่ท้องตลาดอยู่ที่ 70-100 บาทต่อกิโลกรัม มีรสชาติหวาน หอม กรอบ อร่อย เนื้อในสีแดง การดูแลรักษาก็ดูแลง่าย โดยใช้กระดาษห่อเพื่อรักษาผิวของฝรั่งไม่ให้โดนแสงแดด จะทำให้ผลดูออกมาสวย ซึ่งฝรั่งหงเป่าซือและกิมจู ใช้ระยะเวลาในการปลูกที่ไม่นาน เพียง 2 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวและขายได้ แตกต่างจากปลูกส้ม หลังออกช่อดอกจนเริ่มมีผลลูกเล็ก จะใช้เวลาดูแลนานกว่า 8 เดือน จึงสามารถเก็บเกี่ยวและขายได้



นางสาวฤดี บอกต่อว่า ส่วนตลาดที่ต้องการ ก็มีทั้งขายหน้าสวน ส่งลูกค้าในจังหวัดและยังเป็นที่ต้องการของตลาด สปป.ลาว เป็นอย่างมาก ซึ่งจะรับซื้อทั้งหมด โดยฝรั่งหงเป่าซือ จะขายอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนฝรั่งกิมจู จะขายอยู่ที่ 35 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 3 กิโลกรัม 100 บาท ซึ่งตอนนี้การตลาดดีมาก อยากให้มีบรรยากาศเหมือนการเก็บส้มเหมือนเดิม โดยจะเปิดสวนให้ผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมได้ในวันเสาร์ - วันอาทิตย์ แต่ตอนนี้ที่สวนมีฝรั่งหงเป่าซือ เพียงแค่ร่องเดียว ที่เหลือก็เป็นฝรั่งกิมจู ซึ่งฝรังหงเป่าซือ ได้ทำการทดลองปลูกเริ่มแรก 30 ต้น เนื่องจากเกรงว่าจะปลูกแล้วไม่ติด แต่ปัจจุบันได้ขยายเพิ่ม รวมกว่า 600 ต้น ส่วนฝรั่ง"กิมจู" มีทั้งหมด 1,200 ต้น นอกจากนี้ในพื้นที่ยังได้ปลูกผลไม้หลายชนิด อาทิ กล้วย 3 สายพันธุ์ (กล้วยหอม ,กล้วยน้ำว้ากำแพงเพชร , กล้วยน้ำว้าปทุมฯ) , ลิ้นจี่ ,สัมโอทับทิมสยาม , อโวคาโด ,  มะม่วงเบา 200 ต้น , ชมพู่หวาน , มะพร้าวน้ำหอม และต้นสะแก  หากท่านใดสนใจที่จะชมสวน โทรฯสอบถามได้ที่เบอร์ 099-635-1945









วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

หนองคาย - ฝนตกหนักหลายชั่วโมง ทำน้ำท่วมถนนชนบท บ.หนองปลาปาก-บ.จำปาทอง รถเล็กสัญจรลำบาก

อำเภอศรีเชียงใหม่ เกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ส่งผลให้น้ำท่วมถนนทางหลวงชนบท เส้น 2266 บ.หนองปลาปาก-บ.จำปาทอง ระดับน้ำท่วมสูง 30-40 ซม. รถเล็กสัญจรลำบาก สาหตุพื้นที่เอกชนทำการปิดปากท่อระบายน้ำทำให้น้ำท่วมขังถนน นายกฯหนองปลาปากเร่งแก้ปัญหาติดตั้ง "ท่อซิ่ง"เครื่องสูบน้ำพญานาคสูบน้ำลงคลองส่งน้ำเพื่อการเกษตร ขณะเจ้าของที่เอกชนอ้าง น้ำท่วมที่ของตน ทั้งบ่อปลา ฟาร์มเมล่อนเสียหาย ทนมานาน 3 ปีแล้ว เคยร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้งเทศบาล อำเภอ จังหวัด มาเจรจาแก้ป้ญหาร่วมกันแต่ก็เงียบหาย


วันที่ 18 ก.ค. 2566  นายวิลัย จันทร์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาปาก พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นสำรวจถนนทางหลวงชนบท เส้น 2266 บ้านหนองปลาปาก หมู่ที่ 1 กับบ้านจำปาทอง หมู่ที่ 9 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หลังคืนที่ผ่านมาได้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้มวลน้ำที่ไหลหลากมาจากลำห้วยหวายบ้านขุมคำ หมู่ที่ 5  ไหลเอ่อท่วมถนน ระดับน้ำสูง 30 ซม. บางจุดมีน้ำท่วมสูงถึง 40 ซม. เป็นระยะทางกว่า 100 ม. ทำให้รถขนาดเล็กสัญจรด้วยความลำบาก  และไม่สามารถระบายออกสู่ลำห้วยหนองปลาปากได้ เนืองจากติดพื้นที่ของชาวบ้านซึ่งเป็นพื้นที่เอกชน ได้ปิดปากท่อระบายน้ำ เกรงว่าน้ำจะท่วมพื้นที่ของตัวเองได้รับความเสียหาย 






นายวิลัย จันทร์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาปาก  กล่าวว่า น้ำได้ไหลมาตามลำห้วยหวายลงท่วมถนน แต่ไม่สามารถระบายได้ เนื่องจากติดพื้นที่ของชาวบ้านที่เป็นที่เอกชนได้ปิดร่องระบายน้ำเอาไว้ ทำให้น้ำไม่สามารถระบายไปได้  ทางเทศบาลฯไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเป็นที่มีเอกสารฯ แต่ทางเทศบาลฯจะดำเนินการติดตั้งท่อซิ่งระบายน้ำออกไปก่อน เพื่อให้รถสัญจรไป-มาอย่างสะดวก หลังจากน้ำลดแล้วก็จะหาวิธีแก้ไขเพื่อให้น้ำไหลลงลำห้วยหนองปลาปาก โดยจะนำท่อซิ่งขนาด 16 นิ้ว 1 เครื่อง มาติดตั้งที่บริเวณริมถนนในการช่วยสูบน้ำออกจากถนนลงคลองส่งน้ำเพื่อการเกษตร ให้ชาวนาที่ต้องการน้ำได้ใช้น้ำทำนา





ทางด้านนายนาวิน ลิ้มมณีประเสริฐ เจ้าของพื้นที่เอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง บอกว่า แต่ละปีตนก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 ไร่ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ปลาที่เลี้ยงไว้ก็ตาย ฟาร์มเมล่อนก็ได้รับความเสียหาย ผมอดทนมา 3 ปี และได้ร้องเรียนไปหานายกเทศมนตรีทั้ง 3 นายกให้ช่วยมาแก้ไข หรือว่าเจรจามาทำการเปิดท่อ เพื่อให้น้ำไหลตามเดิมเหมือนเก่า แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ตนและครอบครัวจึงตัดสินใจปิดท่อระบายน้ำตามอำนาจ เอกสารหลักฐานผู้ครอบครองที่ดิน เพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้  อีกอย่างพื้นที่เกษตรของชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนได้ทำการปลูกสับปะรด  แล้วน้ำที่มีสารเคมีได้ไหลลงมายังบ่อเลี้ยงปลา ทำให้ปลาในบ่อตายหมดบ่อ โรงเรือนที่ปลูกเมล่อนก็ไม่สามารถปลูกได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาถูกน้ำท่วมเต็มไปหมด ได้ร้องเรียนไปทั้งเทศบาลฯ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ  ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข  ผมอยากบอกให้ทุกคนได้รู้ได้เห็นความเดือดร้อนของตนมันหนักหนาพอสมควร  แต่ท่าเป็นตัวของของพวกคุณเอง คุณจะแก้ไขปัญหาแบบไหน











วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

นรข.หนองคาย ซุ่มริมโขงจับแก๊งค้ายานรกข้ามแม่น้ำโขง ยึดได้ 62,000 เม็ด

หน่วยเรือโพนพิสัย นรข.เขตหนองคาย บูรณาการซุ่มริมโขงจับแก๊งค้ายานรกแล่นเรือข้ามแม่น้ำโขงขึ้นฝั่งไทย ก่อนเข้าจับแต่นักค้ายาอาศัยความมืดวิ่งหนีเข้าไปในพงหญ้าที่รกทึบหลบหนีไปได้ ตรวจยึดพบยาบ้าในกระเป๋าสีน้ำตาล 1 กระเป๋า จำนวน 62,000 เม็ด

วันที่ 17 ก.ค. 2566 เจ้าหน้าที่หน่วยเรือโพนพิสัย นรข.เขตหนองคาย ได้รับแจ้ง จากสายข่าว ว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่บ้านพวก ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย จึงได้รายงานให้ นาวาเอกจิรัฏฐ์ ผูกทอง ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบ พร้อมประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันจัดวางกําลังซุ่มเฝ้าตรวจพื้นที่ที่ได้รับแจ้งและบริเวณใกล้เคียง จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.15 น. ของวันที่ 16 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่ฯ ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือ จึงได้ใช้กล้องส่องกลางคืนตรวจสอบ พบเรือกีบเพลายาว จำนวน 1 ลำบริเวณกลางแม่น้ำโขง เรือแล่นมาจากทางด้านบ้านหัวหาด ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย โดยมีบุคคลต้องสงสัยมากับเรือ 2 คน และในเวลาต่อมาเรือลำดังกล่าวได้ดับเครื่องและพายเรือเข้าไปบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงของบ้านพวก ต.บ้านเดื่อ ห่างจากจุดที่ จนท.ซุ่มเฝ้าตรวจประมาณ 2 เมตร มีชายต้องสงสัย 1 คน ได้เดินไปยังบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงที่เรือต้องสงสัยอยู่ และบุคคลที่อยู่บนเรือได้โยนวัตถุต้องสงสัยให้กับชายที่อยู่บนฝั่ง จำนวน 1 ชิ้น และได้แล่นเรือออกไปยังทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน


จนท.จึงได้แสดงตนเพื่อขอตรวจค้น โดยชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้ทิ้งวัตถุต้องสงสัยแล้วอาศัยความมืดวิ่งหนีเข้าไปในพงหญ้าที่รกทึบหลบหนีไปได้  จนท.จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบพื้นที่พบกระเป๋าสีน้ำตาล จำนวน 1 จึงได้เปิดกระเป๋าออกเพื่อตรวจสอบ พบก้อนสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลห่อด้วยกระดาษไขที่มี ตราอักษร Y-1 หมึกสีเขียว ภายในเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จนท.จึงนําของกลางทั้งหมดมายังหน่วยเรือโพนพิสัย เพื่อทำการตรวจนับอย่างละเอียด ผลการตรวจนับยาบ้าทั้งหมดประมาณ 62,000 เม็ด  จึงได้ทำบันทึกตรวจยึด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเดื่อ เพื่อดําเนินงานตามกฎหมายต่อไป 





จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา...