วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

นรข.เขตหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจยึดกัญชามูลค่ากว่า 17 ล้านบาท จากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน สารภาพเป็นเพียงผู้ดูต้นทาง


   
        เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2561 ที่ สถานีเรือรัตนวาปี อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย  นาวาตรีอัศวิน  อุยสีรักษ์ หัวหน้าสถานีเรือรัตนวาปี ออกปฎิบัติการพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ นำกำลังเข้าดักจับและตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยที่วิ่งเข้ามาในพื้นที่อำเภอรัตนวาปี หลังได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติมารับยาเสพติดในพื้นที่ ขณะเจ้าหน้าที่เข้าดักซุ่มพบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งเข้าไปรับยาเสพติดในพื้นที่และขับออกมาอย่างรวดเร็วแต่รถเกิดติดหล่ม และทิ้งรถวิ่งหลบหนีไปได้  เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดกัญชาได้ 785 กิโลกรัม บรรจุในกระสอบ 18 กระสอบ มูลค่าปลายทางกว่า 17 ล้านบาท และรถยนต์ โตโยต้า สีดำ ป้ายทะเบียน บห 6654 ราชบุรี อีกหนึ่งคันจับกุมผู้ต้องหา นายมนต์  ชูรัตน์ ชาว สปป.ลาว และ นายจิระศักดิ์  (ติ่ง) แสวงศรี อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 72 หมู่ 7 บ้านต้อนหัวนา ต.บ้านต้อน อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย ที่ลักลอบลำเลียงกัญชาโดยใช้เส้นทางชายแดนไทย – ลาว เป็นเส้นทางในการขนถ่ายยาเสพติด หากกัญชาจำนวนดังกล่าวผ่านและส่งต่อไปยังต่างประเทศได้จะมีมูลค่าถึง 17 ล้านบาท ภายใต้อำนวยการโดย พล.ร.ต.ระพีพงษ์  โสวรรณ ผบ.นรข.,น.อ.ทิวา  อ่อนลออ ผบ.นรข.เขตหนองคาย,พ.อ.ปิยพณห์  ฐิติวัฒนานนท์ ผบ.กกล.รส.หนองคาย,พ.ต.อ.จารุกิตติ์  ภัทรศิริกรพัฒน์ ผกก.สภ.รัตนวาปี




        การจับกุมครั้งนี้ น.ต.อัศวิน  อุยสีรักษ์ หัวหน้าสถานีเรือรัตนวาปี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติเข้ามาในพื้นที่เพื่อมารับยาเสพติดที่ลักลอบเข้ามาจาก ประเทศเพื่อบ้าน จึงได้รายงานให้ น.อ.ทิวา  อ่อนลออ ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องออกปฎิบัติการตามจุดเสี่ยงต่างๆ จนสามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้ดังกล่าวได้ที่ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงข้างโรงสูบน้ำบ้านต้อนเขตรอยต่อระหว่าง อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย และ อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ  จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดระหว่างเส้นทางต่างๆ พบรถยนต์คันดังกล่าววิ่งเข้ามาอยู่ในพื้นที่หลายวัน โดยรถติดโครงเหล็กเสริมแหนบขนาดใหญ่ทำเป็นรถขนสินค้าประเภทพืชผักต่างๆ เพื่อหลบเจ้าหน้าที่





         จากการสอบสวนผู้ต้องหา นายมนต์ฯ ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นชาวลาว และเคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับยาเสพติดที่ เรือนจำจังหวัดหนองคาย และพ้นโทษออกมาได้ 2 ปี และตนเป็นเพียงคนดูต้นทางเท่านั้น และทำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกนั้นเมื่อประมาณ ต้นเดือน พ.ย. 61 ส่วน นายจิระศักดิ์ฯ ให้การปฎิเสธ เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากได้ติดตามไปตรวจสอบที่บ้านพบกุญแจรถคันดังกล่าววางไว้บนตู้เสื้อผ้าภายในบ้าน จากนั้นได้มีชายไม่ทราบชื่อ สกุลมาแสดงตนรับเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเทภ 5(กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นควบคุมตัวทั้งสองพร้อมของกลางส่ง สภ.รัตนวาปีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ฤาษีลภ/มนเดช/หนองคาย





วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

บ้านดงต้อง หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัดหนองคาย สนุกไปกับการนั่งรถอีแต๊กเที่ยวชมหมู่บ้าน และลงเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาขึ้นภูนกกระบา ท่ามกลางอ้อมกอดของป่าเขากับท้องฟ้าสีคราม



        นางกรรณิการ์  วงค์ศิริ กำนันตำบลผาตั้งและเป็นประธานท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านดงต้อง กล่าวว่า บ้านดงต้อง ตั้งอยู่ที่ ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร ทั้งรวมกลุ่มเพาะเห็ดนางฟ้า ทำไร่สับปะรด ไร่กาแฟ สวนยางพารา และได้รับการคัดเลือกจากพัฒนาการจังหวัดหนองคาย ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี  หรือชุมชนน่าเที่ยว OTOP นว้ตวิถี ณ หนองคาย เนื่องจากมีจุดเด่นทั้งด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาซึมซับธรรมชาติ และมีแหล่งท่องเที่ยวอยู่มากมายให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นผาชมหมอก ผาดัก ภูนกกระบา และถ้ำเพียงดิน






       กิจกรรมในชุมชนที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส เริ่มจากนั่งรถอีแต๊ก ชมบรรยากาศและวิถีชีวิตรอบหมู่บ้าน แล้วขึ้นไปยังผาชมหมอก ชมทิวทัศน์ของป่าเขา สูดอากาศบริสุทธิ์พลางๆ กับท้องฟ้าสีครามในความรู้สึกฟินๆ แล้วเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาชมธรรมชาติของป่าชุมชน แล้วไปหยุดพักเหนื่อยที่ศาลาส่องยาม  พอหายเหนื่อยก็เริ่มเดินขึ้นภูนกกระบา ชมต้นไม้กลายเป็นหิน ใบเสมาโบราณและกล่องข้าวผีกองกอย  พร้อมกับชมธรรมชาติรางวัลลูกโลกสีเขียวบนภูนกกระบา เป็นสถานที่ที่สามารถชมทิวทัศน์ได้ถึง 360° แต่ท่านักท่องเที่ยวอยากชมทะเลหมอก ก็ให้เดินทางมาแต่เช้าตรู่  ท่ามีเวลาว่างก็สามารถรอชมพระอาทิตย์ตกดินที่ภูนกกระบา โดยพระอาทิตย์จะค่อยๆ เลื่อนลงกลางหุบเขาสวยงามมาก เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก  หากนักท่องเที่ยวสนใจอยากร่วมกิจกรรมที่บ้านดงต้อง สามารถตืดต่อได้ที่เบอร์โทร 083-3321095 (กำนันกรรณิการ์)















วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

หนองคาย - อำเภอศรีเชียงใหม่ ร่วมกับสภาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอำเภอศรีเชียงใหม่ และ อปท.ในพื้นที่ จัดเดินแบบผ้าไทยการกุศลและการแสดงแสง สี เสียง " เบิ่งเวียงเคียงโขง 484 ปี เมืองพานพร้าว ศรีเชียงใหม่"



        วันที่ 23 พ.ย. 2561 เวลา 19.30 น. ที่ลานเบิ่งเวียงริมฝั่งโขง หน้าวัดหาดปทุม ตำบลพานพร้าว อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย นายวรรณพล ต่อพล นายอำเภอศรีเชียงใหม่ รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดหนองคาย  ได้ร่วมกับสภาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอำเภอศรีเชียงใหม่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ จัดงานเบิ่งเวียงเคียงโขง ลอยกระทงศรีเชียงใหม่ สืบสานตำนานเมืองพานพร้าว 484 ปี โดยมี นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดงาน







        ในงานได้จัดเดินแบบผ้าไทยการกุศล โดยมีนายแบบนางแบบกิตติมศักดิ์แต่งผ้าไทย 29 คู่ ร่วมเดินแบบเพื่อหารายได้สมทบทุนบูรณะวัดหาดปทุม หลังจากนั้นได้เปิดการแสดง แสง สี เสียง "เบิ่งเวียงเคียงโขง 484 ปี เมืองพานพร้าว ศรีเชียงใหม่" อย่างยิ่งใหญ่ โดยบอกเล่าตำนานเมื่อครั้งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช อพยพไพร่พลชาวเชียงใหม่จำนวนหนึ่งพร้อมกับธิดาสองพระองค์ของกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ และช้างเผือกหนึ่งเชือก หนีการรุกรานของพระเจ้าบุเรงนอง มาพักอยู่ที่เมืองพานพร้าว  แต่เมื่อมาถึงช้างเผือกได้ตาย พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช จึงนำไปฝังไว้ที่วัด ซึ่งต่อมาได้เรียกวัดนั้นว่า "วัดช้างเผือก" และพระองค์ก็ข้ามไปยังฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และตั้งชื่อบริเวณนั้นว่า "เวียงจันทน์" และได้พระราชทานที่ดินทางฝั่งขวาให้กับชาวเชียงใหม่ที่อพยพตามมา และตั้งชื่อให้ว่า "ศรีเชียงใหม่" หมายถึงความเป็นศิริมงคลแก่ผู้ที่อาศัยอยู่ ในช่วงเวลาที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชปกครองเวียงจันทน์ พระองค์ได้ปกครองประชาราชได้อยู่เบ็ญเป็นสุข และทำนุบำรุงศาสนา สร้างพระพุทธรูป ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อพระสุข หลวงพ่อพระเสริม หลวงพ่อพระใส  และหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ รวมทั้งพระธาตุพนมและพระธาตุเชิงชุม




     สำหรับประวัติความเป็นมาของเมืองพานพร้าว  นั้นเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน โดยมีเอกสารปรากฏชื่อเมืองพานพร้าวอยู่หลายแห่งในพงศาวดารลาว บางแห่งเป็น "ธารพร้าว" หรือ "พั่งพ่าว" ซึ่งต่างก็หมายถึงเมืองพานพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเมืองโบราณปรากฏอยู่ในพงศาวดารลาวตั้งแต่ พ.ศ. 2078  เมืองพานพร้าวในสมัยปฏิรูปการปกครอง เป็นหัวเมืองในมณฑลลาวพวน ปี พ.ศ.2436 ภายหลังขึ้นกับเมืองหนองคาย  ต่อมามีการแบ่งเขตเป็นอำเภอ จังหวัด  เมืองพานพร้าวเป็นที่ตั้งของอำเภอท่าบ่อ ครั้นอำเภอท่าบ่อย้ายมาตั้งอยู่ที่บ้านท่าบ่อ (อำเภอท่าบ่อ ปัจจุบัน)  จึงตั้งตำบลพานพร้าวเป็นอำเภอศรีเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500  ถือว่าเป็นอำเภอที่มีความใกล้ชิดกับเวียงจันทน์มากที่สุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  อำเภอศรีเชียงใหม่ได้ย้ายที่ทำการมาตั้งอยู่ที่ปัจจุบัน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2543










จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...