วัดศรีชมภูองค์ตื้อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย สืบสานประเพณีบุญเดือน 4 นมัสการหลวงพ่อองค์ตื้อ ครบรอบ 458 ปี เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 2 ฝั่งโขง และองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดหนองคาย

วันที่ 3 มี.ค. 63 ที่ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ (วัดน้ำโมง) ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดงานบุญเดือน 4 ประจำปี 2563 นมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ครบรอบ 458 ปี โดยมี พ.จ.อ. วัชรินทร์ โชติพงษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าบ่อ รักษาราชการแทนนายอำเภอท่าบ่อ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนางวัชรินทร์ จิตรวิเศษ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ร่วมในพิธีจำนวนมาก โดยก่อนพิธีเปิดในช่วงเช้ามีพิธีบวงสรวงเทวดาตาพลี ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสามเณร ภายหลังจากพิธีเปิดมีการแสดงชุด “เปิดตำนานหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ” จากนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ ประกอบด้วย รำบายศรีสู่ขวัญ, รำนกยูง, รำเฉลิมฉลองสมโภช, รำเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และฟ้อนบูชาหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ

หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อเป็นพระพุทธรูปสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะ ของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อปี พ.ศ.2105 โดยชาวบ้านน้ำโมงในสมัยนั้นได้มีมติให้สร้างพระพุทธรูป เพื่อเป็นที่สักการะแด่คนรุ่นหลัง จึงเรี่ยไรเงิน ทองแดง ทอง ทองเหลืองน้ำหนักรวมกันได้ 1 ตื้อ หรือประมาณ 12,000 กิโลกรัม พระสงฆ์และชาวบ้านได้ร่วมกันหล่อเป็นส่วนๆ และหล่อตอนพระเกศเป็นอันดับสุดท้าย แล้วนำมาประกอบเป็นองค์พระประดิษฐานในวัดศรีชมพูองค์ตื้อ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ฝีมือช่างฝ่ายเหนือและล้านช้าง ผสมผสานศิลปกรรมล้านนาและล้านช้าง นับเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก ถือเป็นพระปรางซึ่งหล่อด้วยสำริด องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดหนองคาย หน้าตักกว้าง 3 เมตร 29 เซนติเมตร สูง 4 เมตร

สำหรับชาวหนองคายและประชาชนทั่วไปทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงเชื่อว่าหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก แม้พระพุทธรูปจำลองที่สร้างขึ้นภายหลังก็ยังเลิศด้วยพระบารมี ในยุคสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้กำหนดเป็นพระราชพิธีที่กษัตริย์เวียงจันทร์ต้องเสด็จมานมัสการทุกปีในเดือนสี่ งานนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อหรือประเพณีสมโภชพระเจ้าองค์ตื้อ เรียกว่าบุญเดือนสี่หรือบุญผะเหวด จัดเป็นประจำทุกปี จนเวียนมาครบรอบ 458 ปีแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้พุทธศาสนิกชนบำเพ็ญบุญส่งเสริมรักษาประเพณีวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา เมื่อเทศกาลบุญเดือนสี่มาถึงลูกหลานที่ไปอยู่หรือทำงานต่างถิ่นจะกลับมานมัสการถวายเครื่องสักการะบูชา เพื่อขออานุภาพหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

โดยงานเทศกาลนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 - 8 มีนาคม 2563 มีมหรสพสมโภชทุกคืน และภายในงานยังมีร้านมัจฉากาชาดโดยกิ่งกาชาดอำเภอท่าบ่อ มาร่วมกิจกรรมอีกด้วย

พายุฤดูร้อนถล่ม 2 ตำบลของอำเภอสังคม จ.หนองคาย พัดหลังคาบ้าน-โรงเรียนปลิ่วว่อน โค่นเสาไฟฟ้า สวนยางพาราหัก ชาวบ้านเผยหนักสุดในรอบ 5 ปี

วันนี้ 3 มี.ค. 63 ที่ โรงเรียนบ้านเทา-นาบอน หมู่ 4 ต.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย นายสุวิทย์ คำสอนทา ผอ.โรงเรียนบ้านเทา-นาบอน พร้อมด้วยคณะครู นักเรียน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังคม เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ได้ช่วยกันเก็บซากปรักหักพังที่ถูกพายุถล่มอาคารเรียนจนพังเสียหาย โดยช่วยกันเก็บเศษกระเบื้องและเศษใบไม้กิ่งไม้จากแรงพายุพัดถล่ม เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 2 มีนาคม 2563 ทำให้อาคารเรียนได้รับผลกระทบจากพายุพัดพังเสียหาย 3 อาคารเรียน บ้านพักครู 2 หลัง  นอกจากนี้ในตำบลนางิ้ว ยังมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 18 หลังคาเรือน วัด 2 แห่ง เสาไฟฟ้าหัก 2 ต้น รวมทั้งพืชผลทางการเกษตร เช่น สวนยางพารา โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดของเจ้าหน้าที่  ส่วนที่ตำบลบ้านม่วง อ.สังคม แรงพายุหมุนยังได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่หมู่ 3 หมู่ 6 และหมู่ 7 จำนวน 40 หลังคาเรือนเช่นกัน

จากการสอบถามชาวบ้านบ้านนาบอน กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา พายุหมุนมาแรงมาก ไม่ถึง 20 นาที ทั้งลม ฝน และลูกเห็บเสียงครืนครืน จากนั้นก็ได้ยินเสียงหลังคาบ้านดังโครมถล่มลงมา ตัวบ้านสั่นสะเทือนไปหมด เหมือนพายุจะหอบเอาตัวบ้านยกขึ้นทั้งหลัง มองเห็นหลังคาบ้านและของโรงเรียนปลิวกระจัดกระจาย ทั้งกลัวทั้งตกใจ เกือบ 5 ปีแล้วที่ไม่เคยเจอแบบนี้ บ้านของตนหลังคาบ้านชั้น 2 พังลงมา ไปค้างอยู่รั้วโรงเรียน ส่วนหลังคาโรงเรียนก็ปลิวมาค้างที่สายไฟฟ้าริมถนน

 และตกเกลื่อนทั่วสนามโรงเรียน

สวนเห็ด"รัชชานนท์" อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ทดลองเพาะเห็ดถังเช่าสีทองในขวดแก้วภายในตู้แช่เย็น เป็นการต่อยอดจากการประสบผลสำเร็จในการเพาะเห็ดหลินจือแดง

ที่ สวนเห็ด"รัชชานนท์" ซึ่งตั้งอยู่บ้านนาโพธิ์ ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ได้มีการต่อยอดจากเห็ดหลินจือแดง จนประสบความสำเร็จ แล้วหันมาทดลองเพาะ "เห็ดถังเช่าสีทอง" ที่ตลาดต้องการสูง โดยฝีมือของนายปรีชา เผือกผล เกษตรกรชาวจังหวัดจันทบุรี ที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย โดยวิธีเพาะเห็ดถังเช่าสีทอง ของนายปรีชา ซึ่งได้เรียนรู้จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญที่จังหวัดเชียงใหม่ คืออาจารย์สุรพงษ์ นาคะเสถียร อยู่ 3 ปี แล้วมาเพาะเห็ดถังเช่าสีทองในตู้แช่เย็น พร้อมติดตั้งเครื่องพ่นความชื้น เพื่อควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการเพาะเห็ดถังเช่า โดยวิธีการเพาะในขวดแก้ว

นายปรีชา กล่าวว่า ตนมีภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดจันทบุรี ได้ทดลองเพาะเห็ดถังเช่าสีทอง 100 ขวด โดยทำตามขั้นตอนและเทคนิคการเพาะทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มา ใช้เวลาในการเพาะเห็ดถังเช่า 90 วัน ก็ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้ทำขาย เพาะเพื่อไว้รับประทานเอง เพราะเห็ดถังเช่าเป็นอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพที่แข็งแรงได้ ซึ่งจากการที่รู้จักกับนางสาวฤดี พวงจำปา หรือเจ้าไก่ เจ้าของสวนส้มเจ้าจอมขวัญ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย มานาน ในฐานะที่เป็นคนค้าขายผลไม้ด้วยกัน นางสาวฤดีเห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น น่าจะต่อยอดออกสู่ตลาดได้ จึงได้ชักชวนให้มาเพาะเห็ดในพื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ เมื่อมาสำรวจตลาดแล้วมองว่าน่าจะมีตลาดส่งออกได้ เนื่องจากมีพื้นที่อยู่ตรงข้ามนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว จึงได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อำเภอศรีเชียงใหม่ เพื่อทำโรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐาน เห็ดหลินจือแดง และเห็ดถังเช่าสีทอง ที่ความต้องการของตลาดสูง โดยจะขาย"เห็ดหลินจือแดง" ก้อนละ 10 บาท ส่วน"เห็ดถังเช่าสีทอง" ตนจะทำอยู่ 2 วิธี คือ อบแห้งสำหรับชงน้ำดื่ม กับบรรจุแคปซูลกินเป็นอาหารเสริม ตอนนี้ตนยังไม่ได้ขาย แต่ถ่าใครสนใจอยากจะทดลองเพาะเห็ดถังเช่า ก็สามารถโทรฯมาสอบถามได้ที่เบอร์ 084-0984156 (ปรีชา)