จังหวัดหนองคาย ร่วมกับเทศบาลเมืองและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตรวจคัดกรองทุกคนทั้งไทย-ลาว ที่เดินทางกลับจากทำงานในกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล ด้วยรถ บขส.หลังกรุงเทพปิดสถานประกอบการหลายแห่ง พร้อมขอความร่วมมือกักตัว ป้องกันโควิด -19

       
วันนี้ 23 มี.ค. 63 ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดหนองคาย พ.อ.สุทธ์พิชญพงษ์ สุธิราวุธ รอง ผอ.รมน. จังหวัดหนองคาย,นายกำภน  เมืองโคตร  นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย  พร้อมด้วยหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย, เทศบาลเมืองหนองคาย และขนส่งจังหวัดหนองคาย ได้ตรวจคัดกรองและบันทึกข้อมูลทุกคนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาของชาวหนองคายและแรงงานลาวที่ไปใช้แรงงานในกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑลหลังจากที่กรุงเทพมีการปิดสถานประกอบการ สถานที่ทำงานหลายแห่งงทำให้แรงงานชาวหนองคายและแรงงานลาว เดินทางกลับบ้าน เพื่อลดค่าครองชีพที่ต้องใช้ชีวิตในเมืองหลวง และถือโอกาสกลับบ้าน ซึ่งมีชาวหนองคายและชาวลาวเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยการนั่งรถโดยสารมาลงที่ บขส.หนองคายเป็นจำนวนมาก
       

โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ พร้อมจัดเจล แอลกอฮอล์ล้างมือไว้ให้บริการ  ให้คำแนะนำในการดูแลและสังเกตอาการของตัวเอง และขอความร่วมมือแรงงานที่เดินทางกลับบ้านให้กักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด- 19
       
แต่ก็ยังมีเลดรอดไปได้หลายราย เนื่องจากรดเข้าจอดที่ชานชลาโดยไม่เข้ามาจอดที่จุดคัดกรอง  ผู้โดยสารลงรถโดยเฉพาะคนลาว ได้มีผู้ประกอบการสามล้อเครื่องในบริเวณ บขส.ที่เห็นแก่ประโยชน์ ได้ผู้โดยสารนำขึ้นรถสามล้อแล้วขับออกไป ส่วนด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว  เงียบเหงา การผ่านเข้า-ออกน้อยมาก เนื่องจากทั้งสองด่านทั้งไทย และ  มีมาตราการเข้มเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

อำเภอท่าบ่อ ร่วมกับตำบลโคกคอน จัดกิจกรรม จิตอาสาเราทำความดีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พัฒนาแหล่งน้ำ ลำคลอง

วันที่ 20 มี.ค. 63 ที่ บริเวณลำห้วยวังทอง หมู่ 4 ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พ.จ.อ.วัชรินทร์ โชติพงษ์ ปลัดอาวุโส รักษาราชการแทนนายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม จิตอาสาเราทำความดีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พัฒนาแหล่งน้ำ ลำคลอง เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดยมีนายอดุล ชัยแสง กำนันตำบลโคกคอน พร้อมด้วย ข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ กำนันตำบลทุกตำบล ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และประชาจิตอาสาร่วมกิจกรรม

โดยได้ร่วมกันปรับปรุงพัฒนาภูมิทัศน์ ทำความสะอาด กำจัดขยะ วัชพืช ตัดแต่งต้นไม้บริเวณรอบลำห้วยวังทอง เป็นการรวมพลังความสามัคคีของจิตอาสา และทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ พัฒนาพื้นที่ร่วมกันตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

ภัยแล้งกระทบหนัก ชาวท่าบ่อ จ.หนองคาย 230 ครอบครัวเดือดร้อนหนัก แหล่งน้ำผลิตประปาแห้งขอด

วันที่ 19 มี.ค. 63 ที่ บ้านหนองแวง หมู่ 7 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย กำลังประสบปัญหาเรื่องน้ำประปาไม่ไหล เนื่องจากห้วยลาน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะขนาดใหญ่และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำหลายพื้นที่ของอำเภอท่าบ่อ ทั้งเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและเป็นแหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปา เริ่มประสบปัญหาแหล่งน้ำตื้นเขิน แห้งขอด ขยายวงกว้างออกไปเลื่อยๆ ส่งผลให้ตามหมู่บ้านต่างๆ เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ โดยเฉพาะชาวบ้านบ้านหนองแวง หมู่  7 รวมกว่า 230 ครอบครัว ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในการขาดน้ำอุปโภค   บางครอบครัวต้องแก้ปัญหาด้วยการสูบน้ำจากบ่อน้ำประจำครัวเรือนขึ้นมาใช้แทน

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม ส.ต.ท.ชวลิต ชัยวี ปลัด อบต. ปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.น้ำโมง ถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ได้กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้เจ้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทุกหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลน้ำโมง โดยเฉพาะชาวบ้านบ้านหนองแวง เบื้องต้นตนได้ให้เจ้าหน้าที่นำรถแม็คโครไปดำเนินการขุดดินเพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลเข้ามายังเครื่องสูบน้ำ ให้ได้สะดวก เนื่องจากห้วยลานตื้นเขินมาก เพื่อทำการสูบน้ำไปผลิตน้ำประปาได้สะดวกขึ้น และเพิ่มหัวแรงดันน้ำเป็นขนาด 7.5 แรงม้า เพื่อที่จะมีแรงดันน้ำประปาไปให้ถึงชาวบ้านทุกครัวเรือน แต่ก็ยังไปไม่ถึงปลายทาง ซึ่งเบื้องต้น อบต.น้ำโมง ได้เตรียมรถบรรทุกน้ำเพื่อเข้าช่วยเหลือในหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที

พายุฤดูร้อนพัดถล่มอำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย พัดหลังคาบ้าน หลังคาฟาร์มไก่ปลิวว่อนเสียหาย เคราะห์ดีไม่มีใครเป็นอะไร

วันที่ 19 มี.ค. 63 นายแสงเพช โพธิรัตน์ กำนันตำบลโพนสา พร้อมด้วยนายเลิศ มาทะขัน นายก อบต.โพนสา และเจ้าหน้าที่ของ อบต.โพนสา ได้ช่วยกันเก็บซากปรักหักพังของบ้านเลขที่ 75 หมู่ 6 ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นบ้านของนายสมคิด ผาบชมภู อายุ 69 ปี ที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีฝนตกและพายุหมุนพัดถล่ม ซึ่งแรงลมได้พัดเอาหลังคาบ้านปลิวออกจากตัวบ้านจนพังเสียหายหนัก ทำให้ข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้าได้รับความเสียหาย  โดยคณะที่เกิดพายุมีคนอาศัยอยู่ในตัวบ้านรวม 7 คน ต่างต้องวิ่งหอบลูกหลานหลบหนีพายุกันจารหวั่น เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด จากการสำรวจเบื้องต้นทราบว่าในพื้นที่ตำบลโพนสามีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 20 หลังคาเรือน

นอกจากนี้ แรงลมพายุยังพัดหลังคาฟาร์มไก่ของชาวบ้านในพื้นหมู่ 6 ต.โพนสา และหมู่ 8 ต.บ้านถ่อน หลังคาเปิดออกได้รับความเสียหาย โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อเข้าช่วยเหลือแล้ว