วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2566

เริ่มแล้วยิ่งใหญ่! ผู้ว่าฯหนองคาย เปิดงานนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 1-7 มีนาคม สุดอลังการกับอุโมงค์ไฟบนสะพานข้ามลำห้วยโมง

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 มี.ค. 2566 ที่ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง หมู่ 2 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธิจุดเทียนบายศรีและเปิดงานนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ประจำปี 2566 ซึ่งพระศรีญาณวงศ์ ดร. เจ้าอาวาสวัดศรีชมภูองค์ตื้อ รองเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยคณะกรรมการวัด ประชาชนชาวบ้านน้ำโมงทุกภาคส่วน และส่วนราชการ สถานศึกษาในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ จัดให้มีขึ้นเป็นบุญประจำปีในทุก ๆ ปี เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวหนองคาย นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำบุญใหญ่ เพื่อการเฉลิมฉลองครบรอบ 461 ปี ด้วยหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนชาวหนองคายและทั่วไป รวมถึงชาว สปป.ลาว  โดยมี พระราชรัตนาลงกรณ์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง)  เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  มีนายนวน โทบุตร  นายอำเภอท่าบ่อ เป็นผู้กล่าวรายงานของการจัดงาน






หลังพิธีเปิดได้มีการแสดงแสง สี เสียงของสถาบันการศึกษาในพื้นที่ โดยบอกเล่าเรื่องราวของหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เจ้าครองเมืองเวียงจันทร์  โดยพระสงฆ์ของวัดและชาวบ้านน้ำโมงได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ลงมติจะหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่อนุชนรุ่นหลังต่อ ๆ มา เมื่อตกลงกันแล้วจึงได้ชักชวนบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เพื่อเรี่ยไรทองเหลืองบ้าง ทองแดงบ้าง ตามแต่ผู้ที่มีจิตศรัทธาจากท้องที่อำเภอและจังหวัดใกล้เคียง ได้ทองหนักตื้อหนึ่ง ซึ่งเป็นมาตราโบราณภาคอีสาน และสร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2105 ด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ ฝีมือศิลปกรรมล้านนาผสมล้านช้าง ขนาดหน้าตักกว้าง 3 เมตร 29 เซนติเมตร สูง 4 เมตร เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง เคารพนับถือมาก เมื่อถึงประเพณีสมโภชพระเจ้าองค์ตื้อของทุก ๆ ปี ในวันขึ้น 11 ค่ำไปจนถึงแรม 1 ค่ำเดือน 4 โดยจะมีการเวียนเทียนรอบวิหารหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ชาวบ้านนิยมเรียกว่าบุญเดือน 4 หรือบุญเผวส  หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ยังเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดหนองคาย





และปีนี้เป็นปีแรกที่คณะกรรมการวัด ได้ทำอุโมงค์ไฟสุดสวยงามตระการตา ซึ่งส่องสว่างระยิบระยับ บนสะพานข้ามลำห้วยโมงยาวกว่า 50 เมตร ให้ประชาชนชาวหนองคาย นักท่องเที่ยว และชาว สปป.ลาว ที่เดินทางมาเที่ยวงานบุญ ได้เดินชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันด้วย ภายในงานยังเต็มไปด้วยร้านรวงสินค้าต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งกิจกรรมมัจฉากาชาด ของคณะกรรมการกิ่งกาชาดอำเภอท่าบ่อ ให้ประชาชนที่มาเที่ยวงานร่วมสนุกลุ้นของรางวัลรถจักรยานยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย และสีสันอย่างหนึ่งของงานบุญประจำปีก็คือ มีมหรสพที่จัดแสดงให้ความบันเทิงภายในวัดให้ชมทุกคืน สำหรับงานนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ถือเป็นงานบุญใหญ่ของประชาชนสองฝั่งแม่น้ำโขง จะมีไปจนถึงวันที่ 7 มี.ค. 66  และในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ และในตอนเช้าวันแรม 1 ค่ำ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน จะมีการจุดบั้งไฟบูชาพระเจ้าองค์ตื้อ ณ วัดย่างาม (โคกถ้ำ) หมู่ 1 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย
































วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ โดย รพร.ท่าบ่อ จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการฝาตัดมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดี ระหว่างวันที่ 1-2 มีนาคม 2566 หวังให้เกิดศูนย์การผ่าตัดตับและท่อน้ำดีขั้นสูงอย่างน้อย 1 แห่งในทุกเขตบริการสุขภาพ สนองนโยบายกระทรวงสาธารณสุข

วันที่ 1 มี.ค. 2566 ณ ห้องประชุมอิสานฮอลล์ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการฝาตัดมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดี ประจำปี 2566 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จัดโครงการฯขึ้น ระหว่างวันที่ 1-2 มีนาคม 2566




พญ.ฤดีมน สกุลคู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ กล่าวว่า ด้วยโรคมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดี เป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของประชากรไทย การรักษาที่ให้ผลดีที่สุดในปัจจุบันยังเป็นการผ่าตัด และเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน สามารถทำได้ในโรงพยาบาลตติยภูมิที่มีศักยภาพสูงเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อจำกัดการเข้าถึงรักษา  สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข  จึงได้ทำโครงการพัฒนาศักยภาพศัลยแพทย์ด้านมะเร็งตับในเขตบริการสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการรักษาการผ่าตัดตับเน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยมีความคาดหวังให้เกิดศูนย์การผ่าตัดตับและท่อน้ำดีขั้นสูงอย่างน้อย 1 แห่งในทุกเขตบริการสุขภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน




โดยในครั้งนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้เลือกโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีความพร้อมด้านศัลยแพทย์ ที่มีศักยภาพสูงในด้านการผ่าตัดส่องกล้องเป็นสถานที่ร่วมโครงการฯ  เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ในการพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ของแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  ให้เกิดความชำนาญด้านการผ่าตัดตับและท่อทางเดินน้ำดี ตามยุทธศาสตร์ของ Service plan ด้านโรคมะเร็ง ในการเตรียมความพร้อมเป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดี ในเขตบริการสุขภาพที่ 8 นี้




ในการดำเนินโครงการฯครั้งนี้ ประกอบด้วย การบรรยายหลักการผ่าตัดมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดี และการสาธิตการผ่าตัดมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดี โดยคณะวิทยากรจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย แพทย์ พยาบาลและสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ  นอกจากนี้ยังมีคณะแพทย์จากโรงพยาบาลมโหสถ ,โรงพยาบาลเจเนอรัลมิตรภาพ และโรงพยาบาลเสดถาทิลาด สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้ความสนใจและเข้าร่วมการประชุมวิชาการ อีกด้วย











ตร.สืบสวนหนองคาย ร่วมสาธารณสุข จับหนุ่มหนองคายออกคุกได้ 4 เดือน ในคดียาเสพติด ผันตัวเปิดเพจไลฟ์สดขายยาวาร์ป ยาเสียสาวทางออนไลน์ แถมยังคิดค้นทำสูตรผสมยาเอง เตรียมจำหน่ายให้ลูกค้าทางเฟซบุ๊ก ก่อน จนท.นำหมายศาลบุกค้นบ้านยึดของกลางยาอันตรายเพียบ

วันที่ 28 ก.พ. 2566 เวลา 16.30 น. ที่ หน้ากองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย นายราชันต์ ซุ้นฮั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, พล.ต.ต.พรชัย ชะลอเดช ผบก.ภ.จ.หนองคาย , นพ.ณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์ สสจ.หนองคาย, พ.ต.อ.สุรกิจ ค้วนเครือ ผกก.สส.ภ.จ.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและสาธารณสุข จ.หนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวในการจับกุมนายต๋อ (ขอสงวนชื่อสกุลจริง) อายุ 27 ปี ราษฎรบ้านนาฮี ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย พร้อมของกลางประเภทวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทและยาอันตราย เช่น โคน่าซีแพม, ลอล่าซีแพม, เคตามีน, ยาเม็ดทรามาดอล, ฟาเทคไซรับ เป็นต้น และยังมียาน้ำผสมเองอีกจำนวนหนึ่ง




การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า พบเพจใส่ชื่อ “หมอต๋อ ไม่เมาได้ไง” ทางเฟซบุ๊กชื่อ “Surathep Tor” ลักลอบจำหน่ายยาไม่ทราบชนิด เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พร้อมชุดจับกุมจึงได้รายงานให้นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย  และ พล.ต.ต.พรชัย  ชลอเดช ผบก.ภ.จ.หนองคาย ทราบ จากนั้นได้ให้สายข่าวทำการติดต่อล่อซื้อยาดังกล่าวจากเฟซบุ๊ก “Surathep Tor” โดยสั่งซื้อผ่านทางไลน์ “Surathep Tor” โดยได้โอนเงินค่ายาผ่านระบบพร้อมเพย์




ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับพัสดุ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 66 ภายในกล่องพัสดุมียาของกลางที่สั่งซื้อ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เภสัชกร จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย มาทำการตรวจสอบ เบื้องต้น พบว่าเป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 4 และยาอันตราย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายต๋อ (ผู้ต้องหา) อยู่บ้านนาฮี ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดหนองคาย


กระทั้งเมื่อเช้าของวันที่ 28 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านที่นายต๋อ ตามหมายค้นของศาลฯ พบของกลางจำนวนมากอยู่ภายในบ้าน ซึ่งมีบางชนิดที่นายต๋อ ได้คิดและผสมขึ้นมาเอง เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งทางเฟซบุ๊ก “Surathep Tor”  และทางเพจ“หมอต๋อ ไม่เมาได้ไง”  รวมทั้งไลน์ “Surathep Tor” เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว พร้อมของกลางทั้งหมดมาที่  กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย


จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ทราบว่าเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทและยาอันตราย ต้องได้รับอนุญาตในการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย มีไว้ในครอบครอง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทโดยไม่ได้รับอนุญาต , มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต , ผลิตยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต , จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต , มียาแผนปัจจุบันไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต , มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการตรวจสอบประวัติ ของผู้ต้องหาพบว่าเพิ่งพ้นโทษเพียง 4 เดือน เกี่ยวกับคดียาเสพติด จากนั้นได้เปิดขายยาทางออนไลน์มาแล้วเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป





จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...