วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เศร้า! หญิงวัย 57 ปี ป่วยหลายโรคมานาน 7 ปี ใช้เชือกไนล่อนผูกคอตัวเองเสียชีวิต


สามีตื่นเช้ามาไม่เจอภรรยา  ออกตามหาพบผูกคอตายกับรั้วข้างบ้าน ญาติเผยผู้ตายป่วยหลายโรคมานาน 7 ปี สามีพากลับมาอยู่บ้านได้แค่ 3 สัปดาห์ก็มาคิดสั้นผูกคอตาย คาดคงเครียดทั้งเรื่องเงินไม่พอใช้และโรครุมเร้า


วันที่ 22 ก.ค.66 ที่ บ้านเลขที่ 133/1 บ้านเสียว หมู่ที่ 7 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ญาติพี่น้องและชาวบ้านได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ทำพิธีสวดอภิธรรมให้กับ นางยุ่น คำใบ อายุ 57 ปี ที่ได้คิดสั้นผูกคอตายลาโลก เมื่อช่วงเวลาประมาณ  5.30 น. ของเช้าตรู่วันนี้ (22 ก.ค ) ในสภาพนุ่งชุดนอนผูกคอตายที่บริเวณคานยึดลูงกรงรั้วข้างบ้านของเพื่อนบ้าน ตรวจสอบพบรอยเขียวช้ำที่ลำคอ และเชือกไนล่อน ตามร่างกายไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย 



นายสนาม คำใบ อายุ 62 ปี สามีของผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายป่วยหลายโรคมานาน 7 ปี เมื่อก่อนก็ไปอาสัยอยู่กับตนที่ จ.สมุทร ปราการ ซึ่งตนมีอาชีพขับรถบรรทุก 10 ล้อให้กับบริษัทในสมุทรปราการ พอผู้ตายเริ่มป่วยหนักจึงพากลับมารักษาที่บ้าน ก่อนที่ผู้ตายจะคิดสั้นก็ไม่มีท่าทีอะไร  เมื่อคืนก็พูดคุยกันตามปกติ ไม่ได้แสดงอาการอะไร และไม่พูดอะไรให้สงสัย 



จนกระทั่งตอนเช้าเวลาประมาณ 5.00 น. ผู้ตายจะตื่นก่อนตน เพื่อลุกขึ้นมานึ่งข้าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 6.00 น. ตนก็ลุกออกจากห้องนอน แต่ไม่พบผู้ตาย คิดว่าคงจะไปเดินออกกำลังกาย แต่ผู้ตายหายไปนานจนผิดสังเกตุ จึงโทรฯหาผู้ตายและเดินดูรอบๆ บ้าน พบภรรยาผูกคอตายอยู่รั้วข้างบ้าน จึงได้บอกญาติและแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ



นางบัวไหล เสียวสุด อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นป้าของผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายป่วยมานานหลายโรค ทั้งความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ  ซึ่งผู้ตายก็เคยบ่นกับญาติพี่น้องอยู่หลายครั้ง ว่าอยากจะตาย คิดว่าคงน้อยใจทั้งเรื่องเงิน เรื่องอยู่เรื่องกิน และฐานะทางบ้านที่เป็นอยู่  เมื่อก่อนไปอยู่กับสามีผึ้งกลับมาอยู่บ้านได้แค่ 3 สัปดาห์ ช่วงที่มาอยู่ผู้ตายกินข้าวก็กินไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะคิดสั้นผูกคอตายจริงๆ คาดว่าน่าจะมาจากเรืองเงินที่ไม่พอใช้และมีโรครุมเร้า

 

หลังจนท.ตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ กู้ภัยประจักษ์จุดอำเภอศรีเชียงใหม่ และแพทย์จากโรงพยาบาลศรีเชียงใหม่มาชันสูตรพบว่าเสียชีวิตมานานกว่า 1 ชม.และเสียชีวิตจากการขาดอาการหายใจ และญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ทางญาตินำไปบำเพ็ญกุศลทางประเพณีต่อไป








วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ตรวจสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และผู้นำศาสนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10

โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ จัดทำโครงการตรวจสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และผู้นำศาสนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา ในปี 2567


วันที่ 21 ก.ค. 2566 เวลา 9.00 น. ที่ วัดอรัญญวาสี ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาท่าบ่อ ได้จัดทำโดรงการตรวจสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และผู้นำศาสนาขึ้น โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทำบ่อ กับเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสาพระราชทานและอสม.ทั้งอำเภอทำบ่อ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์มีสุขภาพดี สามารถปฏิบัติศาสนกิจในการสืบทอดพระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชน อันจะทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป โดยในพิธีเปิด มี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และ พระกิตดิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย / เจ้าอาวาสวัดอรัญญวาสี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์



สำหรับก่ตัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในปี พ.ศ.2567  เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาโรค และฟื้นฟูสุขภาพพระสงฆ์และผู้นำทางศาสนา  เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้รับการประเมินสุขภาพและคัดกรองดวามเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด การสูบบุหรี่ และเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ที่มีภาวะเสี่ยงได้รับความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองด้านการส่งเสริมสุขภาพ และการป้องกันไม่ให้เกิดโรค



พญ.ฤดีมน สกุลคู ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ กล่าวรายงานความสำคัญของโครงการฯ ว่า กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดจะเป็นพระภิกษุสงฆ์  สามเณรในอำเภอท่าบ่อ รวม 374 รูป โดยในวันนี้จะเริ่มทำการตรวจพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 72 รูป กิจกรรมการตรวจประกอบไปด้วย การบริการตรวจดัดกรองสุขภาพ ตรวจเลือด  ตรวจตา ตรวจฟัน เอ็กชเรย์ปอด รวมถึงการถวายความรู้ เรื่องพิษภัยบุหรี่ ความรู้เรื่องยา และการดูแลสุขภาพร่างกายด้วย 3อ.2ส. และหลังจากนี้จะได้ทำการตรวจพระภิกษุสงฆ์ที่เหลือเป็นลำดับต่อไป จนครบทุกรูป











วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เกษตรกรหนองคายปลูกฝรั่งกิมจู-หงเป่าซือ แทนส้มเขียวหวาน พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ขายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

เกษตรกรหนองคายปลูกฝรั่งกิมจู-หงเป่าซือ แทนส้มเขียวหวาน พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ดูแลง่าย ขายสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดสปป.ลาว พร้อมเปิดให้ชมสวนเสาร์-อาทิตย์


ที สวนส้มเจ้าจอมขวัญ บ้านนาโพธิ์ ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ของนางสาวฤดี พวงจำปา ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกส้มสายพันธุ์เขียวหนองคาย(เขียวดำเนิน) 2,500 ต้น บนพื้นที่ 40 ไร่ หันมาปลูกฝรั่งสายพันธุ์กิมจู และฝรั่งสายพันธุ์หงเป่าซือ ใช้เวลาในการดูแลเพียง 2 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตและขาย สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาด สปป.ลาว




นางสาวฤดี พวงจำปา กล่าวว่า  เนื่องจากพื้นที่ปลูกส้มน้ำท่วม ทำให้ส้มได้รับความเสียหายจึงต้องปลูกผลไม้ชนิดใหม่ ท่ายังเอาส้มไว้จะต้องใช้ปุ๋ยชีวนะ แต่สวนสัมตรงนี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP จึงไม่สามารถใช้ปุ๋ยชีวนะได้  โดยทดลองปลูกฝรั่งดูว่าจะได้ผลหรือไม่ ซึ่งฝรั่งหงเป่าซือ ราคาที่ท้องตลาดอยู่ที่ 70-100 บาทต่อกิโลกรัม มีรสชาติหวาน หอม กรอบ อร่อย เนื้อในสีแดง การดูแลรักษาก็ดูแลง่าย โดยใช้กระดาษห่อเพื่อรักษาผิวของฝรั่งไม่ให้โดนแสงแดด จะทำให้ผลดูออกมาสวย ซึ่งฝรั่งหงเป่าซือและกิมจู ใช้ระยะเวลาในการปลูกที่ไม่นาน เพียง 2 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวและขายได้ แตกต่างจากปลูกส้ม หลังออกช่อดอกจนเริ่มมีผลลูกเล็ก จะใช้เวลาดูแลนานกว่า 8 เดือน จึงสามารถเก็บเกี่ยวและขายได้



นางสาวฤดี บอกต่อว่า ส่วนตลาดที่ต้องการ ก็มีทั้งขายหน้าสวน ส่งลูกค้าในจังหวัดและยังเป็นที่ต้องการของตลาด สปป.ลาว เป็นอย่างมาก ซึ่งจะรับซื้อทั้งหมด โดยฝรั่งหงเป่าซือ จะขายอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนฝรั่งกิมจู จะขายอยู่ที่ 35 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 3 กิโลกรัม 100 บาท ซึ่งตอนนี้การตลาดดีมาก อยากให้มีบรรยากาศเหมือนการเก็บส้มเหมือนเดิม โดยจะเปิดสวนให้ผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมได้ในวันเสาร์ - วันอาทิตย์ แต่ตอนนี้ที่สวนมีฝรั่งหงเป่าซือ เพียงแค่ร่องเดียว ที่เหลือก็เป็นฝรั่งกิมจู ซึ่งฝรังหงเป่าซือ ได้ทำการทดลองปลูกเริ่มแรก 30 ต้น เนื่องจากเกรงว่าจะปลูกแล้วไม่ติด แต่ปัจจุบันได้ขยายเพิ่ม รวมกว่า 600 ต้น ส่วนฝรั่ง"กิมจู" มีทั้งหมด 1,200 ต้น นอกจากนี้ในพื้นที่ยังได้ปลูกผลไม้หลายชนิด อาทิ กล้วย 3 สายพันธุ์ (กล้วยหอม ,กล้วยน้ำว้ากำแพงเพชร , กล้วยน้ำว้าปทุมฯ) , ลิ้นจี่ ,สัมโอทับทิมสยาม , อโวคาโด ,  มะม่วงเบา 200 ต้น , ชมพู่หวาน , มะพร้าวน้ำหอม และต้นสะแก  หากท่านใดสนใจที่จะชมสวน โทรฯสอบถามได้ที่เบอร์ 099-635-1945









วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

หนองคาย - ฝนตกหนักหลายชั่วโมง ทำน้ำท่วมถนนชนบท บ.หนองปลาปาก-บ.จำปาทอง รถเล็กสัญจรลำบาก

อำเภอศรีเชียงใหม่ เกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ส่งผลให้น้ำท่วมถนนทางหลวงชนบท เส้น 2266 บ.หนองปลาปาก-บ.จำปาทอง ระดับน้ำท่วมสูง 30-40 ซม. รถเล็กสัญจรลำบาก สาหตุพื้นที่เอกชนทำการปิดปากท่อระบายน้ำทำให้น้ำท่วมขังถนน นายกฯหนองปลาปากเร่งแก้ปัญหาติดตั้ง "ท่อซิ่ง"เครื่องสูบน้ำพญานาคสูบน้ำลงคลองส่งน้ำเพื่อการเกษตร ขณะเจ้าของที่เอกชนอ้าง น้ำท่วมที่ของตน ทั้งบ่อปลา ฟาร์มเมล่อนเสียหาย ทนมานาน 3 ปีแล้ว เคยร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้งเทศบาล อำเภอ จังหวัด มาเจรจาแก้ป้ญหาร่วมกันแต่ก็เงียบหาย


วันที่ 18 ก.ค. 2566  นายวิลัย จันทร์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาปาก พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นสำรวจถนนทางหลวงชนบท เส้น 2266 บ้านหนองปลาปาก หมู่ที่ 1 กับบ้านจำปาทอง หมู่ที่ 9 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หลังคืนที่ผ่านมาได้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้มวลน้ำที่ไหลหลากมาจากลำห้วยหวายบ้านขุมคำ หมู่ที่ 5  ไหลเอ่อท่วมถนน ระดับน้ำสูง 30 ซม. บางจุดมีน้ำท่วมสูงถึง 40 ซม. เป็นระยะทางกว่า 100 ม. ทำให้รถขนาดเล็กสัญจรด้วยความลำบาก  และไม่สามารถระบายออกสู่ลำห้วยหนองปลาปากได้ เนืองจากติดพื้นที่ของชาวบ้านซึ่งเป็นพื้นที่เอกชน ได้ปิดปากท่อระบายน้ำ เกรงว่าน้ำจะท่วมพื้นที่ของตัวเองได้รับความเสียหาย 






นายวิลัย จันทร์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาปาก  กล่าวว่า น้ำได้ไหลมาตามลำห้วยหวายลงท่วมถนน แต่ไม่สามารถระบายได้ เนื่องจากติดพื้นที่ของชาวบ้านที่เป็นที่เอกชนได้ปิดร่องระบายน้ำเอาไว้ ทำให้น้ำไม่สามารถระบายไปได้  ทางเทศบาลฯไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเป็นที่มีเอกสารฯ แต่ทางเทศบาลฯจะดำเนินการติดตั้งท่อซิ่งระบายน้ำออกไปก่อน เพื่อให้รถสัญจรไป-มาอย่างสะดวก หลังจากน้ำลดแล้วก็จะหาวิธีแก้ไขเพื่อให้น้ำไหลลงลำห้วยหนองปลาปาก โดยจะนำท่อซิ่งขนาด 16 นิ้ว 1 เครื่อง มาติดตั้งที่บริเวณริมถนนในการช่วยสูบน้ำออกจากถนนลงคลองส่งน้ำเพื่อการเกษตร ให้ชาวนาที่ต้องการน้ำได้ใช้น้ำทำนา





ทางด้านนายนาวิน ลิ้มมณีประเสริฐ เจ้าของพื้นที่เอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง บอกว่า แต่ละปีตนก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 ไร่ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ปลาที่เลี้ยงไว้ก็ตาย ฟาร์มเมล่อนก็ได้รับความเสียหาย ผมอดทนมา 3 ปี และได้ร้องเรียนไปหานายกเทศมนตรีทั้ง 3 นายกให้ช่วยมาแก้ไข หรือว่าเจรจามาทำการเปิดท่อ เพื่อให้น้ำไหลตามเดิมเหมือนเก่า แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ตนและครอบครัวจึงตัดสินใจปิดท่อระบายน้ำตามอำนาจ เอกสารหลักฐานผู้ครอบครองที่ดิน เพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้  อีกอย่างพื้นที่เกษตรของชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนได้ทำการปลูกสับปะรด  แล้วน้ำที่มีสารเคมีได้ไหลลงมายังบ่อเลี้ยงปลา ทำให้ปลาในบ่อตายหมดบ่อ โรงเรือนที่ปลูกเมล่อนก็ไม่สามารถปลูกได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาถูกน้ำท่วมเต็มไปหมด ได้ร้องเรียนไปทั้งเทศบาลฯ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ  ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข  ผมอยากบอกให้ทุกคนได้รู้ได้เห็นความเดือดร้อนของตนมันหนักหนาพอสมควร  แต่ท่าเป็นตัวของของพวกคุณเอง คุณจะแก้ไขปัญหาแบบไหน











จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...