วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

จ.หนองคาย เปิดสวนอินทผลัม ในเขตตำบลสระใคร อำเภอสระใคร ที่ถือเป็นสวนอินทผลัมแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในจังหวัดหนองคาย มีต้นอินทผลัมที่ปลูกและให้ผลผลิตแล้ว กว่า 350 ต้น


วันที่ 27 มิ.ย. 63 นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นางวัชรินทร์ จิตรวิเศษ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย นายเตชิด ทรงบุญศาสตร์ นายอำเภอสระใคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวอำเภอสระใคร ได้ร่วมกันเปิดไร่วิทยาอินทผลัม ที่บ้านนาไหม หมู่ที่ 12 ต.สระใคร อ.สระใคล จ.หนองคาย เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ของดีของจังหวัดหนองคาย





สำหรับไร่วิทยาอินทผลัม ของนายวิทยา กลางรักษ์ อายุ 59 ปี มีอาชีพเป็นทนายความ มาเป็นเวลากว่า 30 ปี ก่อนจะมาทำสวนยางพารา มะยงชิด ทุเรียน และสวนอินทผลัม ซึ่งถือสวนอินผลัมแห่งแรกและเป็นสวนอินทผลัมที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดหนองคาย มีการปลูกอินทผลัมทั้งหมด 350 ต้น ปลูกมาแล้ว 3 ปีครึ่ง ก็เริ่มให้ผลผลิต ซึ่งผลผลิตที่ได้มีคุณภาพใกล้เคียงกับต้นกำเนิด ทั้งขนาดและรสชาติ ราคาขายผลสดที่ตัดเป็นทลาย กิโลกรัมละ 400 บาท หากตัดเอาเฉพาะผล กิโลกรัมละ 450 บาท





นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า อินทผลัม ถือเป็นพืชชนิดใหม่ที่มีการปลูกในหลายพื้นที่ของจังหวัดหนองคาย ซึ่งได้ผลดีโดยเฉพาะที่สวนแห่งนี้ อินทผลัมเป็นพืชที่กำลังมีการปลูกและกำลังมีกระแส แต่การปลูกอินทผลัม ผู้ที่ปลูกต้องมีความรู้ มีประสบการณ์ ผลผลิตที่สวนแห่งนี้ ให้รสชาติดีใกล้เคียงกับอินทผลัมที่มาจากทางตะวันออกกลางให้ผลดก อินทผลัมเป็นพืชที่กำลังเป็นที่นิยม ราคาขายก็ดี แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีต้องมีการปลูกจากเนื้อเยื่อ หากจะให้ผลดีต้องใช้ต้นพันธุ์ที่เป็นเนื้อเยื่อ จึงจะไปกลายพันธุ์ ผู้ที่จะปลูกต้องมีการศึกษาหาความรู้ในเรื่องของการปลูก การดูแล ต้นทุนที่ต้องใช้ และในเรื่องของตลาดในอนาคต ขณะนี้ ยังมีปริมาณผลผลิตออกมายังไม่มาก ราคากิโลกรัมละหลายร้อยบาท หากมีการปลูกมากขึ้นก็อาจจะมีราคาที่ลดลง จึงควรมีการปลูกผสมผสานกับพืชชนิดอื่นให้มีความหลากหลาย




นายวิทยา กลางรักษ์ เจ้าของไร่วิทยาอินทผลัม เปิดเผยว่า ก่อนจะมาทำสวนอินทผลัม ได้ทำสวนยางพาราพื้นที่เกือบ 200 ไร่ แต่ราคายางพาราตกต่ำ จึงได้คิดที่จะปลูกพืชชนิดอื่น เพราะตนเองก็มีความชำนาญในเรื่องการเกษตร จึงได้คิดที่จะปลูกอินทผลัม ประกอบกับเพื่อนๆ หลายคนมีการปลูกอินทผลัมอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยนำต้นที่เป็นเนื้อเยื่อมาจากต่างประเทศ ซึ่งต้นพันธุ์ที่เป็นเนื้อเยื่อ เวลานำมาปลูกจะไม่กลายพันธุ์ เป็นต้นพันธุ์ตัวเมีย ปลูกแล้วจะให้ผลผลิตเลย จึงได้ไปศึกษากับเพื่อนๆ ที่มีการปลูกอินทผลัมจนให้ผลิตแล้ว จึงได้นำต้นพันธุ์ที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นพันธุ์บาฮีมาปลูกที่สวนของตนในภาคอีสาน เป็นพื้นที่ที่สามารถปลูอินทผลัมได้ เนื่องจากภาคอีสานมีแสงแดดที่อินทผลัมชอบ และมีช่วงที่มีอากาศหนาวในช่วงฤดูหนึ่ง ที่จะทำให้อินทผลัมออกดอก ถ้าหากอากาศไม่หนาวจะไม่ออกดอก พื้นที่การปลูกอินทผลัม จะต้องมีแสงแดด มีน้ำและมีปุ๋ย ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะจะทำให้อินทผลัมไม่เจริญเติบโต ดังนั้นต้นทุนในการดูแลรักษาจะค่อนข้างสูง แต่ผลผลิตที่ได้ กับราคาขายในขณะนี้ถือว่าดีมาก แต่ในอนาคตผลผลิตมากขึ้น ใน 5-6 ปีข้างหน้าตนก็คิดว่าราคาขายก็ยังคุ้มค่ากับการลงทุน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...