วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2566

"พี่โอ คู่แฝดโอ-เอ" ขนลุกซู่! ถ่ายรูปติดพญานาควันออกพรรษา เชื่อมาปรากฏให้เห็นว่ามีอยู่จริง


แฝดพี่โอ "สายัญ ลาวัลย์ " นักร้องลูกทุ่งหมอลำ ขนลุกซู่! ถ่ายรูปติดพญานาคขณะเดินสำรวจดอนป่าเปือยเพื่อเตรียมบินโดรนเก็บกิจกรรม "จุดประธีบเทียนราวไฟ"วันออกพรรษา เชื่อมาปรากฎให้เห็นว่ามีอยู่จริง เผยเคยเจอปาฏิหาริย์พญานาคมาแล้วที่พะเยา

 

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2566 เวลา 16.30 น.  ที่ ดอนป่าเปือยบ้านหม้อ หมู่ 7 ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายสายัญ ลาวัลย์ หรือแฝดพี่โอ (คู่แฝดโอ-เอ) นักร้องลูกทุ่งหมอลำ ได้เข้ากราบบูชา "ปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีปทุมมา" และเข้ากราบศาล "ตาโฮม ยายจำลอง" รวมทั้งกราบไหว้พระคงคาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบริเวณดอนป่าเปือย  หลังจากช่วงค่ำเมื่อวันที่ 28 ต.ค ในขณะที่แฝดพี่เอ กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องบินโดรน เพื่อบันทึกภาพมุมสูงกิจกรรม "จุดประธีบเทียนราวไฟ" ในวันออกพรรษา ในขณะเดินดูรอบๆป่าเปือยได้ถ่ายภาพติดพญานาค




แฝดพี่โอ เล่าว่า ที่ผมได้มาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติดอนป่าเปือยแห่งนี้ ผมได้รับการติดต่อจากอาจารย์พงษ์พิพัฒน์ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่นับถือกันมานาน ได้ขอให้ตนเข้ามาช่วยเหลือในการบินโดรนมุมสูงให้ในวันออกพรรษา จะมีการจุดเทียนและลอยประธีบ ก็เลยมาดูสถานที่  พอตกค่ำกำลังจะกลับ แต่มีรถนักท่องเที่ยววิ่งเข้ามา 2 คัน ซึ่ง นทท.เคยมาเที่ยวที่นี่แล้ว ผมก็เลยยังคงอยู่ต่อกับอาจารย์พงษ์พิพัฒน์เพื่อรอให้นักท่องเที่ยวกลับ ในระหว่างที่รอก็เดินดูรอบๆดอนป่าเปือย จนกระทั่งนักท่องเที่ยวกลับออกมาก็ได้กล่าวลากัน ในตอนนั้นผมก็ได้ไปยืนอยู่จุดๆหนึ่ง ก็มองเห็นพญานาค ซึ่งจริงๆแล้วท่ามองมาทางวิทยาศาสตร์ก็จะเป็นช่องว่างทางอากาศที่มีต้นไม้บังโน่นนี่นั้น แต่ก็จะมีรูปลักษณ์เหมือนพญานาค ซึ่งผมก็ไม่กล้าพูดนะตอนนั้น ในระหว่างที่นักท่องเที่ยวกำลังจะกลับ ผมก็ไม่กล้าพูดว่า "นี่พญานาคหรือเปล่า"  จึงยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย แล้วเอารูปที่ถ่ายมาให้อาจารย์พงษ์รัตดาดูว่า "อาจารย์เห็นเหมือนผมไหม หรือผมเห็นคนเดียว" อาจารย์พงษ์รัตดาก็ร้อง"ว้าย"ออกมา แล้วเรียกนักท่องเที่ยวลงรถออกมาดูว่าผมถ่ายอะไรได้ ทุกคนที่อยู่ด้วยกันรวม 9 คน ก็ไปดูแล้วพากันถ่ายภาพตรงจุดที่ผมถ่ายพญานาคได้ แล้วขยายดูก็เหมือนองค์พญานาคและมีเกร็ดด้วย เมื่อผมไปมองที่ต้นเปือยก็ดูคล้ายกับเกร็ดเปือย ก็คงเป็นนิมิตหมายอันดีที่สิ่งศักดิ์ที่ท่านดูแลอยู่ตรงนี้ คือองค์พญานาคที่ท่านอาจจะแสดงฤทธิ์เดช เพื่อให้รู้ว่าท่านมีอยู่จริง อันนี้เป็นความเชือส่วนบุคคลนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการฟังรับชมนะครับ



แฝดพี่โอ เล่าต่อว่า ที่ผมเห็นเพราะว่า 3 วันก่อนหน้านี้ผมได้ไปร้องเพลงเกี่ยวกับพญานาค 2 เพลง ให้กับวัดป่าพุทธชินวงศาราม(ม่อนพญานาค) จ.พะเยา ซึ่งก่อนที่ผมจะซ้อมแล้วร้องจริงฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนักเหมือนกับหน้าฝน สักพักหนึ่งผมก็ไลน์ไปหาพระครูว่า "วันนี้ฝนตกหนักคงจะไม่ได้ร้อง" พระครูท่านก็บอกว่า "พญานาคมาร่วมอนุโมทนาบุญกับลูก"  ผมก็คิดในใจว่า "จริงเหรอ" พอเปิดประตูหลังรถออกมา อ้าว!.สว่างโล่งเลย เหมือนไม่มีฝนตกเลย น้ำก็ไม่มีเลยและยังไม่มีน้ำขังอีกด้วย ผมก็เลยยกมือท่วมหัวสาธุ ท่าลูกสัมผัสได้จริง ขอให้มีอะไรบางอย่างที่ลูกเข้าถึงได้ พอได้มาที่ดอนป่าเปือยก็ถ่ายภาะติดพญานาค แล้ววันนี้(29 ต.ค )ได้ขึ้นไปกราบหลวงพ่อคงคาที่หอพระแล้วอธิษฐานว่า "ขอให้ร่วมทำบุญกับสถานที่แห่งนี้ด้วย" พอผมเดินลงมาก็เห็นพญานาค ผมนี้ขนลุกซู่จนไปถึงศรีษะเลย ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีที่องค์ปู่ท่านมาแสดงให้เห็น ให้รู้ว่าท่านมีอยู่จริง 




สำหรับดอนป่าเปือยบ้านหม้อนั้น เป็นป่าธรรมชาติที่สวยงาม มีต้นเปือยหรือต้นตะแบกมากกว่า 92 ต้น บนเนื้อที่ 36 ไร่ และมีต้นเปือยใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีเส้นรอบวง 5.30 เมตร และป่าเปือยแห่งนี้ยังเชื่อมโยงกับพญานาค โดยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 เมื่อปี พ.ศ.2544  จึงทำใหัเกิดซอฟต์พาวเวอร์จากหนัง ทำให้คนอยากท่องเที่ยวตามรอยหนัง สิ่งสำคัญที่สุดในป่าเปือยแห่งนี้เป็นป่าช้าของคนไทพวนบ้านหม้อมาเป็นร้อยปี และตอนนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างสะพานไปสู่สวรรค์ เพื่อเดินเข้าไปชมป้าเปือยทุกต้นในป่าธรรมชาติแห่งนี้ มี นทท.มาที่ยวชมอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งในจังวัดหนองคาย ต่างจังหวัด และนครหลวงหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะสายมู สายเสี่ยงโชค





โดยในวันนี้ (29 ต.ค.) เวลา 18.30 น. หลวงปู่ฉลวย อชิโต เจ้าอาวาสวัดป่าโนนหินเสื่อ ประธานฝ่ายสงฆ์ , ว่าทีรัอยตรีนครชัย แสงมณี นายอำเภอศรีเชียงใหม่ ประธานฝ่ายฆราวาส  พร้อมคณะกรรมการจิตอาสาพัฒนาดอนป่าเปือย ,ชมรมไทพวนบ้านหม้อ, ชาวบ้านในหมู่บ้านและนักท่องเที่ยว ร่วมกันสืบสานประเพณีจุดประธีบเทียนราวไฟ จำนวน 1,511 เล่ม ตามชื่อหนัง 15 ค่ำ เดือน 11 บนราวสะพานไปสู่สวรรค์ ยาว 330 เมตร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเฉลิมฉลองวาระที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ ถือเป็นงานบุญสำคัญอีกอย่างหนึ่งของคนอีสานที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างไม่เสื่อมคลาย เชื่อกันว่าเป็นการจุดไฟถวายเพื่อให้พระพุทธเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นจากสวรรค์ จึงต่างพากันจุดประทีปเพื่อรับเสด็จในวันออกพรรษา เชื่อมโยงกับปรากฏการบังไฟพญานาค อีกด้วย  













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...