วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

หนองคาย - อธิบดีกรมปศุสัตว์และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อการสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ปี 2562 จ.หนองคาย มั่นใจสามารถสร้างรายได้ดีกว่าการปลูกข้าวนาปรัง



       วันนี้ 11 ธ.ค. 2561 เวลา 16.00 น. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์และคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการสานพลังประชารัจ เพื่อการสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ปี 2561 ณ แปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ นางวราภรณ์ แสงวงศ์ เกษตรกรหมู่ 2 ตำบลนาข่า อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยมี นายวิบูลย์ เลิศวัฒนาสมบัติ ปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย นำหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย และเกษตรกรในพื้นที่ให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวรายงานผลการดำเนินโครงการ






        สำหรับภาพรวมของจังหวัดหนองคาย ในการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อการสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา เบื้องต้นมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,620 ราย พื้นที่ทั้งสิ้น 16,139 ไร่  คิดเป็น 46.656 % ซึ่งมีเป้าหมายของจังหวัดหนองคาย ประมาณ 25,000 ไร่ เป้าหมายของกระทรวงเกษตร ประมาณ 23,000 ไร่ ในพื้นที่ทั้งหมด 9 อำเภอ จากรายงานผลในระบบยืนยันการรับสมัครผ่านประชาคม มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 1,008 ราย พื้นที่ 6,529 ไร่ แบ่งในเขตชลประทาน 3 อำเภอ จำนวน 39 ราย จำนวน 42 แปลง พื้นที่ 213 ไร่ อยู่ที่อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอโพธิ์ตาก ส่วนนอกเขตชลประทานมีจำนวน 9 อำเภอ จำนวน 969 ราย จำนวน 1,100 แปลง พื้นที่ 6,300 ไร่  พื้นที่ได้ทำการปลูกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม จำนวน 1,500 ไร่ ปลูกไปแล้ว 783 ไร่ ติดเป็น 12.2 %

         ด้านอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตร ได้ให้อธิบดีกรมปศุสัตว์ดูแล 8 จังหวัดทางอีสานตอนบน ซึ่งจังหวัดหนองคายก็อยู่โครงการนี้ด้วย และแปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของนางวราภรณ์ แสงวงศ์ มีประมาณเกือบ 20 ไร่ ก็เห็นว่าได้ทำการปลูกเป็นระยะมาอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีต้นข้าวโพดขึ้นแล้ว ซึ่งวันนี้ก็มีคุณประเสริฐ ดวงก้อน เจ้าของบริษัท ป.เกษตร J & F กรุ๊ป ซึ่งเป็นคนสำคัญมาก เพราะต้องมารับซื้อข้าวโพดหลังจากนางวราภรณ์ได้ปลูกไว้และเก็บเกี่ยวก็ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตอนนี้ราคาที่ทางบริษัทดังกล่าวได้การันตีไว้ในราคาทั้งฝัก ความชื้น 25 % อยู่ที่ 6.80 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาที่ดีมาก ซึ่งตรงนี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จและก็ได้ราคาดี ซึ่งคิดว่าน่าจะดีกว่าการทำนาปรังประมาณไร่ละ 2,000 บาท และมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่สำคัญข้าวโพดที่ปลูกนั้นใช้น้ำน้อย พอใช้น้ำน้อยก็จะสามารถประหยัดต้นทุนได้มาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องการทำประกันภัยพืชผล รับรองว่าได้แน่นอน เนื่องจากกระทรวงเกษตรนั้นยกทีมมาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังทำนา











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จ.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา" เฉลิมพระเกียรติฯ

สนง.พช.หนองคาย ขับเคลื่อนการตำเนินงานโครงการขยายผลการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุต์สู่ "โคก หนอง นา"...