หนองคาย – หนุ่มวัย 28 ชาวหนองคาย ยอมทิ้งเงินเดือนประจำ เพื่อมาเปิดฟาร์มผัก ‘ไฮโดรโปนิกส์‘ ชูคอนเซ็ป “ปลูกด้วยรัก
ดูแลด้วยหัวใจ” ทั้งขายผักสด ทั้งแปรรูป สร้างรายได้เดือนละ 4 หมื่นบาท
ที่ จิตระพีไฮโดรฟาร์ม หมู่ 11 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ
จ.หนองคาย ของนายธนวัฒน ชัยสาร อายุ 28 ปี หลังจากเรียนจบคณะวิทยาการสารสนเทศศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็กลับบ้านมาสมัครงานเป็นพนักงานเทศบาลเมืองท่าบ่อ ทำงานอยู่
2 ปีก็ลาออกมาเปิดฟาร์มผัก “ไฮโดรโปนิกส์” ชูคอนเซ็บ “ปลูกด้วยรัก ดูแลด้วยหัวใจ” ทั้งขายผักสดและแปรรูปออกจำหน่าย
นายธนวัฒน์
กล่าวว่า หลังจากเรียนจบก็กลับบ้าน และได้ทำงานที่เทศบาลเมืองท่าบ่อ ขณะที่ทำงานก็ได้ทำอาชีพเสริมด้วยการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
แรกๆได้ทดรองปลูกแค่ 200 ต้น แล้วมีลูกค้าและเพื่อนบ้านมาขอซื้อก็เลยเกิดความคิดอยากจะขยายขึ้นมาเป็น
1,000 ต้น ทั้งทำงานทั้งปลูกไปด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มแปรรูปออกมาขายที่ตลาด
แล้วพอมีรายได้ดีก็เลยลาออกจากเทศบาลฯมาทำอย่างเต็มตัว ขนาด 4,000-5,000 ต้น แล้วก็ขายส่งทั้งในเขตเทศบาลฯ ในตัวเมืองหนองคาย
และในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง โดยตนได้เรียนรู้มาจากอินเตอร์เน็ต เนื่องจากตนเป็นคนชอบต้นไม้
หลังจากนั้นก็เรียนรู้ในการปลูกผักอย่างจริงจัง
พอเริ่มทำก็เริ่มมีออเดอร์เข้ามาทั้งผักทั้งแปรรูป โดยผักสดจะมีรายได้เดือนละ 30,000-40,000
บาท ในส่วนผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจะมีรายได้เดือนละ 20,000-30,000
บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วตกอยู่ที่เดือนละ 40,000 บาท
ที่ตนหันมายึดอาชีพนี้ก็เพราะชอบในการปลูกต้นไม่
ปลูกผัก ชอบบรรยากาศธรรมชาติ ร่มรื่น ไม่ชอบอยู่กับคนเยอะๆเวลาทำงาน ก็เลยรองออกมาทำฟาร์มก็รู้สึกว่าชอบที่จะทำ
ชอบในการขาย เพราะได้พูดคุย ได้เจอคนมากมายที่อัธยาศัยดี และชอบในการรักดูแลสุขภาพเช่นกัน
ซึ่งบริเวณรอบๆ ฟาร์มก็กำลังทดลองปลูกดาวเรือง เพื่อที่จะส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ทำพวงมาลัย
ร้อยพวงมาลัยขายเพื่อเป็นรายได้เสริมขึ้นมาบ้าง ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่แปรรูป
ประกอบด้วยเมนูสลัดโรลเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ยอสาหร่าย, ไรซ์เบอร์รี่, โรลลุยสวน,
กุ้งพันหอม, สลัดผักพลไม้, เมี่ยงกุ้ง, ปูยำสาหร่าย ซึ่งจะขายอยู่ที่บริเวณตลาดประชารัฐอำเภอท่าบ่อ
โดยจะทำวันละ 50 กล่อง รับรองได้ว่าสดทุกวัน ไม่มีค้างคืน
สำหรับโรงเรือนนั้นมีขนาด 8.00x40.00 เมตร
ในพื้นที่ 2 ไร่ ใช้วิธีปลูกระบบน้ำวน
ผักที่ปลูกก็มีหลากหลายพันธุ์ การปลูกจะมีอยู่ 4 คั่นตอน 1.การเพาะต้นกล้า, 2.การเลี้ยงต้นกล้าในรางอนุบาล 1, 3.การเลี้ยงต้นกล้าในรางอนุบาล 2 และ 4.การเลี้ยงต้นผักบนโต๊ะปลูก โดยจะมีการพ่นหมอกเพื่อลดอุณภูมิในโรงเรือน
จะช่วยฟิดปากใบไม่ให้ผักคายน้ำมากจนเกินไป การให้สารอาหารกับผักจะมีสารอาหาร A,B
ซึ่งเป็นธาตุอาหาร
การเติมสารอาหารให้อยู่ที่ค่า Ec 1,400-1,600 และต้องทำการวัดค่ากรด-ด่างของน้ำให้อยู่ที่
6.0-6.5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น